ช่วงนี้เป็นที่ทราบกันนะครับว่า ประเทศสมาชิกแอปเตอร์ประเทศหนึ่งมีปัญหาทางการเมืองภายในประเทศ นั่นคือ ประเทศเมียนมา ผมคิดว่าถ้าไม่พูดถึงเลย ก็คงขาดมุมมองอันเกี่ยวเนื่องกับภารกิจของเรา แต่หากจะพูดก้าวล่วงลึกมากเกินไปจนกระทบกับความเป็นกลางและไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองขององค์กรแอปเตอร์ก็คงจะไม่ดี ดังนั้น ผมคงขออนุญาตกล่าวถึงประเทศเมียนมาสักเล็กน้อย แต่ด้วยความระมัดระวัง ถึงแม้ว่า ผมจะทราบอะไรลึกๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับเหตุการณ์ในประเทศนี้ รวมทั้งได้ทราบเกี่ยวกับสังคมวัฒนธรรม ตลอดจนแนวคิดพื้นฐานของคนเมียนมา เพราะเดินทางไปหลายครั้ง ดังนั้น ในส่วนที่จะกล่าวถึงคงจะเป็นเรื่องผลกระทบต่างๆ ที่สืบเนื่องจากการปฏิบัติภารกิจการช่วยเหลือด้านการสำรองข้าวสำหรับบริโภคในเชิงมนุษยธรรมตามภารกิจขององค์กรแอปเตอร์ครับ
ปีที่ผ่านมาในปี 2020 แอปเตอร์มีโปรแกรมที่เกี่ยวข้องกับประเทศเมียนมาอยู่ 2-3 รายการด้วยกัน ที่ยังค้างคาดำเนินการไม่แล้วเสร็จ เพราะเป็นเรื่องของการ
ส่งข้าวสารตามที่เมียนมาร้องขอในระบบที่เรียกว่า Preposition ดังที่ผมได้เขียนอธิบายมาครั้งหนึ่งแล้ว แต่หากท่านยังไม่ทราบ ก็เล่าคร่าวๆว่า เป็นรูปแบบส่งข้าวไปเก็บไว้ก่อนการเกิดภัยธรรมชาติ และเมื่อเกิดภัยพิบัติตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ จึงจะนำออกไปช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อน มีข้าวที่บริจาคโดยประเทศญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ซึ่งส่วนใหญ่ก็ได้มีการแจกจ่ายช่วยเหลือผู้ประสบภัยไปแล้ว แต่ตอนนี้ยังคงมีอยู่ 2 รายการ ที่ยังไม่แล้วเสร็จ ซึ่งทั้ง 2 รายการนี้เป็นการช่วยเหลือจากประเทศญี่ปุ่นทั้งคู่ และเป็นรูปแบบที่ค่อนข้างพิเศษ ทำให้ต้องกังวลอยู่นิดหน่อยว่า สุดท้ายแล้ว ด้วยความยุ่งเหยิงทางการเมืองในเมียนมา เจ้า 2 รายการนี้จะสำเร็จลงได้อย่างไร
รายการแรก เป็นการร้องขอจากกระทรวงเกษตรฯ เมียนมาเพื่อต้องการข้าวไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากโควิด-19แต่โดยเหตุที่ทางญี่ปุ่นอาจจะหมดโควตาข้าว แต่ก็ยังแสดงถึงความใจกว้างก็เลยใช้วิธีที่ไม่ค่อยได้ใช้มาแต่เดิม คือ การส่งเงินไปให้ประเทศผู้ร้องขอ ซื้อข้าวภายในประเทศเพื่อช่วยเหลือ ความจริงวิธีนี้ ประเทศผู้รับหลายๆ ประเทศ ก็พยายามเสนอหรือร้องขอให้นำมาใช้ เนื่องจากจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศผู้ร้องขอมากขึ้น กล่าวคือ เหมือนได้ประโยชน์สองต่อ เพราะได้ใช้เงินที่ผู้บริจาคมาซื้อข้าวภายในประเทศ ซึ่งเป็นการช่วยเหลือชาวนาผู้ปลูกภายในประเทศอีกต่อหนึ่ง แต่ทว่าที่ผ่านมา วิธีการนี้มักไม่ค่อยได้ใช้เนื่องจากประเทศผู้ให้ ก็ประสงค์ที่จะระบายข้าวในประเทศตนเอง ซึ่งมีอยู่อย่างเหลือเฟือออกไปที่อื่นเช่นกัน เว้นแต่ในกรณีจำเป็น เช่นที่เกิดขึ้นกับเมียนมาในคราวนี้ ที่ฝ่ายญี่ปุ่นตกลงมอบเงิน โดยผ่านสำนักเลขานุการแอปเตอร์ให้ไปซื้อข้าวเอาเอง ซึ่งดูเหมือนจะเป็นที่ถูกใจของประเทศผู้รับมากกว่า
แต่กระนั้น ด้วยความที่ประเทศเมียนมา เกิดปัญหาทางการเมืองภายในประเทศอย่างที่ทราบกัน กระบวนการจัดซื้อข้าวภายในประเทศของกระทรวงเกษตรฯ เมียนมา จึงชะงักงันไปด้วย โดยแผนการจัดหาแรกที่กระทรวงเกษตรฯ เมียนมารายงานให้สำนักเลขานุการแอปเตอร์ทราบ คือ จะโอนเงินต่อไปยังเขต/รัฐปลายทางต่างๆ เพื่อจัดซื้อกันเอง นั่นเท่ากับว่าปัจจุบันน่าจะหาความแน่นอนอะไรไม่ได้เลย เพราะแต่ละเขต/รัฐก็ยังไม่ทราบว่าทิศทางส่วนกลางจะเป็นไปอย่างไรบ้าง เนื่องจากตอนนี้ มีการประท้วงและการปราบปรามอยู่ ก็คงเป็นเรื่องที่เราคงจะต้องจับตาอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ ทางสำนักเลขานุการแอปเตอร์ก็ได้ส่งหนังสือไปแล้วถึงประทรวงเกษตรฯ เมียนมาว่าขอทราบแผนการดำเนินการ แต่ปัจจุบันก็ยังไม่ได้ตอบมา ทราบภายในทางอินเตอร์เนตติดต่อกันกับเจ้าหน้าที่ประสานงานของเขาว่า คนทำงานหรือบรรดาข้าราชการกระทรวงเกษตรฯ ของเขาบางคนก็หยุดงาน เป็นผลให้งานการภารกิจก็ชะงักงันไปหมด แถมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงก็เปลี่ยนเป็นคนใหม่ คงต้องมีการเข้าไปชี้แจงทำความเข้าใจกันอีกสักระยะหนึ่ง กว่าจะเข้าใจกันผมว่าน่าหนักใจครับสำหรับกิจกรรมแอปเตอร์ในประเทศเมียนมา ซึ่งก็ยังมีแบบพิเศษอีกรายการหนึ่งที่จะมาพูดต่อในฉบับหน้าครับ
ชาญพิทยา ฉิมพาลี
chanpithya@apterr.org
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี