ได้อ่านข้อเขียนของ รศ.ดร.ต่อตระกูล ยมนาค และ ผศ.ดร.ต่อภัสสร์ ยมนาค เรื่อง “ต่อต้านคอร์รัปชั่น” ในคอลัมน์การเมือง แนวหน้าออนไลน์ เมื่อวันพุธที่ 5 พฤษภาคม 2564 มีสาระสำคัญที่น่าเป็นห่วงหน่วยงานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เพราะข้อเขียนดังกล่าวได้ระบุว่ามีโครงการของกระทรวงเกษตรฯ 2 โครงการภายใต้ “งบเงินกู้สู้โควิด 4 แสนล้านบาท” ซึ่งเป็นโครงการที่ “มีความเสี่ยงการทุจริตอยู่ในระดับสูง” (ลำดับที่ 1 และ 3) ตามที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ประเมินไว้
โครงการที่มีความเสี่ยงการทุจริตสูงลำดับที่ 1 คือ “โครงการ 1 ตำบล 1 กลุ่มเกษตรทฤษฎีใหม่” งบประมาณ 3,550 ล้านบาท มีสำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นผู้รับผิดชอบหลัก ป.ป.ท. ตั้งข้อสังเกตว่า การทุจริตอาจเกิดจาก การจ้างแรงงานที่อาจมีการช่วยเหลือพวกพ้อง และอาจไม่ได้ทำงานจริง การจัดซื้อจัดจ้างที่อาจเอื้อประโยชน์คนบางกลุ่ม มีการล็อกสเปก หรือซื้อวัสดุต่างๆ ที่ไม่เหมาะสมในการใช้งานจริง การเบิกงบประมาณในการจัดอบรมสัมมนาไม่ตรงกับที่จ่ายจริง งบประมาณอื่นๆ สามารถจัดทำเอกสารเท็จได้ที่สำคัญคือ สตง. พบว่า โครงการนี้ไม่มีความพร้อมในการดำเนินงานเกษตรกรเข้าร่วมโครงการต่ำกว่าเป้าหมายเพราะเงื่อนไขต่างๆ ที่กำหนดขึ้น รวมทั้งการจัดสรรเงินกู้ล่าช้าด้วย
โครงการนี้ แม้สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรฯ จะเป็นหน่วยงานรับผิดชอบหลัก แต่หน่วยงานที่ร่วมดำเนินการในพื้นที่ไม่พ้น กรมส่งเสริมการเกษตร กรมปศุสัตว์ กรมประมง กรมพัฒนาที่ดิน และ สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร โดย กรมส่งเสริมการเกษตรพัฒนาอาชีพด้านพืช กรมปศุสัตว์ พัฒนาอาชีพด้านปศุสัตว์ กรมประมงพัฒนาอาชีพด้านประมง กรมพัฒนาที่ดิน ขุดบ่อเก็บน้ำ สนับสนุนวัสดุปรับปรุงดิน และ สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ประเมินผลโครงการ หน่วยงานอื่น ๆ ในสังกัดกระทรวงเกษตรฯ เป็นหน่วยงานสนับสนุน สรุปคือ ทุกหน่วยงานในกระทรวงเกษตรฯ มีชื่อปรากฏอยู่ในโครงการนี้ทั้งหมด ส่วนหน่วยงานไหนจะรับผิดชอบด้านใดขึ้นอยู่กับภารกิจของหน่วยงานนั้นๆ
เป้าหมายของโครงการ จะดำเนินการในพื้นที่ 4,009 ตำบล ใน 75 จังหวัด เกษตรกรตำบลละ 16 ราย รวม 64,144 ราย พื้นที่ดำเนินการรายละ 3 ไร่ รวม 192,432 ไร่ มีการจ้างงานในระดับตำบล ตำบลละ 8 ราย รวม 32,072 ราย มีการรับสมัครเกษตรกรเข้าร่วมโครงการผ่านระบบออนไลน์ หรือยื่นใบสมัครที่เกษตรตำบล โดยมีคณะทำงานขับเคลื่อนระดับอำเภอเป็นผู้คัดเลือก ซึ่งจากข้อมูลที่ได้รับจากผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ทราบมาว่า มีเกษตรกรสมัครเข้าร่วมโครงการน้อยมาก แม้เจ้าหน้าที่จะเข้าไปขอให้สมัครก็ยังยากเย็น
ที่ ป.ป.ท.ตั้งข้อสังเกต เกี่ยวกับการจ้างแรงงานเกษตรทฤษฎีใหม่ระดับตำบล ตำบลละ 8 ราย ว่าอาจจะมีการจ้างพวกพ้องนี่ก็น่าคิด เพราะคณะกรรมการขับเคลื่อนระดับอำเภอเป็นคนคัดเลือกด้วยการสัมภาษณ์ แรงงานนี้อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัด จ้างมาเพื่อทำหน้าที่ประสานเชื่อมโยงการทำงานโครงการ 1 ตำบล 1 กลุ่มเกษตรทฤษฎีใหม่ ให้เข้าถึงแปลงเกษตรทฤษฎีใหม่ ประสานงานในการถ่ายทอดความรู้ และแก้ไขปัญหาด้านการเกษตรให้กับเกษตรกร สำรวจ จัดเก็บและรายงานข้อมูลพื้นฐานทางการเกษตรให้เป็นปัจจุบัน รวมถึงติดตามการดำเนินงานรายแปลงด้วย อีกทั้งยังคาดหมายให้แรงงานเหล่านี้เป็นตัวแทนกระทรวงเกษตรฯ ในการจัดทำแผน และขับเคลื่อนแผนเกษตรกรรมยั่งยืนในระดับตำบล เป็นการคาดหวังที่สูงมาก แต่เท่าที่เคยสัมผัสแรงงานเหล่านี้บางคนยังไม่รู้จักว่าทฤษฎีใหม่ คืออะไร...และยังไม่ทราบบทบาทหน้าที่ของตนเองว่าต้องทำอะไรบ้าง
การดำเนินการฝึกอบรมเกษตรกรตามโครงการนี้ เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด ทำให้ต้องอบรมออนไลน์ กิจกรรมนี้น่าห่วงที่สุด เพราะลำพังนำเกษตรกรมานั่งอบรมแบบเห็นหน้าเห็นตากันตัวเป็นๆ เกษตรกรที่สนใจฟัง หรือเรียนรู้อย่างจริงจังมีน้อย แต่นี่ใช้การอบรมระบบออนไลน์ จึงไม่น่าจะสัมฤทธิผล
อีกโครงการหนึ่งของกระทรวงเกษตรฯ ที่มีความเสี่ยงทุจริตอยู่ในระดับกลาง (ลำดับที่ 3 รองจาก โครงการโคกหนอง นา โมเดล ของกรมการพัฒนาชุมชน) คือ “โครงการพัฒนาธุรกิจบริการดินและปุ๋ยเพื่อชุมชน (One Stop Service)” งบประมาณ 170 ล้านบาท มีกรมส่งเสริมการเกษตร เป็นหน่วยงานรับผิดชอบหลัก ป.ป.ท. ตั้งข้อสังเกตว่า การทุจริตในโครงการนี้ มีช่องทางจากการจัดซื้อจัดจ้าง โดยเฉพาะ วัสดุทางการเกษตรมีการกำหนดเงื่อนไขที่กีดกันผู้เสนอราคารายย่อย การส่งมอบปุ๋ยให้กลุ่มเป้าหมายอาจไม่ครบถ้วนตามที่จัดซื้อจริง การจัดซื้อครุภัณฑ์ การจ้างผลิตสื่อ การจ้างที่ปรึกษา อาจใช้ประโยชน์ไม่คุ้มค่าและมีการเอื้อประโยชน์ให้กับพวกพ้อง การจัดอบรมสัมมนาอาจมีการเบิกจ่ายที่ไม่ตรงกับการอบรมจริง
นอกจากนี้ สตง. ยังพบว่ามีความล่าช้าในการจ้างทำแพลตฟอร์ม และแอปพลิเคชั่น ในการให้คำแนะนำการใช้ปุ๋ย และเก็บข้อมูล Data Base การกำหนดเงื่อนไขของโครงการไม่สอดคล้องกับความต้องการ โครงการไม่มีความเหมาะสมในแง่ของการปฏิบัติจริง
โครงการนี้กรมส่งเสริมการเกษตร ยืนยันว่าจะช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ผ่านศูนย์จัดการดินปุ๋ยชุมชน (ศดปช.) ของกรมส่งเสริมการเกษตร โดยจะทำให้เกษตรกรสามารถเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนการผลิตด้วยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีการวิเคราะห์ดิน และการใช้ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดิน ทำให้เกษตรกรใช้ปุ๋ยเคมีน้อยลงในสภาวะที่ปุ๋ยเคมีมีราคาสูงขึ้นในปัจจุบัน
อนันต์ ดาโลดม
นายกสมาคมพืชสวนแห่งประเทศไทย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี