โครงการนี้กรมส่งเสริมการเกษตรยืนยันว่าจะช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ผ่านศูนย์จัดการดินปุ๋ยชุมชน (ศดปช.) ของกรมส่งเสริมการเกษตรโดยจะทำให้เกษตรกรสามารถเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนการผลิตด้วยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีการวิเคราะห์ดินและการใช้ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดินทำให้เกษตรกรใช้ปุ๋ยเคมีน้อยลงในสภาวะที่ปุ๋ยเคมีมีราคาสูงขึ้นในปัจจุบัน
การดำเนินโครงการนี้ งบประมาณส่วนใหญ่ใช้ไปในการจัดซื้อชุดตรวจวิเคราะห์ดินให้ ศดปช. ศูนย์ละ 10 ชุด จัดซื้อแม่ปุ๋ยให้กับศูนย์ 3 สูตร คือ 46-0-0 จำนวน 60 กระสอบ/ศูนย์ 18-46-0 จำนวน 30 กระสอบ/ศูนย์ และสูตร 0-0-60 จำนวน 30 กระสอบ/ศูนย์ และจัดซื้อเครื่องผสมปุ๋ยให้แก่ ศดปช. ที่นำร่อง 394 ศูนย์ ใน 63 จังหวัด ศูนย์ละ 1 เครื่อง ศดปช. จะดำเนินการให้บริการตรวจวิเคราะห์ดิน แนะนำการจัดการดินและการใช้ปุ๋ยเบื้องต้น รวบรวมความต้องการและจัดหาแม่ปุ๋ยมาจำหน่ายให้แก่สมาชิกศูนย์จัดการดินปุ๋ยชุมชน กลุ่มเกษตรกรแปลงใหญ่ และเกษตรกรทั่วไป รวมทั้งให้บริการผสมปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดิน
การจัดหาครุภัณฑ์ ทั้งชุดตรวจวิเคราะห์ดิน และเครื่องผสมปุ๋ย ก็ว่าไปตามกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง แต่เชื่อได้ว่าคงมีการร้องเรียนกันเกิดขึ้นตามมา ส่วนการจัดหาวัสดุ คือ แม่ปุ๋ยนั้น มีความเสี่ยงสูงกว่าอย่างอื่น ในอดีตโครงการที่เกี่ยวกับปุ๋ย มีการทุจริตเกิดขึ้นถึงขั้นทำให้ผู้บริหารระดับสูงทั้งฝ่ายข้าราชการประจำ และฝ่ายการเมืองเสียอนาคตก็มีให้เห็นกันแล้ว เช่น กรณีการจัดซื้อปุ๋ยอินทรีย์เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เมื่อปี 2546 ซึ่งเสนอโครงการโดยกรมส่งเสริมการเกษตร มีการดำเนินการแบบรวบรัด มีการผลักดันโดยคนใกล้ชิดของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯในสมัยนั้น มีข้อมูลส่อไปในทางทุจริต กระทำการโดยละเลยกฎระเบียบ และอ้างความเดือดร้อนของเกษตรกรเป็นเหตุผลในการดำเนินการ คดีนี้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้มีคำพิพากษาตัดสินจำคุก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในสมัยนั้น คนละ 6 ปี (ศาลตัดสินเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2559 ใช้เวลาในการพิจารณาคดีถึง 15 ปี) นอกจากนี้ในเวลาต่อมายังมีอดีตอธิบดี และรองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร รวมทั้งเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง กับโครงการนี้ถูกดำเนินคดีและจำคุกไปแล้วส่วนหนึ่ง และอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกาอีกหลายส่วนหนึ่ง
กลับมาที่โครงการพัฒนาธุรกิจบริการดินและปุ๋ยเพื่อชุมชน ที่กำลังกล่าวถึง เกี่ยวกับการจัดหาปุ๋ยมาจำหน่ายยิ่งเป็นสิ่งที่ไม่น่าจะดำเนินการ เพราะไม่ใช่ภารกิจของกรมส่งเสริมการเกษตร ศดชป. ควรเน้นภารกิจด้านวิชาการและส่งเสริมให้เกษตรกรปฏิบัติให้ถูกต้อง ไม่ควรดำเนินธุรกิจให้เรื่องเงินๆ ทองๆ มาพัวพันกับหน่วยงาน
ทั้ง 2 โครงการที่กล่าวมาข้างต้น ทั้ง ป.ป.ท. และ สตง. รวมทั้งองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) เตือนมาแล้ว ก็ขอให้นำไปทบทวน ซึ่งอาจจะช้าไปเพราะโครงการจะสิ้นสุดลงในเดือนกันยายน 2564 นี้แล้ว แต่อย่างไรก็ตาม กระบวนการต่าง ๆ ขอให้รอบคอบ รัดกุม ตรวจสอบ และอธิบายได้ โดยเฉพาะข้าราชการ เพราะเวลาเกิดเป็นคดีความครั้งไร นักการเมืองลอยตัวทุกที คนรับกรรมคือข้าราชการแทบทั้งสิ้น....
อดไม่ได้ที่จะห่วงกังวลไปถึงโครงการโคกหนองนาโมเดล ของกรมการพัฒนาชุมชน ซึ่งเป็นโครงการที่เสี่ยงต่อการทุจริตสูงลำดับที่ 2 ตามที่ ป.ป.ท. ประเมินไว้ เพราะโครงการนี้มีรูปแบบและการดำเนินงานใกล้เคียงกับ โครงการ 1 ตำบล 1 กลุ่มเกษตรทฤษฎีใหม่ แต่แยกกันทำคนละพื้นที่ ที่สำคัญของโครงการนี้คือการจ้างขุดสระน้ำที่มีความเสี่ยงต่อการทุจริตสูง ตั้งแต่การประกวดราคาที่หน่วยงานในส่วนกลางเป็นผู้ดำเนินการ โดยให้ผู้รับเหมาไปดำเนินการขุดสระในตำบลที่มีเกษตรกรร่วมโครงการ การขุดสระน้ำในแต่ละตำบล ซึ่งมีพื้นที่ และภูมิประเทศที่แตกต่างกัน หากไม่สามารถกักเก็บน้ำได้ เกษตรกรไม่ยอมรับ ก็จะเกิดผลกระทบต่อเจ้าหน้าที่ผู้ตรวจรับงาน ผมเกรงว่าเจ้าหน้าที่ตรวจรับจะกลายเป็นแพะรับบาปของโครงการนี้
เป็นที่น่าสังเกตว่า โครงการที่กล่าวมาทั้ง 3 โครงการนี้ เป็นโครงการที่เป็นลักษณะ ท็อปดาวน์ คือสั่งการมาจากข้างบน ขาดกระบวนการมีส่วนร่วมของเกษตรกรโดยสิ้นเชิง มีความเสี่ยงสูงทั้งในแง่ของการทุจริต และความสำเร็จที่จะส่งผลประโยชน์ให้กับเกษตรกรอย่างแท้จริง เป็นโครงการที่สูญเปล่า เพราะเป็นโครงการที่ใช้งบประมาณจากเงินกู้4 แสนล้านบาท ที่รัฐบาลบอกว่าจะนำมาใช้กอบกู้สถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ซึ่งอาจจะสูญเปล่าเหมือนโครงการของกระทรวงเกษตรฯ ที่ผ่านมาเมื่อปี 2560 และ 2561 ในยุค คสช. ที่ใช้เงินโครงการละหลายหมื่นล้านบาท
ในฐานะที่ผมเป็นอดีตข้าราชการของกรมส่งเสริมการเกษตร ไม่อยากเห็นชะตากรรมของข้าราชการรุ่นน้อง รุ่นลูก รุ่นหลาน ที่อาจจะได้รับผลกรรมจากการทำงานตามความต้องการของนักการเมือง และผู้บริหารระดับสูงเหมือนเช่น โครงการ ปุ๋ยอินทรีย์ ผักสวนครัวรั้วกินได้ และอีกหลายโครงการในอดีตไม่อยากเห็นประวัติศาสตร์ซ้ำรอย....
อนันต์ ดาโลดม
นายกสมาคมพืชสวนแห่งประเทศไทย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี