นายสกลธี ภัททิยกุล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า กรุงเทพมหานครมีโครงการติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) เพิ่มในพื้นที่ 6 กลุ่มเขต ตามนโยบายผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เน้นพื้นที่ชุมชนและจุดเชื่อมโยงการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะ เพื่อเพิ่มความปลอดภัยแก่ประชาชนในย่านที่พักอาศัยและระหว่างการเดินทาง โดยที่ผ่านมาได้
ติดตั้งกล้อง CCTV ในพื้นที่กรุงเทพฯ ไปแล้วจนถึงปี 2563 มีจำนวน 62,217 กล้อง เป็นกล้องในพื้นที่ กรุงเทพกลาง 11,404 กล้อง กรุงเทพเหนือ 10,273 กล้อง กรุงเทพตะวันออก 13,185 กล้อง กรุงเทพใต้ 9,171 กล้อง กรุงธนเหนือ 10,443 กล้อง และกรุงธนใต้ 7,741 กล้อง อยู่ระหว่างดำเนินงาน โครงการพื้นที่เขตบางพลัด บางกอกน้อย ราษฎร์บูรณะ และสวนหลวง อีกจำนวน 1,208 กล้อง จะแล้วเสร็จเดือนสิงหาคม 2564 ทำให้จะมีกล้องรวมทั้งสิ้น จำนวน 63,425 กล้อง
ทั้งนี้ สำนักการจราจร และขนส่ง ได้ขอจัดสรรงบประมาณประจำปี 2564 ติดตั้งกล้อง CCTV เพิ่มในพื้นที่ 6 กลุ่มเขตรวมจำนวน 2,221 กล้อง ซึ่งไม่ได้รับการจัดสรรงบประมาณเนื่องจากข้อจำกัดของงบประมาณที่กรุงเทพมหานครจำเป็นต้องใช้ในการแก้ไขปัญหาเร่งด่วนจากการแพร่ระบาดโควิด-19 จึงดำเนินการขอจัดสรรงบประมาณในประจำปี 2565 อยู่ระหว่างการพิจารณา
นอกจากนี้ นายประพาส เหลืองศิรินภา ผู้อำนวยการสำนักการจราจร และขนส่ง รายงานด้วยว่า สำนักการจราจรและขนส่งได้ติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) เพื่อเฝ้าระวังและจับปรับผู้ฝ่าฝืนการขับขี่รถจักรยานยนต์บนทางเท้าในกรุงเทพฯ โดยขอจัดสรรงบประมาณประจำปี 2565 จำนวน 2 โครงการ ได้แก่ โครงการติดตั้งระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) เพื่อบริหารการจัดการการฝ่าฝืนกฎหมายของยานพาหนะบนทางเท้าในพื้นที่กลุ่มกรุงเทพกลางและพื้นที่กลุ่มกรุงเทพเหนือ และโครงการติดตั้งระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิดฯ ในพื้นที่กลุ่มกรุงธนเหนือและพื้นที่กลุ่มกรุงธนใต้ แต่เนื่องจากสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งกรุงเทพมหานครยังจำเป็นต้องเร่งแก้ไขปัญหา อีกทั้งรายรับของกรุงเทพมหานครไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ จึงชะลอโครงการดังกล่าวไว้ก่อน เมื่อสถานการณ์เข้าสู่ปกติจะเสนอของบประมาณประจำปี 2566 ต่อไป
สำหรับการกวดขันรถยนต์ รถจักรยานยนต์ จอดหรือขับขี่บนทางเท้า ตั้งแต่เริ่มโครงการ วันที่ 9 ก.ค. 2561-
30 พ.ค. 2564 สามารถจับกุมผู้กระทำผิดได้ 39,138 ราย ดำเนินการว่ากล่าวตักเตือน 3,830 ราย ดำเนินคดี 33,505 ราย อยู่ระหว่างดำเนินคดี 1,803 ราย เปรียบเทียบปรับเป็นเงิน 42,791,000 บาท
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี