เร่งติดCCTVชายแดน
จุดล่อแหลมกาญจนบุรี
สกัดกั้นแรงงานเถื่อน
ตร.สตูลจับ5โรฮีนจา
ฝ่ายความมั่นคงกาญจนบุรี พร้อมวางแผนเดินหน้าติดตั้งตาวิเศษกล้อง CCTV ระบบโซลาร์เซลล์ ป้องกันแรงงานเถื่อนหลบเลี่ยงอ้อม จุดตรวจจุดสกัด เข้าเมือง ขณะที่ ตร.สตูลจับ5โรฮีนจาหนีเข้าไทย
เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน พ.ต.อ.บุญเลิศ ตรัสศิริ ผกก.สภ.เมืองสตูล นายอาวุธ โพธิ์แก้ว สาธารณสุขอำเภอควนโดน พร้อมด้วยกำลัง และชุดเจ้าหน้าที่กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง และหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เข้าควบคุมตัวแรงงานเถื่อนชาวโรฮิงจา จำนวน 5 คน พร้อมคนไทย 3 คน ที่บ้านเช่าเลขที่ 401/1 หมู่ที่ 2 ซอยบารากัส ตำบลควนสตอ อำเภอควนโดน จังหวัดสตูล เพื่อตรวจคัดกรองเชื้อไวรัสโควิด19 เบื้องต้นพร้อมซักประวัติไทม์ไลน์การเข้ามาซ่อนตัวในครั้งนี้
หลังตำรวจได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่ามีชาวโรฮิงจา จำนวน 5 คน (หญิง 2 คน ชาย 3 คน) มาซุกซ่อนในบ้านเช่าโดยมีคนในพื้นที่นำพามา จึงเข้าควบคุมตามมาตการกักโรค สอบประวัติพบว่านายธีรนัย สันแก้ว อายุ 31 ปี ชาวอำเภอละงู และนายรสลัน สอีดตานี อายุ 41 ปี ชาวตำบลเกตรี อำเภอเมือง เป็นคนนำพามาที่บ้านโดยมีนาง ปรียา สันแก้ว อายุ 53 ปี ซึ่งอยู่ภายในบ้านเช่าแห่งนี้
โดยคนสตูลที่นำพา อ้างว่ามีเพื่อนมาส่งต่อหลังตนกลับจากออกเรือประมงที่อำเภอท่าแพ โดยชาวโรฮิงจา นี้เดินทางมาจากรัฐปีนัง ประเทศมาเลเซีย โดยเชื่อว่าเป็นผลพวงมาจากทางการมาเลเซียล๊อกดาวน์และผลักดันแรงงานเถื่อนออกนอกประเทศ โดยเดินทางมาพักที่เกาะโต๊ด ในจังหวัดสตูล จำนวน 2 คืนก่อนขึ้นฝั่ง ซึ่งทางตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อ โดยจะมีการสอบเส้นทางไทม์ไลน์ และ ขบวนการคนนำพาอย่างละเอียดอีกครั้ง
หลังสอบประวัติจะส่งตัวทั้งหมด 8 คนเข้าศูนย์กักโรคติดต่อที่บ้านปิใหญ่ อำเภอละงู ครบ 14 วันและส่งตัวดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ด้านนายพีรพัฒน์ เงินเจริญ นายอำเภอควนโดน ที่เพิ่งมารับตำแหน่ง เปิดเผยว่า หลังจากนี้คงต้องมีการปรับแผนการทำงาน เพราะพื้นที่ควนโดน จะเฝ้าระวังเฉพาะเส้นทางเขา ด้านด่านชายแดนวังประจัน เมื่อมีการลักลอบนำเข้ามาทางเรือ และนำคนมาพักซ่อนคงจะต้องมีการพูดคุยกับพื้นที่อำเภอข้างเคียง ติดชายทะเล ให้การติดตามเฝ้าระวังให้เข้มข้นขึ้น
ขณะที่ด้าน พ.ต.อ.บุญเลิศ ตรัสศิริ ผกก.สภ. สภ.ควนโดน ยอมรับว่า ต้องเพิ่มมาตรการเฝ้าระวังในพื้นที่ชั้นในให้มากยิ่งขึ้น โดยชั้นนอกมีตำรวจ ทหาร ที่อยุ่ตามตะเข็บชายแดนภูเขา แต่การลักลอบเข้ามาซ่อนตัวในครั้งนี้มาทางทะเล พื้นที่ข้างเคียงแล้วนำมาหลบซ่อนคงต้องเน้นการข่าว โดยให้ชาวบ้านร่วมกันสอดส่องดูแล และแจ้งเบาะแส ผ่านได้ทุกช่องทาง ทั้งกำนัน ผญบ. หรือ 191 เพื่อไม่ให้มีการนำเชื้อไวรัสโควิด 19 เข้ามาในพื้นที่ได้
พ.ต.อ.พงษกร อุปพงษ์ รอง ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี ฝ่ายความมั่นคง ในฐานะโฆษกกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี เปิดเผยว่า จากกรณีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ระลอกใหม่ในพื้นที่จังหวัดชั้นในที่มีสถานประกอบการประเภทโรงงานขนาดใหญ่ และใช้แรงงานต่างด้าวชาวเมียนมาเสียเป็นส่วนใหญ่ และแรงงานเหล่านี้เป็นผู้นำพาพาหะเชื้อไวรัสโควิด-19 ไปแพร่ระบาด จนการแพร่ระบาดขยายวงกว้างไปทั่วประเทศ ทาง พล.ต.ต.วัฒนา ยี่จีน รอง ผบช.ภ.7 ดูแลงานด้านความมั่นคงตามแนวชายแดน(มค) พล.ต.ต.วรณัน สุขเจริญ ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี ได้ลงพื้นที่เพื่อสำรวจเส้นทางตามแนวชายแดน ในการวางแผนเตรียมติดตั้งกล้อง CCTV ด้วยระบบโซลาเซลล์ เอาไว้ตามช่องทางที่ผู้นำพาและกลุ่มแรงงานเดินเท้าหลบเลี่ยงจุดตรวจจุดสกัดของเจ้าหน้าที่
เบื้องต้นได้วางแผนเตรียมการติดตั้งกล้องวงจรปิด (CCTV) ด้วยระบบโซลาเซลล์ เอาไว้ จำนวน 3 จุด จุดแรกที่ถนนสายห้วยเขย่ง-ปิล๊อก อ.ทองผาภูมิ บริเวณหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิที่ ทภ.2(ไม้ยักษ์) ซึ่งเป็นเส้นทางหลบหนีเข้าเมืองทางเรือที่มาจากอำเภอสังขละบุรี มาขึ้นฝั่งที่ท่าแพ อ.ทองผาภูมิ ซึ่งเป็นเส้นทางหลบเลี่ยงจุดตรวจหน้าเขื่อนวชิราลงกรณ
จุดที่สองที่ถนนสาย 323 ทองผาภูมิ-สังขละบุรี หน้าวัดท่าขนุน หมู่ 1 ต.ท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ และจุดที่สาม คือที่บริเวณเขาเรดาร์ ทั้งสองจุดเป็นเส้นทางที่ผู้นำพาและแรงงาน ใช้หลบจุดตรวจสามแยกทองผาภูมิเนื่องจากเส้นทางบริเวณดังกล่าวมีถนนหลบเลี่ยงจุดตรวจร่วมสามแยกทองผาภูมิ มุ่งหน้าสู่อำเภอเมืองกาญจนบุรี และเข้าสู่จังหวัดชั้นใน
โดยเมื่อวันที่ 4 มิ.ย.ที่ผ่านมานั้น พล.ต.ต.วัฒนา ยี่จีน รอง ผบช.ภาค 7 ฝ่ายความมั่นคง ได้ลงพื้นที่สำรวจเส้นทาง พร้อมกับมอบกล้อง CCTV ชนิดโซลาเซลล์ จำนวน 20 ตัว ให้กับ พ.ต.อ.บุญส่งวิทย์ ห้องแซง ผกก.สภ.ทองผาภูมิ ดำเนินการนำไปติดตั้งตามจุดดังกล่าวที่ได้ร่วมกันวางแผนเอาไว้ การติดตั้งคาดว่าคงจะแล้วเสร็จในเร็วๆนี้” พ.ต.อ.พงษกร อุปพงษ์ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี