การประมูลยางขายยางจากโครงการพัฒนาศักยภาพสถาบันเกษตรกรเพื่อรักษาเสถียรภาพราคายาง และโครงการสร้างมูลภัณฑ์กันชนรักษาเสถียรภาพราคายาง ที่มีอยู่ในสต๊อกกว่่า 104,000 ตัน ของการยางแห่งประเทศไทย(กยท.) ซึ่งบริษัทนอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด(มหาชน) เป็นผู้ชนะการประมูลนั้นถูกกล่าวหาว่า “ไม่โปร่งใส” พบข้อพิรุธซึ่งอาจทำให้รัฐเสียหาย
โดยกล่าวหาว่า
“เปิดประมูลในระยะเวลาอันรวดเร็ว แค่ 3 วันทำการ แถมยังต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกันที่เป็นแคชเชียร์เช็ค 200 ล้านบาท และต้องมีหนังสือแบงก์การันตีไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาทมายื่นอีกด้วย นอกจากนี้ยังกำหนดให้เงื่อนไขว่า ต้องเป็นบริษัทร่วมประมูลซื้อยางกับ กยท. มาก่อนมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 300 ล้านบาท และโรงงานต้องเคยมีปริมาณการผลิตและแปรรูปในปี 2563 มากกว่า 200,000 ตัน แถมบอร์ด กยท.ยังอนุมัติให้เอกชนกู้เงินไปได้จำนวน 1,200 ล้านบาทอีกด้วย”
เรื่องนี้ ก่อนจะเชื่อจะต้องคิดไตร่ตรองให้รอบคอบก่อนนะครับ
ผมได้มีโอกาสได้พูดคุยกับ “ณกรณ์ ตรรกวิรพัท” ผู้ว่าการ กยท. ท่านยืนยันว่า ประมูลยางครั้งนี้ “โปร่งใส ชัดเจน ตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน”
กยท.ไม่ได้รีบเร่งประมูล แต่เป็นการดำเนินงานตาม เป็นไปตามมติ ครม. และบอร์ด กยท. ที่ต้องการให้ กยท.ระบายสต๊อกยางในโครงการดังกล่าว เพื่อลดภาระงบประมาณและรักษาประโยชน์สูงสุดของรัฐ ซึ่งการระบายสต๊อกยางในช่วงเดือนเม.ย.-พ.ค.2564 เป็นช่วงระยะเวลาที่เหมาะสม เนื่องจากเป็นฤดูปิดกรีด ปริมาณผลผลิตมีไม่มาก ยางที่ประมูลก็เป็นยางเสื่อมสภาพ การใช้จะแตกต่างจากยางใหม่ จึงแทบไม่มีผลกระทบต่อตลาดยางใหม่เลย
นอกจากนี้อายุประกันภัยยางและสัญญาการเช่าโกดังของโครงการจะครบกำหนดในวันที่ 31 พ.ค.นี้ ตลอดระยะเวลา 9 ปีที่ กยท. ต้องจ่ายเงินไปกว่า 3,822 ล้านบาท เมื่อประมูลออกไปแล้วก็จะประหยัดเงินก่อนนี้ให้รัฐได้
และด้วยเหตุที่การประมูลยางลอตดังกล่าวเป็นลอตใหญ่ปริมาณมากกว่่า 104,000 ตัน อีกทั้งผู้ชนะประมูลจะต้องซื้อยางจากสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางอีก 1 เท่าของปริมาณยางที่ประมูล
ดังนั้น กยท. จำเป็นจะต้องกำหนดเงื่อนไขที่ให้มั่นใจได้ว่า จะได้บริษัทที่มีความเข้มแข็งด้านการเงิน รวมทั้งมีศักยภาพในการผลิตและแปรรูป เพื่อการันตีว่าจะไม่สร้างความเสียหายให้กับรัฐ และก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อเกษตรกรชาวสวนยาง
การให้แบงก์การันตี 1,000 ล้านบาทก็ไม่เป็นความจริง เป็นเพียงการให้ยืนหลักฐานแสดงความสามารถในการชำระเงิน หรือหลักฐานที่ธนาคารรับรองไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท รวมทั้ง กยท.เองก็ ไม่เคยมีการอนุมัติให้เอกชนกู้เงินจำนวน 1,200 ล้านบาทแต่อย่างใด
การประมูลครั้งแม้จะมีบริษัทยื่นประมูลเพียงรายเดียวแต่ก็มีที่ผ่านคุณสมบัติและสามารถเข้าร่วมประมูลได้ถึง6 ราย และบริษัทที่ชนะประมูลก็เสนอราคาซื้อยางเสื่อมสภาพที่สูงกว่าราคากลางที่ คณะกรรมการ กยท.กำหนดไว้โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของรัฐเป็นสำคัญอีกด้วย
มีเอกชนประมูลยางลอตนี้ออกไปได้ ในราคาที่สูงกว่าราคากลางที่ตั้งไว้ โดยไม่กระทบต่อตลาดยางใหม่ และยังต้องซื้อยางใหม่กว่ากว่่า 104,000 ตัน แถมประหยัดเงินรัฐในการจ่ายค่าประกันและค่าโกดังอีกปีละกว่า 424 ล้านบาท…แค่นี้ก็...ก็คุ้มแล้วครับ
โปร่งใสหรือไม่? ผู้ว่าฯกยท.การันตีตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน!!
รัฐศักดิ์ พลสิงห์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี