ไทยติดเชื้อโควิด1,911คน
ตายอีก18ราย
โคม่า1,073ใส่ท่อหายใจ356
กทม.ยังน่าห่วงสุด-จับตา3เขต
‘คลองเตย-ปทุมวัน-บางแค’
สมช.รอประเมินแผนคุมเข้ม
ย้ำล็อกดาวน์หนทางสุดท้าย
ไทยติดเชื้อเพิ่มอีก 1,911 ราย ตาย 18 ราย แต่ยอดหายป่วย 6 พฤษภาคม มี 2,435 มากกว่าคนป่วยใหม่ สถานการณ์ระบาดในกทม.ยังไม่น่าไว้ใจ โดยจำนวนติดโควิดเขตห้วยขวางสะสมสูงสุด จับตา 3 คลัสเตอร์ชุมชนคลองเตย – ปทุมวัน –บางแค เดินหน้าค้นหา เชิงรุกในชุมชนตั้งเป้าสัปดาห์ละ 2.6 หมื่นราย ศบค.แจ้งปรับเวลาแถลงเป็น 12.30 น. ด้านกรมควบคุมโรคย้ำทุกคนในปท.ไทยต้องได้ฉีดวัคซีนเท่าเทียมกัน ไม่มีเลือกปฎิบัติทั้งทูต คนต่างชาติ หรือแรงงาน ยึดสมุทรสาครโมเดล “อนุทิน”สั่งเปิดคลินิกพิเศษฉีดวัคซีนที่อาคารบางรักให้ทูตประจำปท.ไทย เช้าวันเดียวกันวัคซีนซิโนแวคจากจีนถึงไทยอีก 1 ล้านโดส จากนั้น 14 พค.อีก 5 แสนโดสที่จีนบริจาคให้จะถึงไทย และสิ้นพค.ได้เพิ่มอีก 2 ล้านโดส
เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือศบค. แถลงสถานการณ์ผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตประจำวัน รวมถึงการระบาดในพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.)ที่ยังน่าเป็นห่วง
ติดเชื้อ1,911-วันเดียวหายป่วย2,435
นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า วันนี้ไทยมีผู้ติดเชื้อใหม่ 1,911 ราย เป็นการติดเชื้อในประเทศ 1,902 ราย มาจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 1,749 ราย มาจากการค้นหาเชิงรุก 153 ราย เป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ 9 ราย ทำให้มียอดผู้ติดเชื้อสะสม 76,811 ราย หายป่วยสะสม 46,795 ราย เฉพาะวันนี้หายป่วยถึง 2,435 ราย ซึ่งมากกว่าผู้ติดเชื้อรายใหม่วันเดียวกัน ทำให้มีเตียงว่างมากขึ้น อยู่ระหว่างรักษา 29,680 ราย
โคมา1,073-ใส่ท่อ356-ตาย18คน
สำหรับผู้ป่วยอาการหนัก 1,073 ราย ใส่ท่อช่วยหายใจ 356 ราย มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 18 ราย อยู่ใน กทม. 6 ราย สมุทรปราการ 3 ราย นนทบุรี เชียงใหม่ สมุทรสาคร จังหวัดละ 2 ราย ปทุมธานี ยะลา สิงห์บุรี จังหวัดละ 1 ราย เป็นชาย 5 ราย หญิง 13 ราย มี 1 รายที่อายุ 100 ปี สาเหตุส่วนใหญ่มีโรคประจำตัว ไม่ว่าจะเป็นความดันโลหิตสูง เบาหวาน หัวใจ ไขมันในเลือดสูง ภาวะอ้วน ทำให้มียอดผู้เสียชีวิตสะสม 336 ราย ขณะที่สถานการณ์โลก มีผู้ติดเชื้อสะสม 155,820,246 ราย เสียชีวิตสะสม 3,255,270 ราย
กทม.ยังติดเชื้อพุ่ง-ห้วยขวางที่1
นพ.ทวีศิลป์กล่าวต่อว่า ส่วน 5 จังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุดวันที่ 6 พฤษภาคม ได้แก่ กทม. 739 ราย นนทบุรี 273 ราย สมุทรปราการ 143 ราย ชลบุรี 76 ราย สมุทรสาคร 65 ราย ทั้งนี้ ถ้าดูเฉพาะตัวเลข กทม.และปริมณฑล ยังไม่น่าไว้วางใจ กราฟตัวเลขผู้ติดเชื้อยังสูง ส่วนใหญ่อยู่ในชุมชนแออัด ตลาด โดยศูนย์บูรณาการแก้ไขโควิด-19 ในพื้นที่กทม.และปริมณฑล ได้วิเคราะห์ข้อมูลยอดผู้ติดเชื้อระลอกเดือนเมษายนมีแนวโน้มยังสูงขึ้น ในการประชุมช่วงเช้า กทม.รายงานปฎิบัติการควบคุมการระบาดและการสะสมของผู้ป่วยพบว่า มี 10 เขตที่มีผุ้ติดเชื้อสะสมสูงตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน -5 พฤษภาคมคือ ห้วยขวาง 463 คน รองลงมา คือ ดินแดง 426 คน บางเขน 357 คน วัฒนา 330 และ จตุจักร 356 คน
จับตาคลองเตย-ปทุมวัน-บางแค
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังหารือถึงชุมชนที่เป็นคลัสเตอร์ใหญ่ 3 ชุมชนในกทม. คือ ชุมชนคลองเตย ชุมชนพัฒนาบ่อนไก่ ปทุมวัน และชุมชนบ้านขิง บางแค โดยเฉพาะชุมชนบ้านขิงระหว่างวันที่ 28 เมษายน- 1 พฤษภาคมตรวจเชิงรุกในห้างสรรพสินค้าบางแห่งในเขตดังกล่าว 1,413 ราย พบติดเชื้อ 68 ราย คิดเป็น 4.8% และยังมีท่าปล่อยรถเมล์ที่มีพนักงาน 100 คนตรวจพบติดเชื้อ 4 ราย เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคมตรวจหาเชื้อพนักงาน 70 ราย ขณะนี้อยู่ระหว่างรอผล ซึ่งพนักงานเหล่านี้เชื่อมโยงไปยังชุมชนบ้านขิงที่มีประชากรกว่าพันคน โดยวันที่ 28 เมษายนรับแจ้งว่าคนในชุมชนพบเชื้อ 30 ราย วันที่ 30 เมษายน พบเชื้ออีก 24 ราย วันที่ 3 พฤษภาคมค้นหาเชิงรุกในชุมชนพบติดเชื้ออีก 25 ราย
ตั้งเป้าตรวจเชิงรุก26,850/สัปดาห์
นพ.ทวีศิลป์กล่าวอีกว่า หลังจากนี้จะตรวจพื้นที่เชิงรุกมากขึ้น เนื่องจากถ้าดูตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวัน จำนวนที่พบจากการตรวจเชิงรุกถือว่าน้อยกว่าระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ จึงหารือกันว่าต้องตรวจเชิงรุกมากขึ้นหรือไม่ จากข้อมูลปฎิบัติการตรวจเชื้อ 1 เดือนระหว่างวันที่ 5 เมษายน - 5 พฤษภาคมตรวจเชิงรุกใน กทม. ทั้งสถานบันเทิง สถานประกอบการ ตลาด ชุมชน และห้างสรรพสินค้า รวม 49 แห่ง 69 ครั้ง ตรวจไปแล้ว 42,251 ราย พบติดเชื้อ 1,677 ราย คิดเป็น 3.97% ยังรอผลอีก 559 ราย โดยกทม.มีแผนตรวจเชิงรุกให้ได้ 26,850 รายต่อสัปดาห์ แบ่งเป็นตรวจเชิงรุกในคลัสเตอร์สำคัญ 8,300 รายต่อสัปดาห์ เฝ้าระวังเชิงรุกใน 6 โซน กทม. วันละ 3,000 ราย หรือ 15,000 รายต่อสัปดาห์ สุ่มตรวจในผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 250 ตัวอย่างต่อวัน หรือ 1,750 รายต่อสัปดาห์ และตรวจในสถานกักตัวของรัฐ ที่จัดเป็นที่พักให้ผู้สัมผัสเสี่ยงสูงแยกตัวออกมาอยู่ในโรงแรม 3 แห่งคือ โรงแรมธำรงอินน์ จรัญสนิทวงศ์ โรงแรมมายโฮเทล ห้วยขวาง และโรงแรมแอมบาสเดอร์ สุขุมวิท วันละ 600 คนต่อวัน หรือ 1,800 รายต่อสัปดาห์ ขณะเดียวกัน จัดเตรียมเตียงรองรับไว้ให้ได้ 1,343 เตียงต่อสัปดาห์ เพื่อรองรับคนที่ตรวจแล้วพบว่าติดเชื้อโควิด-19
เปิดชื่อ10จว.ติดเชื้อรายใหม่สูงสุด
สำหรับข้อมูลผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่เพิ่มขึ้นในแต่ละจังหวัดพบว่า ผู้ติดเชื้อใหม่ 10 อันดับแรก ยังเป็น กทม. 739 คน ทำให้มีผุ้ติดเชื้อสะสม 16,048 คน รองลงมาคือ นนทบุรีพบรายใหม่ 273 คน สมุทรปราการ 143 คน ชลบุรี 76 คน สมุทรสาคร 65 คน สุราษฎร์ธานี 53 คน นครปฐม 47 คน อยุธยา 35 คน ฉะเชิงเทรา 35 คน ปทุมธานี 31 คน และนครศรีธรรมราช 31 คน กทม.รวมกับปริมณฑล มีผู้ติดเชื้อรวมมากกว่าครึ่งของผู้ติดเชื้อใหม่ในประเทศ ทำให้นายกฯตั้งคณะกรรมการบูรณาการการทำงานของ COVID-19 กทม.และปริมณฑล มีนายกฯเป็นประธานเอง ข้อมูลล่าสุด กทม.และปริมณฑลมีผู้ติดเชื้อรวม 1,298 คน รวมสะสม 24,623 คน
กก.3ชุดไม่ซ้ำซ้อน-เลื่อนแถลง12.30
ผู้สื่อข่าวถามถึงคณะกรรมการ 3 ชุดที่นายกรัฐมนตรีตั้งขึ้นเพื่อบูรณาการทำงานในส่วนกรุงเทพมหานครและปริมณฑล จะทำงานอย่างไรไม่ให้ทับซ้อนกับงานของศบค. นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า คณะกรรมการฯดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งในศบค. ทำงานประสานงานเชื่อมโยงระหว่างคณะทำงานชุดต่างๆ เพื่อให้สอดคล้องและเชื่อมโยงข้อมูลขึ้นมาสู่การบริหารจัดการระดับที่นายกฯจะได้เข้ามารับรู้ข้อมูลเป็นรายวันโดยเร็วเพื่อบริหารสถานการณ์ได้รวดเร็ว สำหรับภาคส่วนอื่นๆ ยังดูแลกันเหมือนเดิม
นพ.ทวีศิลป์กล่าวตอนท้ายของการแถลงข่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 7 พฤษภาคมเป็นต้นไปจะปรับเวลาแถลงข่าวของ ศบค.เป็นเวลา 12.30 น. เนื่องจากช่วงเช้าจะประชุมหลายคณะ ต้องใช้เวลาสรุปก่อนนำมาแถลงต่อประชาชน นอกจากนี้ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) จะตอบคำถามผ่านไลฟ์สดบางวัน
สธ.ย้ำทุกคนในปท.ได้ฉีดวัคซีน
ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นพ.โอภาส การ์ยกวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค(คร.) แถลงข่าวกรณีการฉีดวัคซีนให้ชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยว่า นโยบาลรัฐบาลมีนโยบายชัดเจนว่า การฉีดวัคซีนโควิดจะฉีดให้ทุกคนในแผ่นดินไทยโดยความสมัครใจ หมายความว่า บุคคลใดที่อยู่ในประเทศไทยหากสมัครใจและมีข้อบ่งชี้ ไม่มีข้อห้ามจะได้รับการฉีดทั้งหมด นอกจากนี้ การฉีดวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้ประเทศต้องฉีดอย่างน้อย 70% ของประชากร จากการคำนวณทั้งคนไทย คนต่างชาติที่อยู่ในแผ่นดินไทยที่ทำงาน รวมทั้งทูตคือ 70 ล้านคน โดยคนไทย 67 ล้านคน และคนต่างชาติที่อยู่ในไทยอีกประมาณ 3 ล้านคน เมื่อคิด 70% ทำให้ยอดฉีดวัคซีนในแผ่นดินไทย 50 ล้านคน วัคซีน 2 โดสฉีด 1 คนจะเป็น 100 ล้านโดส
เปิดคลินิกพิเศษฉีดให้คณะทูต
ส่วนประเด็นที่มีข้อซักถามว่า การฉีดวัคซีนให้คนต่างชาติ หรือทูตมีหลักปฏิบัติอย่างไร นพ.โอภาสกล่าวว่า เรายึดตามสากล ข้อบ่งชี้ตามทางการแพทย์ทั้งหมด เรายึดหลักเกณฑ์อย่างไรกับคนไทย ต่างชาติที่อยู่ในประเทศไทยก็เหมือนกัน ไม่มีใครฉีดก่อนฉีดหลัง การฉีดวัคซีนเป็นไปตามความสมัครใจเป็นไปตามข้อบ่งชี้ทางการแพทย์และสาธารณสุข ยืนยันว่า ทุกคนในแผ่นดินไทยได้ฉีดวัคซีนพร้อมกัน และใกล้เคียงกันตามหลักทางการแพทย์และสาธารณสุข นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุขสั่งการให้จัดสถานที่ฉีดวัคซีนอำนวยความสะดวกให้ประชาชนและคณะทูต ซึ่งสธ.จัดคลินิกบริการฉีดวัคซีนเพิ่มเติม นอกจากรพ.ภาครัฐและเอกชน ยังมีคลินิกเพิ่มเติมที่อาคารบางรัก อยู่ใจกลางเมือง มีรถไฟฟ้า เพราะบริเวณนั้นใกล้สถานทูตต่างๆ และมีชาวต่างชาติที่พำนักในประเทศไทย
ชี้ทูตเลือกวัคซีนต้นทางเป็นเอกสิทธิ์
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีฉีดวัคซีนให้ทูตประเทศต่างๆ เป็นไปได้หรือไม่ ที่จะเลือกวัคซีนจากประเทศต้นทาง แล้วส่งเข้ามา นพ.โอภาส กล่าวว่า การส่งวัคซีนเป็นเอกสิทธิ์ทางการทูตของแต่ละประเทศ สธ.ไม่ได้รับแจ้งข้อมูลเหล่านี้ อย่างที่ทราบว่าคณะทูตเวลาอยู่ในสถานทูตถือเป็นประเทศของเขา เป็นเอกสิทธิของเขา เป็นไปตามหลักสากล ดังนั้น สธ.ไมได้รับแจ้งว่ามีทูตประเทศใดบ้างที่ได้ฉีดวัคซีนแต่อย่างใด
ถามต่อว่ามีการตั้งข้อสังเกตเนื่องจากมีทูตได้รับวัคซีนแล้วแต่เป็นชนิดที่ยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนในประเทศไทย กรณีเช่นนี้ทำได้หรือไม่ นพ.โอภาสกล่าวว่า ในการปฏิบัติกับทูตนั้นเป็นไปตามหลักสากล ขอย้ำอีกครั้งว่า สธ.ไม่ได้รับแจ้งว่ามีการนำวัคซีนอะไรเข้ามาผ่าน สธ.
ใช้โมเดลสมุทรสาครกระจายวัคซีน
ถามย้ำว่า คนต่างชาติที่อยู่ในไทยจะได้รับวัคซีนพร้อมกับคนไทยเลยหรือไม่ แล้วจะลงทะเบียนฉีดได้อย่างไร นพ.โอภาสกล่าวว่า เท่าเทียมกัน ขณะนี้แค่รอวัคซีนเข้ามา อย่างที่จ.สมุทรสาครฉีดวัคซีนให้แรงงานต่างด้าวไปจำนวนมาก ดังนั้น หลักปฏิบัติ เป็นไปตามนโยบายคือทุกคนในไทยต้องได้รับอย่างเท่าเทียมกัน จะเห็นว่าคนไทยมี 67 ล้านคน คนต่างด้าว 3 ล้านคน รวมเป็น 70 ล้านคน ต้องฉีด 70%ของ70 ล้านคน หรือประมาณ 49 ล้านคน แต่เราปัดเศษเป็น 50 ล้านคน ถึงได้จัดหาวัคซีน 100 ล้านโดส
สำหรับการแจ้งความประสงค์ลงทะเบียนรับวัคซีนนั้น ไม่ได้ทำผ่านเพียงแอพพลิเคชั่น หรือไลน์ “หมอพร้อม”เท่านั้น แต่มีหลายช่องทาง อีกระบบที่เตรียมไว้คือ คนมีโรคประจำตัว รพ.จะทำรายชื่อ และนัดหมายมาฉีดได้ หรือบางกรณีให้หน่วยงานต่างๆ รวบรวมข้อมูลลูกจ้างแล้วแจ้งไปยังสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดแต่ละจังหวัด เพราะการกระจายวัคซีนจะใช้ระบบพื้นที่เป็นหลัก ส่วนกรณีตกหล่น กระทรวงจะเก็บตกกลุ่มนี้แล้วส่งวัคซีนลงไปเสริมอีกครั้ง ฉะนั้นตนต่างด้าว คนต่างชาติในไทย หากต้องการรับวัคซีนสามารถแจ้งไปที่ สสจ.จังหวัดนั้นๆ หรือแจ้งที่สธ.ได้ หรือแจ้งผ่านกระทรวงการต่างประเทศก็ได้ มีหลายช่องทางให้ติดต่อกันได้
‘ซิโนแวค’ถึงไทยอีก1ล้าน.โดส
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่เขตปลอดอากรและคลังสินค้า ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จ.สมุทรปราการ นพ.วิทูรย์ ด่านวิบูลย์ ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม (อภ.) รับมอบวัคซีนโควิด-19 ของซิโนแวค 1 ล้านโดสจากจีน ที่ขนส่งโดยสายการบิน Air China Airline เที่ยวบินที่ CA603 เส้นทางปักกิ่ง – กรุงเทพมหานครมาถึงประเทศไทย เวลา 05.30 น. สำหรับการรับมอบวัคซีนโควิด-19 ของซิโนแวค จากจีนครั้งนี้เพิ่มอีก 1 ล้านโดส มีการบรรจุในตู้ Envirotainer ระบบ Cold Chain ในการขนส่งสินค้าทางอากาศ ที่ใช้เทคโนโลยีพิเศษในการควบคุมอุณหภูมิของสินค้าในกล่อง ที่ต้องควบคุมอุณหภูมิไว้ไม่เกิน 2 – 8 องศาเซลเซียส ตลอดการขนส่งเพื่อรักษาคุณภาพ 6 ตู้ 27 พาเลท โดยก่อนหน้านี้นำเข้าวัคซีนซิโนแวคมาแล้ว 2 ล้าน 5 แสนโดส รวมยอดนำเข้าวัคซีนซิโนแวคจากจีนรวมทั้งหมด 3 ล้าน 5 แสนโดส
14พค.จีนให้5แสน-สิ้นพค.อีก2ล.
โดยวัคซีนทั้งหมดนี้จะขนส่งไปจัดเก็บยังคลังสำรองวัคซีนโควิด-19 ซึ่งควบคุมอุณหภูมิระหว่าง 2-8 องศา ที่ศูนย์กระจายสินค้าของบริษัท ดีเคเอสเอช (ประเทศไทย) จำกัด จากนั้น อภ.จะตรวจรับวัคซีนและส่งให้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ตรวจสอบคุณภาพ มาตรฐานและเอกสาร เมื่อผ่านการตรวจสอบทุกขั้นตอนแล้ว จะส่งให้กรมควบคุมโรคตรวจรับวัคซีนและกระจายไปยังหน่วยบริการ และสถานพยาบาลต่างๆ เพื่อฉีดให้กลุ่มเป้าหมายตามแผนที่กรมควบคุมโรคกำหนด โดยวัคซีนซิโนแวคนี้จะส่งมอบมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งวันที่ 14 พฤษภาคมจะเข้ามาอีก 5 แสนโดส จากการบริจาคของจีน และสิ้นเดือนนี้จะเข้ามาอีก 2 ล้านโดส จากการจัดซื้อโดย อภ.เอง
67วันฉีดไปแล้วกว่า1.6ล้านโดส
ศูนย์ข้อมูล COVID-19 เปิดเผยความคืบหน้าการฉีดวัคซีนโควิด-19 ในประเทศไทย เป็นดังนี้จำนวนผู้ได้รับวัคซีนวันที่ 5 พฤษภาคม 28,758 โดส ผู้ได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 จำนวน 17,155 ราย ผู้ได้รับวัคซีนเข็มที่ 2 จำนวน 11,603 ราย จำนวนผู้รับวัคซีนสะสม ตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์-5 พฤษภาคม รวมทั้งหมด 67 วันฉีดไปแล้ว 1,601,833 โดส ใน 77 จังหวัด เป็นผู้ได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 จำนวน 1,167,719 ราย ผู้ได้รับวัคซีนเข็มที่ 2 จำนวน 434,114 ราย
มท.สั่งทุกจว.พร้อมฉีดวัคซีน7มิย.
ด้านนายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า การประชุมศูนย์ปฏิบัติการ ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศปก.ศบค.)วันที่ 4 พฤษภาคมที่ผ่านมา สั่งการให้กระทรวงมหาดไทยและกรุงเทพมหานคร เสนอความพร้อมเตรียมฉีดวัคซีนโควิดตามแนวทางของกระทรวงสาธารณสุข เตรียมทีมบุคลากร วัสดุอุปกรณ์ และสถานที่ฉีดวัคซีน การประชาสัมพันธ์ให้กลุ่มเป้าหมายลงทะเบียนจองฉีดวัคซีน และกำกับติดตามการฉีดวัคซีน ดังนั้น ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงมหาดไทย (ศบค.มท.) จึงสั่งการผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดในฐานะประธานกรรมการโรคติดต่อจังหวัด หารือคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด จัดทำแผนจัดสรรวัคซีนในพื้นที่ ทั้งเตรียมและจัดลำดับความสำคัญของกลุ่มเป้าหมายฉีดวัคซีน ได้แก่ 1.บุคลากรแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้า 2.เจ้าหน้าที่ด่านหน้าที่เสี่ยงสัมผัสโรค เช่น ทหาร ตำรวจ 3.ผู้ทำงานสถานกักกันตัว 4.กลุ่มอาชีพเสี่ยง เช่น พนักงานขับรถสาธารณะ ครู 5.ผู้สูงอายุและผู้ป่วยเรื้อรัง7โรคและ6.ประชาชนทั่วไป 2.เตรียมทีมบุคลากร วัสดุอุปกรณ์ และสถานที่ฉีดวัคซีนให้เริ่มให้บริการฉีดวัคซีนได้ตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายนเป็นต้นไป ประชาสัมพันธ์กลุ่มเป้าหมายให้ลงทะเบียนจองฉีดวัคซีนได้ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมเป็นต้นไป โดยกำหนดระยะเวลาฉีดวัคซีนแต่ละกลุ่มเป้าหมายตามที่สธ.กำหนด โดยให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ (Incident Commander : IC)
กทม.วาง8ขั้นตอนคุมโควิดกรุงเทพฯ
พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) แถลงหลังประชุมหัวหน้าหน่วยงานของ กทม. ผ่านระบบการประชุมทางไกล (Teleconference) ที่ศาลาว่าการ กทม.ว่า กทม.มีแนวทางควบคุมป้องกันการแพร่เชื้อโควิดในชุมชนกรุงเทพมหานคร มีขั้นตอนปฏิบัติ 8 ขั้นตอน ได้แก่ 1.ชี้เป้า พื้นที่เสี่ยงแพร่ระบาด 2.ตรวจเชิงรุก (Active Case finding) เพื่อค้นหาผู้ติดเชื้อ 3.ล็อกจุด หยุดการระบาด โดยลดการเคลื่อนย้ายประชาชนในพื้นที่แพร่ระบาด 4.แยกผู้ติดเชื้อ นำเข้ากระบวนการรักษาพยาบาล 5.กักกันผู้สัมผัสเสี่ยงสูง สำหรับผู้สัมผัสเสี่ยงสูงจะให้กักกันตัวเองที่บ้านเพื่อสังเกตอาการ หรือหากไม่สามารถกันกันตัวเองที่บ้านได้ เจ้าหน้าที่จะรับไปกักกันตัวเองที่โรงแรมหรือสถานที่ที่จัดเตรียมไว้ 6.ดูแลกลุ่มเปราะบาง ด้วยการให้การดูแลสำหรับกลุ่มผู้สูงอายุ ผู้มีโรคประจำตัว รวมทั้งผู้ด้อยโอกาส 7.ฉีดวัคซีนกลุ่มเสี่ยง เร่งให้วัคซีนในพื้นที่เพื่อควบคุมแพร่ระบาด ซึ่งได้รับการสนับสนุนวัคซีนจากสธ.ที่ร้องขอครบถ้วน และ 8.จัดการอนามัยสิ่งแวดล้อมให้ถูกสุขอนามัย
“อัศวิน”ขีดเส้นคุมให้ได้ใน2สัปดาห์
ผู้ว่าฯกทม.เผยว่า การจัดเตรียมเตียงรองรับผู้ป่วยโควิดในส่วนกทม.ข้อมูลจนถึงวันที่ 6 พฤษภาคม มีเตียงในโรงพยาบาล (รพ.) สังกัดสำนักการแพทย์ กทม. รพ.สนามของกทม. ฮอสปิเทล (Hospitel) รวม 2,570 เตียง มีการครองเตียง 1,472 เตียง มีเตียงว่าง 1,098 เตียง โดยทุกเขตจะประสานศูนย์เอราวัณ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งจัดหาเตียงพยาบาลให้ผู้ติดเชื้อทุกรายในกรุงเทพฯได้เข้ารักษา ไม่ให้มีผู้ป่วยตกค้าง พร้อมกันนี้ ยังให้แต่ละเขตดูแลครอบครัวที่มีสมาชิกในครอบครัวต้องกักตัว นำส่งความช่วยเหลือทั้งเครื่องอุปโภคบริโภค พร้อมกันนี้ได้ย้ำให้ทุกหน่วยงานควบคุมการระบาดในพื้นที่ให้ได้ภายใน 2 สัปดาห์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี