มท.1สั่งผวจ.ทั่วไทย
พร้อมรับมือน้ำท่วม
จี้ทำงานเป็นระบบ
อุตุเตือนฝนตกหนัก
มท.1 สั่ง ผวจ.ทั่วประเทศ เตรียมรับมือสถานการณ์น้ำท่วมช่วงฤดูฝนตั้งแต่กลางเดือนพฤษภาคมนี้ กำชับบูรณาการทำงานเป็นระบบ ทันสถานการณ์ภัยพิบัติ ด้านอุตุฯชี้ 11-16 พฤษภาคม นี้ มีฝนตกหนักหลายพื้นที่
เมื่อวันที่ 10พฤษภาคม พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ในฐานะผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ เปิดเผยว่า ตามที่กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศว่าฤดูฝนของประเทศไทย จะเริ่มต้นประมาณกลางสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนพฤษภาคมนี้ และจะสิ้นสุดประมาณกลางเดือนตุลาคม โดยช่วงเดือนสิงหาคมและกันยายน เป็นช่วงที่ฝนตกชุกหนาแน่นที่สุด มีโอกาสที่พายุหมุนเขตร้อนจะเคลื่อนผ่านประเทศไทยตอนบน ส่งผลให้เกิดฝนตกหนัก ภาวะน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง เพื่อให้การเตรียมรับสถานการณ์อุทกภัยเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ จึงสั่งการไปยัง ผวจ.ทุกจังหวัด เตรียมพร้อมรับสถานการณ์อุทกภัยช่วงฤดูฝน
ทั้งนี้ ให้ดำเนินการ 1.เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์อุทกภัย ด้วยการจัดตั้งคณะทำงานติดตามสถานการณ์ ทำหน้าที่ติดตาม วิเคราะห์ ประเมินสถานการณ์ เพื่อเป็นข้อมูลสนับสนุนการตัดสินใจของผู้อำนวยการแต่ละระดับ 2.จัดทำแผนเผชิญเหตุอุทกภัย โดยทบทวนและปรับปรุงแผนเผชิญเหตุอุทกภัยของจังหวัดให้เหมาะสม สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน และให้ความสำคัญกับการจัดทำรายละเอียดครอบคลุมข้อมูลพื้นที่เสี่ยงในระดับหมู่บ้าน/ชุมชน เครื่องมือ วัสดุอุปกรณ์ และเครื่องจักรกลสาธารณภัย การกำหนดจุดพื้นที่ปลอดภัยประจำหมู่บ้าน/ชุมชน เส้นทางการอพยพ การจัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวก การจัดเตรียมแผนจัดตั้งศูนย์พักพิงชั่วคราว
รวมทั้งกำหนดโครงสร้างศูนย์บัญชาการเหตุการณ์จังหวัด เช่น ศูนย์ประสานการปฏิบัติ ศูนย์ประชาสัมพันธ์ร่วม คณะที่ปรึกษา/ผู้เชี่ยวชาญ ส่วนปฏิบัติการ ส่วนอำนวยการ และส่วนสนับสนุน เป็นต้น และให้ซักซ้อมแนวทางการปฏิบัติตามแผนเผชิญเหตุ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเน้นย้ำบทบาทหน้าที่ ตลอดจนสร้างความเข้าใจกลไกการทำงานร่วมกันเมื่อเกิดสถานการณ์อุทกภัย
3.การระบายน้ำและการเพิ่มพื้นที่รองรับน้ำ ให้กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแต่ละระดับ ดำเนินการอย่างเป็นระบบ โดยเฉพาะตามรอยต่อเขตรับผิดชอบที่เป็นเส้นทางน้ำไหลผ่าน และให้ความสำคัญกับพื้นที่เสี่ยง พื้นที่สำคัญทางเศรษฐกิจ และเส้นทางคมนาคมที่เกิดอุทกภัยเป็นประจำ ด้วยการเร่งขุดลอกท่อระบายน้ำ ดูดเลน ทำความสะอาดร่องน้ำ กำจัดสิ่งกีดขวางออกจากทางระบายน้ำ รวมทั้งเร่งกำจัดวัชพืช ขยะ สิ่งกีดขวางทางน้ำ บริเวณคู คลอง แหล่งน้ำต่าง ๆ เพื่อสามารถรองรับน้ำฝนและน้ำจากท่อระบายน้ำได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และกำหนดแนวทาง วิธีการในการลำเลียงน้ำที่มีการระบายไปยังพื้นที่รองรับน้ำต่างๆ เพื่อประโยชน์ในการกักเก็บน้ำไว้ใช้ในกรณีฝนทิ้งช่วง
4.ตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรงสถานที่ใช้กักเก็บน้ำ/กั้นน้ำ เช่น อ่างเก็บน้ำ พนังกั้นน้ำ เพื่อสามารถรองรับกรณีฝนตกหนัก หรือน้ำไหลเข้าป่าในปริมาณมาก และสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนในพื้นที่ และ 5.เมื่อมีแนวโน้มการเกิดสถานการณ์อุทกภัย วาตภัย ดินถล่ม ให้แจ้งเตือนไปยังกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยในแต่ละระดับ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดเตรียมบุคลากร วัสดุอุปกรณ์ เครื่องจักรกลสาธารณภัย ให้พร้อมเผชิญเหตุ และเตรียมการในพื้นที่เสี่ยงภัยเป็นการล่วงหน้า พร้อมแจ้งเตือนประชาชนทราบในทุกช่องทาง เพื่อรับทราบข้อมูลข่าวสาร แนวทางปฏิบัติตนให้ปลอดภัย
สำหรับการเผชิญเหตุเมื่อเกิดสถานการณ์ให้ยึดแนวทางการจัดการสาธารณภัยในภาวะฉุกเฉิน ตามแผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ 2558 และกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
ด้านกรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศว่าในช่วงวันที่ 11-13 พฤษภาคมนี้ ลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ทำให้ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นบางแห่ง ส่วนในช่วงวันที่ 14-16 พฤษภาคม คลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันตกเคลื่อนจากประเทศเมียนมาเข้าปกคลุมภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ประกอบกับลมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณประเทศไทยมีฝนฟ้าคะนองเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคตะวันออก และภาคใต้จึงขอให้ประชาชนเฝ้าระมัดระวังจากฝนที่ตกหนักไว้ด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี