เป็นข่าวดังตลอดสัปดาห์ที่แล้วกับการทลายเครือข่ายฉ้อโกงประชาชนที่นำโดย ประสิทธิ์ เจียวก๊ก พร้อมกับพวกรวม 6 คน โดยตำรวจจับกุมผู้ต้องหาได้ 5 คน ส่วนประสิทธิ์นั้นเดินทางมามอบตัวเอง เนื่องจากที่ผ่านมา ประสิทธิ์ เจียวก๊ก มักปรากฏภาพผ่านสื่อต่างๆ ว่าเป็นผู้ส่งเสริมให้ผู้คนทำความดี โดยมักเล่าประวัติของตนเองที่เคยเป็นนักเลงอันธพาลทำธุรกิจสีเทาแต่ตอนหลังคิดได้และกลับใจมาทำธุรกิจอย่างสุจริตชนจนร่ำรวย
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมามักมีการหลอกลวงให้ลงทุนในรูปแบบต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย และมีผู้ตกเป็นเหยื่อทุกระดับชนชั้น ตั้งแต่ชาวบ้านหาเช้ากินค่ำไปจนถึงผู้หลักผู้ใหญ่ในสังคม คนมีชื่อเสียงในวงการต่างๆ โดยเมื่อเร็วๆ นี้ ผู้สื่อข่าวได้มีโอกาสพูดคุยกับ รณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ทนายความชื่อดัง และประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ซึ่งทำคดีของประสิทธิ์ เจียวก๊ก รวมถึงกรณีอื่นๆ เกี่ยวกับการหลอกลวงที่มีลักษณะทำนอง “แชร์ลูกโซ่” กับคำถามที่ว่าเหตุใดทั้งที่มีข่าวออกเรื่อยๆ แต่ก็ยังมีคนถูกหลอกอยู่เนืองๆ
- อะไรคือนิยามของแชร์ลูกโซ่? : แชร์ลูกโซ่ที่เราเข้าใจกัน มันจะหมายถึงกรณีลูกโซ่ที่มันคล้องต่อไปเรื่อยๆ เป็นลูกข่ายมา คือโซ่มันจะคล้องกันไปเรื่อยๆ ไม่มีวันจบสิ้น วันหนึ่งเมื่อมันขาดลงมันก็ไม่ใช่ลูกโซ่อีกต่อไป ทีนี้ในกรณีของธุรกิจแชร์ลูกโซ่ มันมีมาตั้งแต่แรกเริ่มเดิมทีมันคือการทำอาชญากรรมทางเศรษฐกิจประเภทหนึ่งซึ่งมีความสลับซับซ้อน เป็นการฉ้อโกงโดยใช้กฎหมายและกระบวนการทางเศรษฐกิจทำให้คนหลงเชื่อ ถ้าเราบอกการฉ้อโกงทั่วไป ก็คือถ้าอธิบายง่ายๆ ก็เหมือนการหลอกให้ได้เงินไป ทีนี้พอผู้เสียหายรู้ว่าถูกหลอกก็จะไปแจ้งความเอาเงินคืน
แต่แชร์ลูกโซ่มันแตกต่างจากนั้นผู้เสียหายจะรู้ว่าถูกหลอกก็ต่อเมื่อมีการเปิดโปงว่าบริษัทนั้นทำธุรกิจแชร์ลูกโซ่ แชร์ลูกโซ่นิยามของมันตาม พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ.2527 (และแก้ไขเพิ่มเติมพ.ศ.2534) หมายถึงการปันผล หรือให้ผลประโยชน์ตอบแทน หรือผลประโยชน์อื่นใดอย่างอื่นเกินกว่าอัตราดอกเบี้ยที่กฎหมายกำหนดก็คือเกินร้อยละ 15 ต่อปี โดยเงินที่เอามาปันผลนั้นเป็นเงินของผู้เสียหายเอง ไม่ได้มีการทำธุรกิจจริง หรือทำจริงแต่ไม่ได้ผลกำไรเยอะขนาดนั้น
- แชร์ลูกโซ่ต่างจากธุรกิจขายตรงอย่างไร? : ขายตรงจะคล้ายกับธุรกิจแชร์ลูกโซ่ แต่แตกต่างกัน ขายตรงคือมีการขายสินค้ากันจริง คือเวลาเราจะบอกว่าธุรกิจไหนเป็นธุรกิจขายตรง ธุรกิจไหนเป็นธุรกิจขายตรงที่เป็นแชร์ลูกโซ่ เราจะต้องดูว่ามันมีสินค้าจริงไหม? ถ้ามีสินค้าจริงนั่นคือธุรกิจขายตรง แต่ธุรกิจแชร์ลูกโซ่สินค้าไม่มีจริง หรือการขายสินค้าตัวนั้นไม่ได้กำไรสูงมากจนกระทั่งสามารถให้เงินปันผลได้จริงอย่างที่อวดอ้างโฆษณา อันนี้เราจะเห็นได้ในแชร์ลูกโซ่ที่เป็นข่าวล่าสุด ก็คือแชร์ลอตเตอรี่ที่จ.ตราด ที่มีการเปิดเผยมาในทางข่าว เขาบอกว่าจริงๆ แล้วไม่ได้ซื้อมาในราคา 74 บาท แต่ซื้อมาในราคาท้องตลาดเพราะไม่สามารถหาซื้อลอตเตอรี่ได้
- ล่าสุดในคดีจับกุมเครือข่ายประสิทธิ์ เจียวก๊ก กรณีนี้เข้าข่ายแชร์ลูกโซ่หรือไม่? เพราะมีคนตั้งข้อสังเกตว่าไม่มีการหาลูกข่าย :อันนั้นเราเข้าใจว่าแชร์ลูกโซ่จะต้องเป็นยอดพีระมิด ของคุณประสิทธิ์ไม่ได้ทำแบบพีระมิดเพื่อให้คนตายใจ ของคุณประสิทธิ์รูปแบบในการขายของเขาเขาตั้งบริษัท บริษัทมีพนักงานขาย มีลูกค้าเข้ามาชื้อของชิ้นแรก เมื่อซื้อของชิ้นแรก ลงทุนชิ้นแรกเสร็จปุ๊บ พนักงานขายจะโทรศัพท์ไปเสนอโปรโมชั่นหรือการขายของแผนอื่นๆ ให้เขาต่อ นี่คือการประกอบธุรกิจของคุณประสิทธิ์ แต่ทีนี้การปันผลหรือการให้เงินตอบแทน คุณประสิทธิ์ไม่ได้มีกำไรจากธุรกิจจริง คุณประสิทธิ์เอาเงินมาจากเงินปันผลของผู้เสียหายเอง
แต่ธุรกิจขายตรงคุณขายสินค้าคุณมีกำไร คุณปันผล แต่ของคุณประสิทธิ์คุณไม่มีกำไรแต่คุณปันผลได้อย่างไร?ปัจจุบันธุรกิจแชร์ลูกโซ่เองก็มีพัฒนาการเขารู้ว่าสารทางกฎหมาย รู้ว่าธุรกิจที่ไม่มีสินค้าคือแชร์ลูกโซ่เป็นการฉ้อโกง เขาก็จะสมมุติสินค้าขึ้นมาตัวหนึ่ง ปัจจุบันมีออกไปเยอะนะ เป็นเหรียญบิตคอยน์ (BitCoin) เป็นของตัวเองก็มี อันนี้เราจะพบเห็นได้สักปี 2562 เยอะหน่อย จะเป็นช่วงขาบูมของแชร์ลูกโซ่ฟอเร็กซ์-3ดี (Forex-3D) แล้วก็เหรียญอื่นๆ ที่ออกตามมากันเต็มไปหมด แชร์ลูกโซ่ก็มีพัฒนาการของมัน กฎหมายไม่รู้จะตามทันแค่ไหน
- ดังตัวอย่างที่ตำรวจเขียนสำนวนฟ้องคุณประสิทธิ์ กรณีธุรกิจซื้อและให้เช่ากระเป๋าแบรนด์เนมใช่หรือไม่? : ของคุณประสิทธิ์มีการขายแพ็กเกจทัวร์แล้วปันผลใน 3 วัน มีการขายคูปอง มีการลงทุนทองคำ มีการให้เช่ากระเป๋าแบรนด์เนม มีการทำสหกรณ์ ตัวเช่ากระเป๋าแบรนด์เนมเป็นหนึ่งธุรกิจของเขา ซึ่งผู้เสียหายที่มาแจ้งความ คือลงทุนไปแล้วไม่ได้ผลกำไรตอบแทนอย่างที่โฆษณาไว้ หรือบางคนไม่ได้กระเป๋าจริง
- มีข่าวจับกุมเครือข่ายแชร์ลูกโซ่อยู่เรื่อยๆ แต่ทำไมยังมีคนหลงเชื่อถูกหลอกไปลงทุนอยู่? : ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะว่าเศรษฐกิจของประเทศไทยมันไม่มีความเชื่อมั่น ทำให้มีการตั้งวงแชร์ลูกโซ่กันออกมาเยอะเพื่อหลอกลวงคน หรือกฎหมายประเทศไทยอ่อนแอ ทำให้คนรู้ว่าแม้จะโดนจับได้ก็แค่ติดคุกไม่กี่ปีก็ได้ออกมาใช้เงิน คนก็เลยกล้าเสี่ยงที่จะลงทุนกันมัน หรือตำรวจรับส่วย ทำให้ธุรกิจแชร์ลูกโซ่ไม่ถูกตัดขาดง่ายๆ ถ้าไม่เป็นข่าวจากสื่อมวลชนเสียก่อน อันนี้อย่างหลังน่าจะเป็นปัญหาที่ใหญ่ที่สุด
ทำไมผมถึงพูดแบบนี้? ถ้ามีคนเห็นโมเดล (Model-รูปแบบ) ธุรกิจของใครก็ตามที่ปันผลจากการลงทุนของตัวเอง เขาจะต้องรู้แล้วว่าธุรกิจนั้นเป็นธุรกิจที่ฉ้อโกงประชาชน เป็นธุรกิจที่หลอกลวง เพราะฉะนั้นถ้าธุรกิจนี้ถูกดำเนินคดี การดำเนินคดีอย่างแรกของตำรวจก็คือการอายัดทรัพย์ เมื่อมีการอายัดทรัพย์ หรือมีการปล่อยข่าวออกมาว่ามันจะล้ม คนก็จะไม่ลงทุนต่อแล้วจะดึงเงินคืนจากระบบ แล้วบริษัทหรือธุรกิจนั้นก็จะล้มละลาย
- หลายๆ ครั้งที่มีการจับกุมเครือข่ายแชร์ลูกโซ่ มักจะมีคนกลุ่มหนึ่งออกมาแก้ต่างให้ผู้ก่อตั้งเครือข่ายอยู่เสมอว่าไม่ใช่การหลอกลวงเหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น? : เพราะกลุ่มหนึ่งอาจจะได้เงินไปแล้ว อย่างเงินต้น เหลือแค่ผลกำไรที่กำลังตอบแทนต่อเดือน แล้วปรากฏพอกลุ่มนี้ (กลุ่มที่ไม่ได้เงิน) มาโวยก็เลยไม่ได้เงิน แต่กลุ่มที่มาโวยเป็นกลุ่มที่มาทีหลังก็เลยยังไม่ได้เงินปันผล
- เมื่อครู่นี้บอกว่ากฎหมายไทยเรื่องการปราบปรามแชร์ลูกโซ่อ่อน แล้วต่างประเทศเป็นอย่างไร? : ต่างประเทศเองก็มีปัญหาการจับกุมคุมขังลักษณะแบบนี้ จริงๆ กฎหมายไทยถ้าจะบอกว่ามันอ่อนมันก็คงมาได้ขนาดนี้ แต่ถ้ามันมีการบังคับใช้กฎหมายกันอย่างจริงจัง อย่างเช่นเราใช้มาตรการในการยึด-อายัดทรัพย์ให้ตกเป็นของแผ่นดินอย่างจริงจัง ก็คงไม่มีใครอยากทำธุรกิจแชร์ลูกโซ่ แต่ของประสิทธิ์ เจียวก๊ก กองปราบฯ แถลงข่าวเมื่อวันก่อนไม่เหลือเงินในบัญชี หลังจากที่ผู้เสียหายไปที่กองบัญชาการตำรวจนครบาลเพื่อทวงถามการยึดอายัด วันต่อมากองปราบฯ แถลงไม่เหลือเงินในบัญชี
แล้วเราถามว่ากฎหมายไทยใช้ได้ผ่านผู้บังคับใช้กฎหมาย แล้วคำตอบคือไม่เหลือเงินในบัญชี แปลงว่าคุณอายัดทรัพย์เขาไมได้แม้แต่บาทเดียว ใครจะกลัวกฎหมายไทย? ในขณะที่การทำงานของต่างประเทศยึดจนกระทั่งไม่เหลือเงินเลย คำถามคือเราทำขนาดนั้นได้ไหม? ที่ไม่เหลือเงินในบัญชี เพราะวิธีการคิดของตำรวจกองปราบฯ ณ วันนั้น ไม่คิดว่าจะมีคนแบบผมในวันนี้ที่จะไปถามว่าคุณออกหมายจับเขา คุณตามทรัพย์สินเขาได้ไหม? ปรากฏว่าไม่มีใครยอมตอบคำถามในเรื่องนี้ จนกระทั่งเรื่องแดงว่ายึดไม่ได้ แล้วคุณจับเขาทำไม?
ถ้าทำแบบนี้ผู้เสียหายไม่มีทางได้เงินคืน เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องที่ตำรวจรู้อยู่แล้วแต่ทำไมถึงได้ละเลย? ก็อย่างที่ผมแถลงไปที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ว่าเขา (กองปราบฯ) ไม่กล้าอายัด เพราะเขาต้องสืบว่าเงินก้อนนี้เกี่ยวข้องกับการฉ้อโกงประชาชน เขาก็จะโยนภาระไปทาง ปปง.(สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน) ใช้กฎหมายฟอกเงินแทนก็เป็นปัญหาของหลายหน่วยที่มันเกิดขึ้นมาหลายปี แล้วถามว่านักกฎหมายหรือที่ปรึกษากฎหมายของคนที่เขาทำธุรกิจฉ้อโกงประชาชน หรือทำธุรกิจแชร์ลูกโซ่รู้ไหม? เขาต้องรู้อยู่แล้ว
- มีข้อสังเกตเรื่องคนที่ทำธุรกิจแชร์ลูกโซ่หรืออะไรแนวๆ นี้ มักชอบโชว์ภาพคู่กับคนใหญ่คนโตในสังคม เช่น นักการเมืองหรือเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูง เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น? : ธุรกิจแชร์ลูกโซ่เป็นธุรกิจที่อยู่บนความเชื่อถือ ถ้าซีอีโอหรือเจ้าของบริษัทหมดความน่าเชื่อถือคนก็จะไม่กล้าลงทุนด้วย เพราะเป็นธุรกิจของการระดมทุน ไม่แปลกใจที่คุณประสิทธิ์ เจียวก๊ก จะใช้วิธีการพยายามสร้างภาพตัวเอง มีการไปถ่ายรูปกับนายทหาร-นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่หลายนาย แม้แต่นายกรัฐมนตรีก็มีภาพคู่
สิ่งเหล่านี้แม้ว่าตัวนายกรัฐมนตรีจะบอกว่าใครมาขอถ่ายก็ถ่ายด้วย แต่อย่าลืมว่าประชาชนไม่ได้คิดอย่างนั้น คนไปเห็นภาพไม่ได้คิดอย่างนั้น เขามองเป็นเชิงสัญลักษณ์ว่าภาครัฐผู้มีอำนาจน่าจะตรวจสอบมาแล้วว่าเขาเป็นคนดีประชาชนส่วนใหญ่ของคุณประสิทธิ์ที่อยู่ในเครือข่ายก็จะเป็นคนสูงวัยจะไม่ค่อยเป็นคนหนุ่ม-สาว เพราะว่าคนสูงวัยจะเป็น Target Group (กลุ่มเป้าหมาย) ของเขาเลย ในการที่จะมีความชอบทางการเมืองในลักษณะนั้น
คนไทยเชื่อจากภาพที่เห็น แล้วคุณประสิทธิ์เขาฉลาดในการทำภาพ ในการใช้สื่อ ในการซื้อโฆษณาจากสื่อ เขาค่อนข้างรู้ว่าคนชอบอะไร แล้วแน่นอนว่าวิธีคิดของคุณประสิทธิ์ ในแชร์ลูกโซ่วงอื่นๆ ก็ใช้วิธีคิดแบบนี้ในการสร้างแบบนี้ บางคนอาจจะถ่ายรูปกับเงินเป็นพันล้านร้อยล้าน ถ่ายรูปกับรถหรู รถสปอร์ตซูเปอร์คาร์ นั่นคือหนึ่งในกระบวนการสร้างภาพ เพราะเขารู้ว่าคนที่จะมาระดมทุนกับเขาเป็นคนกลุ่มไหน แล้วเขาต้องการที่จะสื่ออะไรออกไป
- แล้วเราจะระวังตัวกันอย่างไร? เพราะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่คนระดับรากหญ้า ไปจนระดับบิ๊กๆ ในสังคมก็ยังโดนหลอกกันได้ : เรื่องนี้อยู่ที่ว่าเวลาเราจะลงทุนอะไรก็ตาม ให้เราดูเสมอเลยว่ารูปแบบธุรกิจของเขาได้ผลกำไรกลับมาจริงไหม? มีการขายสินค้า มีการขายบริการนั้นไหม? ถ้ามีจริงมันทำกำไรได้จริงหรือเปล่าจากต้นทุนที่มี? แล้วต้นทุนตัวนั้นเป็นต้นทุนจริงๆ หรือเป็นต้นทุนที่พูดมาเพื่อให้เราหลงเชื่อ? เราคงต้องตรวจาสอบให้ดี
แล้วโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ใครก็ตามที่บอกว่าเอาเงินที่เมืองไทยไปลงทุนที่ต่างประเทศแล้วได้กำไรมาปันผล อันนี้อยากให้ฟังไว้เลยว่า 90% เป็นการหลอกลวง อีก 10% คุณต้องบินต้องเดินทางไปที่ประเทศโน้นเพื่อดูเอง ถ้าคุณไม่เดินทางไปคุณอย่าลงทุนเด็ดขาด มีคนเข้ามาร้องเรียนผมปีหนึ่งหลายเรื่องหลายวง แค่มันไม่ได้เป็นข่าวทุกวงเท่านั้นเอง
- ทำคดีแชร์ลูกโซ่หรือฉ้อโกงมาไม่น้อย เคยเจอกรณีแปลกๆบ้างไหม? : ส่วนใหญ่รูปแบบการลงทุนต้องเป็นความน่าเชื่อถือ จะไม่ค่อยมีการลงทุนแปลกๆ จะเป็นแนวเดียวกันหมดเลยคือถ้าไม่ไปลงทุนที่ต่างประเทศแต่ส่วนมากก็เน้นการลงทุนที่ต่างประเทศผมเคยเจอที่แปลกๆ คือคนชวนไปลงทุนพลังงานแม่เหล็ก ผมก็ว่าเชื่อไปได้อย่างไร? อ่อ!..เขาบอกว่าคนลงทุนก็เป็นพวกมีความรู้ เป็นนักประดิษฐ์เหมือนกันก็เลยเชื่อ แต่อันนั้นก็เป็นหลักแค่ไม่กี่ร้อยล้านบาท เป็นวงแคบๆที่ไม่ได้เปิดให้ประชาชนทั่วไปเล่น เป็นวงเฉพาะกลุ่ม
อันนั้นคือแปลกของผมเพราะมันเป็นเฉพาะกลุ่ม แต่ถ้าเป็นวงที่ประชาชนทั่วไปเข้าถึงมันจะต้องเป็นอะไรที่น่าเชื่อถือ ฟอเร็กซ์-3 ดี มาจากการแลกเปลี่ยนอัตราเงินตราระหว่างประเทศ คริปโตเคอเรนซี(Cryptocurrency) เขาอ้างว่าสามารถทำเหรียญบิตคอยน์ได้ เขากำลังทำแบรนด์ของตัวเอง อย่างคุณประสิทธิ์ก็พยายามทำให้เป็นคริปโตเคอเรนซีอยู่ แต่เผอิญล้มก่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี