วันที่ 25 พฤษภาคม 2564 ศูนย์ปราบปรามคนร้ายข้ามชาติและเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปชก.ตร.), ศูนย์ปราบปรามผู้มีอิทธิพล มือปืนรับจ้าง และผู้ร้ายสำคัญ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอร.ตร.), กองบัญชาการสอบสวนกลาง, กองบัญชาการตำรวจนครบาล, กองบังคับการปราบปราม และ กองบังคับการตำรวจนครบาล 4 ภายใต้การอำนวยการสั่งการของ พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช รอง ผบช.ก./หัวหน้าส่วนปฏิบัติการที่ 1 ศปชก.ตร./หัวหน้าส่วนปฏิบัติการ ศปอร.ตร., พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม ผบก.ป., พ.ต.อ.มีชัย กำเนิดพรม, พ.ต.อ.พัฒนศักดิ์ บุบผาสุวรรณ, พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบก.ป. และ ว่าที่ พ.ต.อ.วิวัฒน์ จิตโสภากุล ผกก.3 บก.ป. สั่งการให้
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ท.สุริยศักดิ์ จิราวัสน์, พ.ต.ท.พงศกร ตันอารีย์, พ.ต.ท.สุรเชษฐ์ เดชะพันธ์ รอง ผกก.3 บก.ป, พ.ต.ท.ภาณุมาศ แสงส่ง รอง ผกก.2 บก.ปปป. ปฏิบัติราชการ กก.3 บก.ป., พ.ต.ต.ณัฐดนัย สีแข่ไตร สว.กก.3 บก.ป., ร.ต.อ.อัครวุฒิ จันทร์เจริญ, ร.ต.อ.อาธิรัตน์ ทิพย์เจริญ รอง สว.กก.3 บก.ป., ร.ต.ต.วิทยา สุทธิปัญโญ, ว่าที่ ร.ต.ต.สุรศักดิ์ บุญเพ็ง รอง สว.(ป.) กก.3 บก.ป. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ป. ร่วมกันจับกุม 1. น.ส.ปุณยวีร์ (สงวนนามสกุล) อายุ 46 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 252/2564 ลงวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2564
2. นายอูโซซูกะวู (สงวนนามสกุล) สัญชาติไนจีเรีย อายุ 44 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 76/2564 ลงวันที่ 22 มกราคม 2564 3. น.ส.ศศิธร (สงวนนามสกุล) อายุ 22 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 249/2564 ลงวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2564 4. นายสุดใจ (สงวนนามสกุล) อายุ 34 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 250/2564 ลงวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2564 5. นายทศพล (สงวนนามสกุล) อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 75/2564 ลงวันที่ 22 มกราคม 2564 6. นายนิรันดร (สงวนนามสกุล) อายุ 29 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 74/2564 ลงวันที่ 22 มกราคม 2564
โดยกล่าวหาว่า “ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น และร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน”
พฤติการณ์ เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2563 ได้มีผู้เสียหายเดินทางเข้าพบ พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช รอง ผบช.ก. ให้ช่วยดำเนินการสืบสวนติดตามจับกุมกลุ่มคนร้ายที่ร่วมกันหลอกลวงผู้เสียหาย ทำให้สูญเงินไปเกือบ 1 ล้านบาท โดยมีพฤติการณ์สืบเนื่องมาจากผู้เสียหายรู้จักกับคนร้ายซึ่งอ้างตัวว่าชื่อ Mr.Lanny Gray เป็นนักธุรกิจสัญชาติอเมริกา วัยเกษียณ ทำงานอยู่ที่ประเทศมาเลเซีย ผ่านแอพพลิเคชั่น instagram โดยคนร้ายใช้ชื่อว่า “Lanny Gray 99” หลังจากนั้นได้มีการพูดคุยกันผ่านแอพพลิเคชั่น LINE ใช้ชื่อว่า “Lenny Por” ซึ่งคนร้ายได้พูดคุย ทำความรู้จักกับผู้เสียหาย จนมีความสนิทสนมกัน มีการให้ความหวังว่าจะเดินทางมาใช้ชีวิตร่วมกันกับผู้เสียหายที่ประเทศไทย จนผู้เสียหายเกิดความเชื่อใจ จากนั้นจะอ้างว่าได้ส่งของมีค่า, กระเป๋าเดินทาง และกล่องพัสดุสำคัญมาให้ และขอให้ผู้เสียหายช่วยรับของดังกล่าวไว้
ต่อมาได้มีคนร้ายที่ร่วมขบวนการ โทรศัพท์ติดต่อมาหาผู้เสียหาย อ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่บริษัทส่งสินค้าระหว่างประเทศ (shipping) แจ้งว่ากระเป๋าเดินทางและกล่องพัสดุดังกล่าวมาถึงประเทศไทยแล้ว แต่มีขั้นตอนการดำเนินการส่งสินค้า และมีค่าธรรมเนียมต่างๆ ที่ผู้เสียหายต้องชำระเงินเอง ซึ่งผู้เสียหายเกรงว่าหากไม่ชำระเงิน ของมีค่า, กระเป๋าเดินทางและกล่องพัสดุดังกล่าวจะถูกส่งกลับคืนไปยังต่างประเทศ จึงได้โอนเงินค่าดำเนินการต่างๆ ไปจำนวนหลายครั้ง ตามที่ถูกเรียกร้อง รวมเป็นเงินทั้งสิ้นเกือบ 1 ล้านบาท แต่หลังจากจ่ายเงินไปแล้ว ผู้เสียหายก็ยังไม่ได้รับของแต่อย่างใด
จากนั้นคนร้ายได้พยายามชักจูงให้ผู้เสียหายโอนเงินค่าใช้จ่ายในเรื่องอื่นๆอีก โดยมีบุคคลซึ่งอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลจากประเทศมาเลเซีย โทรมาแจ้งกับผู้เสียหายว่า Mr.Lanny Gray ประสบอุบัติเหตุ ได้รับบาดเจ็บสาหัส ขอเรียกเก็บเงินเพื่อสำรองค่ารักษาพยาบาลจากผู้เสียหายอีกเกือบ 500,000 บาท ซึ่งเมื่อผู้เสียหายติดต่อกลับไปหา Mr.Lanny Gray ก็ไม่สามารถติดต่อได้ ผู้เสียหายจึงไม่ได้โอนเงินจำนวนดังกล่าวให้ และเชื่อว่าตนเองถูกกลุ่มคนร้ายหลอกลวง จึงได้เดินทางไปแจ้งความดำเนินคดีที่ สน.วังทองหลาง และมายื่นคำร้องต่อ พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช รอง ผบช.ก. เพื่อให้ช่วยทำการสืบสวนหาตัวกลุ่มร้ายมาดำเนินคดีต่อไป
จากกรณีดังกล่าว พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช รอง ผบช.ก. เล็งเห็นว่า แก๊งโรแมนซ์สแกมนี้ กระทำการในลักษณะเป็นขบวนการ มีการแบ่งหน้าที่กันทำ และมีความเชี่ยวชาญในการเลือกเหยื่อ ซึ่งหากปล่อยไว้อาจจะมีผู้เสียหายถูกหลอกอีกจำนวนหลายราย จึงได้สั่งการให้ บก.ป. สืบสวนติดตามหาตัวผู้กระทำความผิดในขบวนการนี้มาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้โดยเร็ว จึงได้มีการมอบหมายให้ กก.3 บก.ป. รับผิดชอบดำเนินการลงพื้นที่สืบสวนติดตามหาคนร้ายแก๊งนี้ โดยใช้เวลาสืบสวนกว่า 5 เดือน จนพบพยานหลักฐานว่ากลุ่มคนร้ายกลุ่มนี้คือ น.ส.ปุณยวีร์ฯกับพวก รวม 7 คน มีการแบ่งหน้าที่กันทำลักษณะเป็นขบวนการ โดยจะมีผู้วางแผนหาเหยื่อและติดต่อพูดคุยกับเหยื่อ จนเหยื่อหลงเชื่อ โอนเงินเข้าบัญชีของผู้ร่วมขบวนการ ซึ่งจากการตรวจสอบ พบว่ามีการโอนเงินจากบัญชีอื่น เข้ามายังบัญชีของกลุ่มคนร้ายประมาณ 50 บัญชี เมื่อผู้เสียหายโอนเงินเข้ามายังบัญชีของกลุ่มคนร้ายแล้ว หนึ่งในคนร้ายจะไปถอนเงินสดจากตู้เอทีเอ็ม แล้วนำฝากเข้าบัญชีอีกบัญชีหนึ่งของกลุ่มคนร้าย เพื่อปกปิดร่องรอยการทำธุรกรรมทางการเงิน ซึ่งจากการตรวจสอบบัญชีของหนึ่งในกลุ่มคนร้ายพบว่ามีเงินหมุนเวียนในบัญชีถึง 200 ล้านบาท จึงได้ทำบันทึกการสืบสวน นำส่งพนักงานสอบสวน สน.วังทองหลาง เพื่อเป็นหลักฐานขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 7 คนไว้ดังกล่าว
วันที่ 24 พฤษภาคม 2564 กก.3 บก.ป. ร่วมกับ สน.วังทองหลาง, ศูนย์ปราบปรามคนร้ายข้ามชาติและเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ตร. และ ศูนย์ผู้มีอิทธิพล มือปืนรับจ้าง และผู้ร้ายสำคัญ ตร. ปฏิบัติการตรวจค้นเป้าหมาย 7 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ, จ.นครสวรรค์, จ.ภูเก็ต และ จ.ปทุมธานี โดยสามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับได้จำนวน 6 คน และอยู่ระหว่างติดตามจับกุมอีก 1 คน ในชั้นจับกุม ผู้ต้องหาทั้ง 6 คน ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา นอกจากนี้ยังสามารถตรวจยึดสิ่งของ ที่เชื่อว่าอาจมีไว้เป็นความผิด ได้มา หรือได้ใช้ในการกระทำความผิด ดังนี้
1. รถมิตซูบิชิ ปาเจโร่ สปอร์ต ป้ายแดง จำนวน 1 คัน (ราคา 1.45 ล้านบาท) 2. เงินสด จำนวน 906,000 บาท 3. โทรศัพท์มือถือ จำนวน 7 เครื่อง 4. เอกสารและบัญชีธนาคาร จำนวน 18 เล่ม 5. เครื่องประดับ 45 รายการ, นาฬิกาข้อมือ จำนวน 11 เรือน 6. เครื่องประดับลักษณะคล้ายงาช้าง จำนวน 2 ชิ้น 7. บัตรกดเงินอิเล็กทรอนิกส์ จำนวน 11 ใบ
จากการตรวจสอบประวัติของผู้ต้องหา พบว่า นายอูโซซูกะวูฯ (ผู้ต้องหาที่ 2) เคยก่อเหตุในลักษณะเช่นเดียวกันนี้ เมื่อช่วงปี 2561 ในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ โดยในครั้งนั้น กลุ่มคนร้ายได้อ้างตัวว่าเป็นทหารแอฟริกันปลดประจำการ ซึ่งขณะนี้คดีอยู่ระหว่างการสอบสวน
นอกจากนี้จากการตรวจค้นร้านอาหารและร้านรับแลกเงินของนายอูโซซูกะวูฯ (ผู้ต้องหาที่ 2) ยังพบเอกสารการแลก เงินตราไปต่างประเทศเป็นจำนวนมาก ที่อาจเป็นวิธีการฟอกเงินอย่างหนึ่ง ซึ่งจะได้ทำการสืบสวนต่อไป
กองบังคับการปราบปราม ฝากเตือนภัยประชาชน ให้ระมัดระวังอาชญากรรมในรูปแบบดังกล่าว ซึ่งสร้างความเสียหายให้กับประชาชนจำนวนมาก โดยเฉพาะผู้ที่ใช้แอพลิเคชั่นออนไลน์เพื่อหาคู่เป็นชาวต่างชาติ ซึ่งอาจตกเป็นเป้าหมายของคนร้าย และขอฝากให้ญาติพี่น้องช่วยกันดูแลสอดส่อง หากพบการกระทำในลักษณะดังกล่าวที่อาจจะกำลังเกิดขึ้นกับคนใกล้ชิด
จากการตรวจสอบความเคลื่อนไหวในบัญชีของกลุ่มผู้ต้องหาพบว่ามีเงินหมุนเวียนหลายสิบล้านบาท เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเชื่อว่า ยังมีผู้เสียหายอีกหลายรายที่ตกเป็นเหยื่อขบวนการโรแมนซ์สแกมนี้ สำหรับประชาชนท่านใดที่ถูกคนร้ายกลุ่มนี้หลอกลวง เป็นเหตุให้ได้รับความเสียหาย ท่านสามารถเดินทางเข้าแจ้งความดำเนินคดีได้ที่สถานีตำรวจ ในท้องที่ที่รับผิดชอบ หรือ กองบังคับการปราบปราม
ในส่วนของผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีการจับกุม หรือผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเร่งดำเนินการติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี