เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2564 ดร.อำนาจ วิชยานุวัติ เลขาธิการสภาการศึกษา(เลขาธิการ กกศ.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ได้สร้างผลกระทบต่อระบบการศึกษา ทำให้ผู้เรียนขาดการศึกษาอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นอุปสรรคต่อการขับเคลื่อนแผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2560 - 2579 โดยสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) พบข้อมูลน่าสนใจว่าในปี 2563 จำนวนปีการศึกษาเฉลี่ยของประชากรไทยวัยแรงงาน (กลุ่มอายุ 15 - 59 ปี) ซึ่งเป็นกำลังแรงงานสำคัญปัจจุบัน เท่ากับ 9.86 ปี หรือมีการศึกษาอยู่ในระดับมัธยมศึกษาตอนต้น (ม.ต้น) ซึ่งยังห่างจากค่าเป้าหมายถึง 2.64 ปี จากเป้าหมายในปี 2579 ตามแผนการศึกษาแห่งชาติ อยู่ที่ 12.5 ปี หรือมีการศึกษาขั้นพื้นฐานเป็นอย่างต่ำ ซึ่งแนวโน้มจะถึงค่าเป้าหมายได้ยาก เนื่องจากต้องเพิ่มโดยเฉลี่ยปีละ 0.15 ปี จึงเป็นเรื่องน่าวิตกต่อภาวะถดถอยทางการเรียนรู้ในกลุ่มเด็กนักเรียน เนื่องจากการปิดภาคเรียนที่นานขึ้น และยังมีข้อจำกัดของการเรียนรู้ผ่านแพลตฟอร์มการเรียนรู้ดิจิทัลต่างๆ ช่วงรอยต่อของการเรียนการสอนในสถานการณ์โควิด-19 มีผลทำให้ผู้จบการศึกษาหางานทำยากขึ้น และยังขาดโอกาสสั่งสมประสบการณ์ทำงานและรายได้ ล้วนส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคมในระยะยาว
ดร.อำนาจ กล่าวขยายความถึงภาพกว้างทั้งประเทศด้วยว่า วัยแรงงานจำแนกตามภูมิภาคในปี 2563 โดยเฉลี่ยแต่ละภาคมีการศึกษาระดับ ม.ต้น หรือมีการศึกษาภาคบังคับ 9 ปี และมีแนวโน้มสูงขึ้นทุกภูมิภาค สำหรับกรุงเทพฯ มีจำนวนปีการศึกษาเฉลี่ยสูงที่สุด 11.76 ปี รองลงมาเป็นภาคกลาง 10.08 ปี ภาคใต้ 9.63 ปี ภาคเหนือ 9.18 ปี และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 9.02 ปี ทั้งนี้ เมื่อจำแนกตามจังหวัดมีข้อค้นพบ 53 จังหวัด หรือคิดเป็นร้อยละ 68.83 ที่มีการศึกษาในระดับ ม.ต้น และมี 24 จังหวัด คิดเป็นร้อยละ 31.17 ที่มีการศึกษาอยู่ในระดับประถมศึกษา โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากพิจารณาปีการศึกษาเฉลี่ยรายจังหวัด พบว่าวัยแรงงานที่อาศัยในจังหวัดนนทบุรี มีปีการศึกษาเฉลี่ยสูงที่สุด เท่ากับ 11.80 ปี รองลงมา กรุงเทพฯ เท่ากับ 11.76 ปี และอันดับ 3 จ.สมุทรปราการ เท่ากับ 10.96 ปี ขณะที่สามลำดับสุดท้าย ประกอบด้วย จ.ศรีสะเกษ เท่ากับ 8.32 ปี จ.ตาก เท่ากับ 7.99 ปี และน้อยที่สุด จ.แม่ฮ่องสอน 7.20 ปี
ดร.อำนาจ กล่าวด้วยว่า ข้อมูลดังกล่าวสะท้อนภาพที่ชัดเจนว่าทุกภาคส่วนต้องร่วมกันผลักดันกลุ่มวัยแรงงานอายุ 15-39 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายต่อยอดการพัฒนาประเทศอนาคต โดย สกศ. สังเคราะห์ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายการจัดสรรงบประมาณทางการศึกษาให้มีความสอดคล้องความต้องการและความจำเป็นของสถานศึกษาแต่ละขนาดที่มีความแตกต่างกัน เสนอปรับหลักสูตรการเรียนการสอนแบบข้ามสาขาวิชา เพื่อพัฒนาให้เด็กมีทักษะรองรับการเปลี่ยนแปลงในศตวรรษ ที่ 21 รวมถึงการส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต ปรับการจัดการเรียนการสอนแบบ Non-Degree ริเริ่มการใช้กรอบคุณวุฒิแห่งชาติ (NQF) และระบบธนาคารหน่วยกิต (เครดิตแบงก์) ที่มีการกำหนดผลลัพธ์ของการเรียนรู้ เน้นสมรรถนะที่จำเป็นในตลาดงาน โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมเป้าหมายเพื่อสร้างโอกาสในยุคหลังโควิด-19 เช่น อุตสาหกรรมอาหาร การเกษตร ดิจิทัล หุ่นยนต์ และการแพทย์ครบวงจร
"แม้ว่าผลการศึกษาจำนวนปีการศึกษาเฉลี่ยวัยแรงงานไทยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เฉลี่ยเพียงปีละ 0.1 ปี แต่ สกศ.มองว่าโควิด-19 คือตัวเร่งความท้าทายที่มีอยู่ก่อนแล้ว ดังนั้น หากจะให้บรรลุตามแผนการศึกษาแห่งชาติ 20 ปี ในปี 2579 อยู่ที่ 12.5 ปี จำเป็นต้องเร่งปรับเปลี่ยนรูปแบบและหลักสูตรการเรียนการสอนที่ตอบโจทย์การพัฒนาของประเทศที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว สนับสนุนการพัฒนาทักษะ ปรับทักษะ และสร้างทักษะใหม่ให้กับวัยแรงงาน ให้มีความรู้และสามารถเรียนต่อได้สูงขึ้นอีก" เลขาธิการ กกศ.กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี