วันเสาร์ ที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ในประเทศ
เบรก‘วอล์กอินฉีดวัคซีน’  บิ๊กตู่สั่งกลางครม.  หวั่นสับสน-ทำแผนฉีดสะดุด

เบรก‘วอล์กอินฉีดวัคซีน’ บิ๊กตู่สั่งกลางครม. หวั่นสับสน-ทำแผนฉีดสะดุด

วันพุธ ที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2564, 06.00 น.
Tag : บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี
  •  

เบรก‘วอล์กอินฉีดวัคซีน’

บิ๊กตู่สั่งกลางครม.

หวั่นสับสน-ทำแผนฉีดสะดุด

ย้ำฟังศบค.แถลงข่าวเท่านั้น

ผู้ต้องขังติดเชื้อเพิ่ม1,408คน

เรือนจำจ.นนทบุรีหนักที่สุด

ป่วยใหม่2,473คน-ตาย35ศพ

ตายเซ่นโควิดพุ่ง 35 ศพ ติดเชื้อใหม่แรงไม่ตกวันเดียว 2,473 คน ผวาชายแดนลักลอบเข้าเมืองต่อวันยังสูงถึง 107 คน กทม.ยอดป่วยอันดับ 1 สะสมแค่สัปดาห์เดียวกว่า6.6 พันคน จับตา 19 เขต 28 คลัสเตอร์แคมป์คนงานหลักสี่ยังน่าห่วง ติดเชื้อพุ่ง 66% โผล่ใหม่อีก 2 คลัสเตอร์ “ตลาดบางกอกน้อย-ห้วยขวาง” เฝ้าระวังสูงสุด 15 คลัสเตอร์ 11เขต อีก 8 คลัสเตอร์แนวโน้นคุมระบาดได้ขณะที่ 23 จว.สถานการณ์สีขาวไม่พบติดเชื้อเพิ่มด้านนายกฯสั่งศบค.ออกตรวจจุดเสี่ยง-แคมป์คนงานทั่วกรุงเทพฯ พร้อมเร่งซีลเรือนจำ สกัดเชื้อแพร่สู่ชุมชนภายนอก ย้ำวัคซีนวาระแห่งชาติ สั่งลุยปูพรมฉีดเข็มแรกให้ประชาชนมากที่สุด ไม่กั๊กให้กลุ่มใดกลุ่มหนึ่งก่อน เริ่มกระจายฉีดทั่วประเทศเริ่มมิย.นี้แน่นอน

เมื่อวันที่ 18พฤษภาคม นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.แถลงสถานการณ์ผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตประจำวันว่า วันนี้ไทยพบผู้ติดเชื้อใหม่ 2,473ราย เป็นการติดเชื้อในประเทศ 1,770 ราย มาจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 1,423 รายมาจากการค้นหาเชิงรุก 347 ราย เป็นผู้ติดเชื้อในเรือนจำ 680 ราย เป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ23 ราย ทำให้มียอดผู้ติดเชื้อสะสม 113,555 ราย หายป่วยสะสม 69,918 ราย เฉพาะวันนี้หายป่วย 2,718 ราย อยู่ระหว่างรักษา 42,988 ราย อาการหนัก 1,150 ราย ใส่ท่อช่วยหายใจ 384 ราย


ตายเพิ่ม35คนดันยอดสะสมพุ่ง649

นพ.ทวีศิลป์กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่ม 35 ราย เป็นชาย 17 ราย หญิง 18 ราย อยู่ในกทม. 16 ราย อยู่ที่จ.เชียงราย สงขลา สมุทรปราการ จังหวัดละ 2 ราย อุบลราชธานี สระแก้ว ศรีสะเกษ ระยอง ชลบุรี ปทุมธานี ชัยภูมิ ลพบุรี นครปฐม สมุทรสาคร ชุมพร สระบุรี สุราษฎร์ธานี จังหวัดละ 1 ราย ส่วนใหญ่มีโรคประจำตัวความดันสูง เบาหวาน ปัจจัยเสี่ยงติดเชื้อจากคนในครอบครัว ทำให้มียอดผู้เสียชีวิตสะสม 649 ราย

หนีเข้าปท.ต่อเนื่องห่วงนำเชื้อมาด้วย

สำหรับผู้ติดเชื้อใหม่จากต่างประเทศมี 2 ราย ที่เป็นการเดินทางเข้าประเทศผิดกฎหมาย โดยเป็นหญิงไทยมาจากกัมพูชา และจากข้อมูลวันที่ 17 พฤษภาคม พบมีผู้เดินทางเข้าประทศโดยช่องทางธรรมชาติ 107 ราย จากการสอบถามฝ่ายความมั่นคงยังทำงานอย่างเข้มงวด จึงขอร้องหากเป็นคนไทยจะเดินทางเข้าประเทศ ขอให้ใช้ช่องทางที่ถูกต้อง และตนขอแสดงความรู้สึกไม่ดีกับผู้ที่ลักลอบเข้าทางช่องทางธรรมชาติ ท่านเป็นผู้เสี่ยงนำเชื้อเข้ามา

กทม.รั้งแชมป์ติดจากการสังสรรค์

นพ.ทวีศิลป์กล่าวอีกว่า ส่วนตัวเลขจังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่มากที่สุดวันที่ 18 พฤษภาคม 5 จังหวัดแรก ได้แก่ กทม. 873 ราย นนทบุรี 155 ราย สมุทรปราการ 121 ราย ปทุมธานี 117 ราย สมุทรสาคร 63 ราย จากข้อมูลยังพบผู้ติดเชื้อส่วนหนึ่งมาจากการสังสรรค์ รวมถึงการเล่นสนุ๊กเกอร์ในพื้นปิด เพดานต่ำ อากาศถ่ายไม่สะดวก จึงขอให้ระวัง

ป่วยใหม่6พันกว่า-23จว.ไม่พบรายใหม่

ขณะที่ตัวเลขผู้ป่วยและผู้ที่รักษาหาย ระหว่างวันที่ 8-14 พฤษภาคม กทม.มีผู้ป่วยใหม่ 6,644 ราย หายป่วย 5,322 ราย โดยจ.นนทบุรี มีผู้ป่วยใหม่ 1,212 ราย หายป่วย 384 ปทุมธานีมีผู้ป่วยใหม่ 640 ราย หายป่วย 624 สมุทรปราการผู้ป่วยใหม่ 833 หายป่วย 658 นครปฐม ผู้ป่วยรายใหม่ 130 หายป่วย 168 ราย สมุทรสาคร ผู้ป่วยรายใหม่ 431 ราย หายป่วย 439 ราย ขณะที่จังหวัดอื่นๆอีก 71 จังหวัด มีผู้ป่วยรายใหม่ 4,207 ราย หายป่วย 4,653 ราย ตัวเลขเหล่านี้จะนำไปสู่การบริหารจัดการต่อไป วันเดียวกันนี้ มีจังหวัดที่ไม่พบผู้ติดเชื้อใหม่ถึง 23 จังหวัด ประกอบด้วย ขอนแก่น อุบลราชธานี พิษณุโลก ลำพูน ลำปาง อ่างทอง นครพนมเพชรบูรณ์ ตราด น่าน กาฬสิน ชุมพร พะเยา เลยแพร่ อุตรดิตถ์ ชัยนาถ หนองคาย พังงา อำนาจเจริญ หนองบังลำภู บึงกาฬและสตูล

จับตา19เขต21คลัสเตอร์-หลักสี่พุ่ง66%

นพ.ทวีศิลป์กล่าวอีกว่า พื้นที่กทม.วันเดียวกันนี้ ยังมีเขตที่ต้องจับตามอง 19 เขต มี 21 คลัสเตอร์สำคัญ โดยคลัสเตอร์ที่ยังพบผู้ติดเชื้อสูงอยู่คือ แคมป์คนงานหลักสี่ ตรวจเชิงรุกวันที่ 17พฤษภาคมมีประมาณ 1,600 ราย พบติดเชื้อ 1,107 ราย คิดเป็น 66.41% จากนี้ต้องติดตามผู้สัมผัสใกล้ชิดต่อไป อีกทั้ง ต้องจับตาเขตจตุจักร ที่เป็นคลัสเตอร์ราชทัณฑ์ เพราะพื้นที่เรือนจำทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 13-18 พฤษภาคมมีผู้ติดเชื้อรวม 11,428 ราย

ดึงศูนย์อนามัยช่วยฉีดศูนย์ละ500คน

นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัยกล่าวว่า สถานการณ์โควิด-19 ที่มีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตเพิ่มขึ้นทุกวัน สธ.ห่วงใยสนับสนุนให้ทุกคนได้ฉีดวัคซีนครอบคลุมทั้งประเทศ ร้อยละ 70 โดยเฉพาะพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้ประเทศ การฉีดวัคซีน แบ่งเป็น 3 ระยะ คือ ระยะที่ 1 ฉีดให้บุคลากรแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้า ทั้งภาครัฐและเอกชน และประชาชนในกลุ่มเสี่ยง ระยะที่ 2 ฉีดให้กลุ่มเป้าหมายคือ ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป และผู้ป่วย 7 กลุ่มโรค และระยะที่ 3 ฉีดให้กลุ่มประชาชนทั่วไปอายุ 18-59 ปี กรมอนามัยร่วมสนับสนุนการฉีดวัคซีน โดยให้ทุกศูนย์อนามัยในแต่ละจังหวัดทั่วประเทศ ตั้งเป็นศูนย์ให้บริการฉีดวัคซีน สนับสนุนการดำเนินการของเขตสุขภาพและจังหวัด ตั้งเป้าให้แต่ละศูนย์ฯรองรับการฉีดวัคซีนได้ไม่ต่ำกว่าวันละ 500 คน พร้อมปรับรูปแบบเชิงรุกเข้าไปในสถานประกอบการ และกลุ่มเสี่ยงที่ไม่สามารถเดินทางมาฉีดวัคซีนได้ เช่น กลุ่มผู้สูงอายุติดบ้านติดเตียง โดยใช้ทีมแพทย์และรถโมบายเคลื่อนที่เข้าไปให้บริการครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย

ทั่วโลกรับวัคซีนแล้ว1.5พันล.โดส

ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยโพสต์เฟซบุ๊กระบุ โควิด-19 วัคซีน ทั่วโลกมีประชากร 7,000 ล้านคน ถ้าจะให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ขึ้นได้ ต้องให้อย่างน้อย 5,000 ล้านคน หรือประมาณ 10,000 ล้านโดส ขณะนี้ทั่วโลกได้รับวัคซีนไปแล้วเกือบ 1,500 ล้านโดสหรือ 15% ของเป้าหมาย ส่วนใหญ่อยู่ในประเทศที่เป็นเจ้าของวัคซีน เช่น จีน อเมริกาและยุโรป ถึงแม้อินเดียจะระดมฉีดวัคซีนขนาดใหญ่ก็ยังไล่ไม่ทันการระบาดของโรค ขณะนี้ฉีดวัคซีนทั่วโลกเฉลี่ยวันละไม่ถึง 25 ล้านโดส ถ้าด้วยอัตราขนาดนี้ก็ต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่า 1 ปี จึงจะได้เป้าหมายทั่วโลก นอกจากมีอัตราเร่งผลิตและฉีดให้ได้มากกว่านี้อีก 1 เท่าตัว ก็จะบรรลุเป้าหมายภายในสิ้นปี 2564 สำหรับไทยฉีดวัคซีนไปแล้ว 2.26 ล้านโดส เป้าหมายอยู่ที่ 100 ล้านโดส หรือได้ประมาณ 2.2%ของเป้าหมายที่จะให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ใน 100 ล้านโดสนี้ เราต้องฉีดให้คนไทยประมาณวันละไม่ต่ำกว่า 300,000 โดส จึงจะบรรลุเป้าหมายสิ้นปีนี้ นับเป็นงานใหญ่มากสำหรับไทย

วัยทำงานฉีดแล้วมีไข้-บวมแดงเรื่องปกติ

ศ.นพ.ยงกล่าวต่อว่า สิ่งที่ทุกคนต้องเข้าใจโดยเฉพาะการให้วัคซีน AstraZeneca ในคนอายุน้อยหรือวัยทำงาน โอกาสจะเป็นไข้ ไม่สบายตัว ปวดเมื่อยตัวเหมือนไข้หวัดใหญ่ จะสูงมากกว่าผู้สูงวัย ที่ผ่านมาเราฉีดวัคซีน AstraZeneca ในผู้สูงวัย เราจึงยังไม่ค่อยเห็นใครบ่นเรื่องไข้หลังฉีดวัคซีน เมื่อฉีดวัคซีนหมู่มากที่กำลังจะมาถึง โดยเฉพาะในวัยทำงานหรือที่อายุน้อยกว่า 30 ปี หลังฉีดวัคซีน AstraZeneca ให้เตรียมยาพาราเซตามอลไว้ได้เลย เมื่อฉีดแล้วกลับถึงบ้านกินได้เลย นอกจากนี้ จากการศึกษาที่ศูนย์ฯให้วัคซีนในกลุ่มอายุน้อยมีโอกาสเกิดขึ้นได้มากกว่าและบางคนอาจมีบวมแดงบริเวณฉีด ถือเป็นปฏิกิริยาของวัคซีนที่เป็นเรื่องที่พบได้ไม่ต้องตกใจ อาการดังกล่าวอยู่ชั่วคราว ทั่วไปอาการไข้จะอยู่ 24 ชั่วโมง และมีน้อยที่เป็น 2 วัน และน้อยมากที่เป็นถึง 3 วัน ขณะเดียวกัน จากการศึกษายังพบผู้อายุน้อยและมีปฏิกิริยาต่อวัคซีนมาก จะมีภูมิต้านทานที่สูง จึงไม่แปลกผู้หญิงมีภูมิต้านทานสูงกว่าผู้ชาย คนอายุน้อยมีภูมิต้านทานสูงกว่าผู้ที่มีอายุมากหรือผู้สูงวัย ถ้าทุกคนเตรียมตัวจะได้ไม่ตื่นตระหนกถึงอาการที่เกิดขึ้น ถ้ามีอาการมากก็ต้องพบแพทย์

กทม.อัพเดตโควิดลาม28คลัสเตอร์19เขต

ส่วนความเคลื่อนไหวสกัดการระบาดของไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) ร.ต.อ.พงศกร ขวัญเมือง โฆษกกรุงเทพมหานคร โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “เอิร์ธ พงศกร ขวัญเมือง - Earth Pongsakorn Kwanmuang” เกี่ยวกับสถานการณ์ติดเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่กทม.ว่า การระบาดระลอกเดือนเมษายนที่ยังระบาดต่อเนื่องในกทม. ทำให้ต้องเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยง การติดเชื้อจำนวนมากแต่ละวัน เกิดจากคนใกล้ชิดทำกิจกรรมร่วมกันในที่ทำงาน ในครอบครัว แพร่เชื้อลงสู่ชุมชน เกิดกลุ่มก้อนผู้ติดเชื้อหลายแห่ง 28 คลัสเตอร์ กระจายใน 19 เขต พบจำนวนมากในพื้นที่กรุงเทพใต้และกรุงเทพกลาง ที่มีบ้านเรือนชุมชนอยู่กันหนาแน่น แฟลต ตลาด และที่พักคนงานที่ต้องทำงานหรืออาศัยอยู่ร่วมกัน กทม.เร่งตรวจหาเชื้อเชิงรุก พบใน 28 คลัสเตอร์ เป็นแหล่งที่คนรวมตัวกันจำนวนมาก แบ่งเป็นชุมชน 8 แห่ง ตลาด 8 แห่ง บริษัท-สถานที่ทำงาน 7 แห่ง ที่พักคนงาน 4 แห่ง เรือนจำ 1 แห่ง ซึ่งมีทั้งกลุ่มเฝ้าระวังสูงสุด กลุ่มเฝ้าระวัง กลุ่มที่มีแนวโน้มควบคุมการระบาดได้ และมีกลุ่มที่พบใหม่เพิ่มขึ้นอีก ดังนี้

เฝ้าระวังสูงสุด15คลัสเตอร์พบใหม่อีก2

กลุ่มเฝ้าระวังสูงสุด 15 คลัสเตอร์ เขตดินแดง ราชเทวี บางกะปิ ดุสิต ป้อมปราบศัตรูพ่าย คลองเตย หลักสี่ พระนคร ประเวศ บางรัก สาทร กลุ่มเฝ้าระวัง 3 คลัสเตอร์ ในพื้นที่เขตวัฒนา สวนหลวง และจตุจักร กลุ่มที่แนวโน้มควบคุมการระบาดได้ 8 คลัสเตอร์ เขตทวีวัฒนา ปทุมวัน สาทร ป้อมปราศัตรูพ่าย สัมพันธวงศ์ จตุจักร ลาดพร้าว และสวนหลวง และ กลุ่มที่พบใหม่ 2 คลัสเตอร์ ในตลาดพื้นที่บางกอกน้อย และชุมชนในเขตห้วยขวาง นอกจากเร่งตรวจหาเชื้อเชิงรุกแล้ว กทม.ยังเร่งฉีดวัคซีนให้ประชาชนมากที่สุด

สิระปูด2คนงานบ.ก่อสร้างติดเชื้อไม่กักตัว

นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงคลัสเตอร์แคมป์คนงานหลักสี่ว่า ตนขอเรียกร้องให้บริษัทก่อสร้างชื่อดัง เรียกคนงานที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างไซต์งานย่านศูนย์ราชการ นับย้อนหลังไป 15 วันนับแต่วันที่ 14 พฤษภาคมหรือตั้งแต่ 30 เมษายนให้มากักตัว ตรวจค้นหาเชื้อโควิด-19 และสอบสวนไทม์ไลน์ทั้งหมด ทั้งแรงงานไทยและแรงงานข้ามชาติ หลังพบว่าคนงานของบริษัทก่อสร้างชื่อดังดังกล่าว 2 คนที่รับการตรวจค้นหาเชื้อโควิดวันนี้ แต่เดินทางกลับไปพักที่บ้านตัวเองย่านลาดพร้าว และอยู่ในชุมชนใกล้แคมป์ย่านศูนย์ราชการ ซึ่งไม่ได้พักอาศัยในแคมป์คนงานและพบว่าผลติดเชื้อโควิด ล่าสุดตนได้ประสานไปยังนายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน โดยนายสุชาติได้ให้โรงพยาบาลรับตัวเข้ารับการรักษาเป็นการเร่งด่วนแล้ว นอกจากนี้ ยังขอให้ทุกคนที่เป็นแรงงานในแคมป์ดังกล่าว เปิดเผยไทม์ไลน์เป็นการด่วน เพราะคนในครอบครัวของคนงานที่ติดเชื้อ ถือเป็นกลุ่มเสี่ยงต้องได้รับการตรวจหาเชื้อเร่งด่วน

ร้องนายกฯบ่อนวิ่งใกล้ทำเนียบฯโควิดลาม

ขณะที่คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำพรรคไทยสร้างไทยออกมาเปิดเผยว่า จากการลงพื้นที่นำสิ่งของไปแจกชาวบ้านหลังบ้านมนังคศิลาได้พูดคุยซักถามปัญหาการระบาดมีชาวบ้านจำนวนมากร้องเรียนว่า สาเหตุมาจากการปล่อยให้มีบ่อนวิ่ง บริเวณตลาดติดกับชุมชนริมคลองผดุงกรุงเกษม จึงเกิดเป็นคลัสเตอร์ใหญ่ ติดเชื้อกันยกซอยในชุมชนหลังบ้านมนังคศิลา เขตดุสิต ซึ่งอยู่ใกล้ทำเนียบฯ มีประมาณ 200 หลังคาเรือน แต่มีผู้ติดเชื้อถึงกว่า 70 คนในเวลาอันรวดเร็ว พร้อมระบุว่า ถ้านายกฯอยากรู้ข้อมูลจริงตนยินดีพาลงพื้นที่ไปตรวจสอบ

นายกฯบี้คุกข้มสกัดระบาด-งดเยี่ยม

ด้านพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมแถลงหลังประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ว่า สัปดาห์ที่ผ่านมาสถานการณ์โควิดในกรุงเทพฯ และปริมณฑลเริ่มทรงตัว แม้จะลดคนติดเชื้อได้บางพื้นที่ แต่มีคลัสเตอร์ใหม่เกิดขึ้นอีก จึงต้องเรียกประชุม ผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข และศบค.ด่วน เพื่อหาทางแก้ปัญหาโดยเฉพาะในเรือนจำทั่วประเทศ โดยเน้นตรวจเชิงรุกให้มากที่สุด พร้อมตั้งโรงพยาบาลสนามในเรือนจำ เพื่อแยกผู้ป่วยมารักษา ใครอาการรุนแรงจะส่งรักษาที่โรงพยาบาลเฉพาะทาง ตามระบบ ยืนยันจะให้การรักษาผู้ติดเชื้ออย่างดีที่สุด เท่าเทียม อย่างไรก็ตาม เรือนจำแต่ละแห่งมีระบบ ปิด จึงมีโอกาสกระจายเชื้อสู่ชุมชนได้น้อยมาก แต่สั่งเจ้าหน้าที่คอยดูแลเข้มงวด ให้งดเยี่ยมจนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น ขณะที่พื้นที่อื่นในกรุงเทพฯและปริมณฑลยังเดินหน้าตามแผนคือ ตรวจเชิงรุก คัดแยกผู้ป่วย ระดมฉีดวัคซีนในพื้นที่เสี่ยง พร้อมบังคับใช้มาตรการสาธารณสุขเคร่งครัด

สั่งศบค.ตรวจจุดเสี่ยง-ซีลแคมป์คนงาน

“การระบาดเกิดจากการอยู่ในพื้นที่แออัด จึงกำชับสั่งการ ศบค. เร่งออกตรวจพื้นที่ที่มีโอกาสเสี่ยง ไม่ว่าจะเป็นแคมป์คนงานก่อสร้าง โรงงานและสถานที่อื่นในกรุงเทพฯทั้งหมด รวมถึงในเรือนจำโดยจะใช้แนวทาง bumble and Seal คือ ปิดกั้นการเดินทาง เข้า-ออกในพื้นที่ ไม่ให้เกิดกระจายเชื้อสู่ภายนอก โดยสถานที่ระบาดส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ปิด แพทย์เชื่อว่าจะควบคุมสถานการณ์ได้เร็ว และจะประเมินสถานการณ์ใกล้ชิดวันต่อวัน”นายกฯกล่าว

สถานการณ์เริ่มทรงตัว-หายป่วยเกินครึ่ง

และว่า แม้สถานการณ์ตอนนี้ทรงตัว หากไม่รวมคลัสเตอร์ราชทัณฑ์ ขอให้สนใจตัวเลขผู้ป่วยที่รักษาหายด้วย ซึ่งหายป่วยแล้วเกินครึ่ง เป็นผลจากความสามารถของบุคลากรแพทย์และมาตรการของเรา ขณะเดียวกัน รัฐบาลให้ความสำคัญกับการฉีดวัคซีน ที่ประกาศเป็นวาระแห่งชาติ ซึ่งรัฐบาลวางแผนกระจายวัคซีน 3 ช่องทางคือ 1.ผ่านระบบหมอพร้อม ที่มีผู้เข้ามาลงทะเบียนแล้ว 7 ล้านคน 2.ลงทะเบียนที่จุดบริการฉีดวัคซีนในกรณีมีวัคซีนสนับสนุนเพียงพอ และ3.กระจายวัคซีนเชิงยุทธศาสตร์คือ จัดการฉีดวัคซีนให้กลุ่มเฉพาะหรือประชาชนกลุ่มเสี่ยง ที่ต้องฉีดเพื่อให้การดำเนินชีวิตและเศรษฐกิจไทยไปได้ไม่สะดุด

ย้ำปูพรมฉีดกทม.พื้นที่เสี่ยง

นายกฯกล่าวด้วยว่า หากสมาคม องค์กร หรือกลุ่มบุคคลกลุ่มใดมีเหตุผลความจำเป็นเร่งด่วน ให้ยื่นเรื่องกับกระทรวงสาธารณสุข (สธ.)พิจารณาจัดสรรวัคซีนและสถานที่ติดต่อ ให้จัดระดับความเร่งด่วนเป็นกลุ่มต่างๆส่งมาที่สธ. ย้ำว่าเรามีเป้าหมายฉีดวัคซีนแบบปูพรมให้กรุงเทพฯ พื้นที่เสี่ยงและศูนย์กลางเศรษฐกิจของประเทศให้ได้อย่างน้อย 5ล้านคนหรือ70% ของประชากร เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้ได้ นอกจากโรงพยาบาลเป็นจุดฉีดวัคซีนหลักแล้ว ยังมีจุดฉีดวัคซีนเสริม 25 จุดและสถานีกลางบางซื่อ เพื่อให้ทุกคนเข้าถึงวัคซีนได้เร็วขึ้น ที่ผ่านมาการวางระบบฉีดวัคซีนมีปัญหาไม่ชัดเจน ตนเร่งปรับปรุงแล้ว ยืนยันทุกคนในประเทศไทยต้องได้ฉีดแน่นอน มีวัคซีนเพียงพอ

สั่งลุยฉีดเข็มแรกให้เร็วทุกกลุ่มไม่กั๊ก

นายกฯยังเผยด้วยว่า จะเริ่มให้บริการพร้อมกันทั่วประเทศเดือนมิถุนายนนี้ หลังฉีดให้บุคลากรแพทย์และกลุ่มเสี่ยงไปมากกว่า 2.3 ล้านโดสแล้ว ไม่มีใครมีผลข้างเคียงร้ายแรง ขอให้ประชาชนมั่นใจได้

“การฉีดวัคซีนเป็นวาระแห่งชาติ ซึ่งต้องเร่งดำเนินการ นโยบายของผมคือ เราต้องเดินหน้าปูพรมฉีดวัคซีนเข็มแรกให้เร็ว และเข้าถึงประชาชนจำนวนมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ หลังรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนจำนวนมาก ผมตัดสินใจว่าจะไม่รอให้คนวัยหนึ่งวัยใดหรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งฉีดวัคซีนจนครบก่อน จึงเปิดให้คนกลุ่มอื่นรับวัคซีน แต่จะปรับแผนเปิดโอกาสให้ทุกคนทุกกลุ่มที่พร้อมฉีดวัคซีนไม่ว่าจะเป็นวัยใด 60 ขึ้นไป หรือต่ำกว่า 60 ใครเข้าถึงวัคซีน มากน้อยขึ้นกับปริมาณวัคซีนที่มีอยู่ โดยเฉพาะวัยทำงาน เพื่อปกป้องคนทำมาหากิน คนที่เป็นกำลังหลักหาเลี้ยงคนในบ้าน ออกไปทำงานทำมาหาเลี้ยงชีพ”นายกฯกล่าว

และว่า นอกจากนี้ ตนสั่งกระทรวงกลาโหม กองทัพไทยควบคุมการลักลอบเข้าประเทศตามแนวชายแดนให้เข้มงวดสูงสุด หากพบเจ้าหน้าที่หรือบุคคลใดแสวงหาผลประโยชน์ จากความเสี่ยงของประเทศต้องลงโทษให้หนักที่สุด ไม่มียกเว้น

ยธ.ขอ411ล้านซื้อยารักษาให้ผู้ต้องขัง

ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการ รมว.ยุติธรรม เปิดเผยว่า นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรมขออนุมัติงบประมาณ 411,653,300 บาท ไปที่สำนักงบประมาณ นำมาใช้จัดซื้อยาฟาวิพิราเวียร์ และยาฟ้าทะลายโจร สำหรับบรรเทาเยียวยาควบคุมการระบาดและรักษาอาการผู้ต้องขังเบื้องต้น ซึ่งแยกเป็นกลุ่มพบเชื้อไม่มีอาการ หรือสีเขียว กลุ่มมีอาการแต่ไม่รุนแรงไม่มีโรคแทรกซ้อน หรือสีเหลือง และกลุ่มอาการรุนแรงต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ สีแดง ซึ่งมีไม่มาก

 

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  

Breaking News

'วราวุธ'เผย พม.ชูนโยบาย 5×5 ฝ่าวิกฤตประชากร หนุน'คนพิการ'เข้าถึงสิทธิอย่างแท้จริง

'ตำรวจ'ปรับ'ตำรวจ' 'รถตราโล่'จอดย้อนศร-ที่ห้ามจอด'ขาวแดง'

รวบโจ๋วัย 17 ซุก'ไอซ์'ในขวดโลชั่น จ่อส่งเกาหลีใต้

อุดมการณ์สิ้นสูญ! 'สหายใหญ่'โดนชาวเน็ตเขียนกลอนแขวะแรง

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved