จากสภาพอากาศที่ย่างเข้าสู่ฤดูฝนอย่างเต็มตัว ทำให้หลายพื้นที่มีฝนตกชุ่มฉ่ำถึงแม้จะมีสถานการณ์โควิด แพร่ระบาดส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวม ประชาชนชั้นแรงงานตกงานขาดรายได้จำนวนมาก แต่สำหรับชาวบ้านในพื้นที่ ต.พิมาน อ.นาแก จ.นครพนม ถือเป็นอีกพื้นที่สำคัญ ที่มีการส่งเสริมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมมาอย่างต่อเนื่องนับสิบปี อีกทั้งเป็นชุมชนที่มีความเข้มแข็งเรื่องการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม รวมถึงเป็นต้นแบบศูนย์เรียนรู้ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงในหลวงรัชกาลที่ 9 ถึงจะมีชาวบ้านได้รับผลกระทบจากพิษโควิด แต่ในชุมชน ต.พิมาน ยังใช้ความพอเพียงเลี้ยงชีพ ด้วยการทำการเกษตร และหาของป่าขายสร้างรายได้ หรือนำไปปรุงเป็นอาหารรับประทานในครัวเรือน ลดรายจ่าย สร้างรายได้
โดยในช่วงฤดูฝนนี้ ชาวบ้านได้พากันออกไปส่องกบ จับเขียด อึ่งอ่างและจิ้งหรีดตามท้องทุ่งนาส่งขายสร้างรายได้ ตกวันละ 200-300 บาท/คน รวมถึงนำไปประกอบอาหารกินเอง เป็นการลดรายจ่ายในช่วงสถานการณ์โควิด บางรายตกงานจากการเลิกจ้างทำให้ขาดรายได้ แต่ไม่กระทบต่อครอบครัวเพราะใช้ความพอเพียงสู้ภัยโควิด
ขณะเดียวกันช่วงนี้ในตลาดสดเทศบาลตำบลนาแก อ.นาแก จะคึกคักเป็นพิเศษ มีชาวบ้านสวมบทพ่อค้าแม่ค้า นำของป่าที่หาได้มาจำหน่าย อาทิผักหวาน เห็ดเผาะ ดอกกระเจียวแมงแคง จักจั่น ไข่มดแดง กบ เขียด อึ่งอ่าง โดยไข่มดแดงช่วงออกใหม่ๆมีราคาสูงถึงกิโลกรัมละ 1,200 บาท เมื่อมีจำนวนมากขึ้นราคาตกลงมาที่กิโลกรัมละ 400-500 บาท ส่วนแมงแคงกิโลกรัมเกือบ 2,000 บาท จักจั่นตกตัวละประมาณ 1 บาท เห็ดเผาะราคากิโลกรัมละ 500 บาท จึงสร้างรายได้เงินหมุนเวียนสะพัดวันละหลายหมื่นบาท
ทั้งนี้ จากการสอบถามชาวบ้าน ต.พิมาน ผู้มีอาชีพเป็นพรานหาของป่าเปิดเผยว่า ในช่วงนี้ฝนเริ่มตกลงมาต่อเนื่อง จึงเป็นโอกาสดีของชาวบ้านออกหาของป่าในป่าภูพานน้อยเทือกเขาภูพาน และในช่วงกลางคืนจะออกส่อง กบ เขียด อึ่งอ่าง ขาย กอปรกับชาวบ้านส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบจากโควิดขาดรายได้ไม่สามารถออกไปทำงานรับจ้างได้ จึงต้องหันมาพึ่งความพอเพียงอาศัยหากินตามธรรมชาติ เช่น หาของป่า ส่องกบ เขียด จิ้งหรีด อึ่งอ่าง นำไปเป็นอาหารเป็นการลดรายจ่าย หากได้จำนวนมากจะนำไปขายสร้างรายได้เสริม สำคัญที่สุดพื้นที่จะต้องมีความอุดมสมบูรณ์ และในการทำการเกษตรจะต้องไม่ใช้สารเคมี จะทำให้สามารถหาอาหารเลี้ยงครอบครัวได้ถึงเจอสถานการณ์โควิดยังสามารถเลี้ยงชีพได้
ด้าน นายบัญชา ศรีชาหลวง นายกอบต.พิมาน เปิดเผยว่าต้องยอมรับในสิ่งที่ อบต.พิมาน ได้ปลูกฝังสร้างจิตสำนึกชาวบ้านในเรื่องของความพอเพียง รวมถึงการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมแบบยั่งยืน ทำให้ชุมชนพิมานเป็นศูนย์เรียนรู้แห่งความพอเพียง และยังมีความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติ พอบ้านเมืองวิกฤติเจอพิษโควิดบางคนต้องตกงานขาดรายได้ ไม่สามารถออกไปทำงานนอกบ้านสร้างรายได้ สำคัญที่สุดคือความพอเพียง การพึ่งตนเองในการทำการเกษตร ปลูกผัก เลี้ยงสัตว์ทำเมนูกินเอง และยังขายสร้างรายได้ เป็นสิ่งที่ยั่งยืน
เช่นเดียวกันในช่วงฤดูฝน ชาวบ้านบางส่วนพกอุปกรณ์ออกไปส่องกบ เขียด อึ่งอ่าง ตามทุ่งนาขายสร้างรายได้และนำไปปรุงเป็นเมนูกินในครัวเรือน ถือว่าเป็นความพอเพียงแบบยั่งยืน แต่สำคัญที่สุดการเริ่มต้นจะต้องมาจากการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ลดการใช้สารเคมีในการทำการเกษตร ให้มีความอุดมสมบูรณ์ เพราะการใช้ชีวิตแบบพอเพียงจากการหาของป่าสร้างรายได้ กินเมนูธรรมชาติพื้นบ้าน ถือเป็นผลผลิต และตัวชี้วัดของความอุดมสมบูรณ์สิ่งแวดล้อม ถึงแม้จะเจอวิกฤติทางเศรษฐกิจ หากพื้นที่มีความอุดมสมบูรณ์ ยังสามารถหล่อเลี้ยงชีวิตได้จากความพอเพียง ไม่ต้องมีค่าใช้จ่าย และยังสร้างรายได้อีกด้วย จึงฝากให้ประชาชนช่วยกันอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ทำการเกษตรแบบภูมิปัญญาชาวบ้าน ด้วยการลดใช้สารเคมี เป็นต้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี