สธ.-กทม.-ศบค.หย่าศึกวัคซีน
ขอโทษประชาชน
ยึดแผนเดิมฉีด50ล.คนในปีนี้
‘อัศวิน’ย้ำได้วัคซีนวันไหนฉีดทันที
จัดคิวกลุ่มที่ถูกเลื่อนได้ฉีดก่อน
เลขาฯสมช.ยืนยันไม่มีการเมือง
ไร้ปัญหาแค่สื่อสารคลาดเคลื่อน
ไทยติดเชื้อ3,355-ตายเพิ่ม17ศพ
นายกฯ หย่าศึกเกาเหลา “กทม.-สธ.” ปมจัดสรรวัคซีนไม่พอ เป็นเหตุให้เลื่อนฉีด สั่ง เลขาฯสมช.-ผู้ว่าฯกทม.-อธิบดีกรมควบคุมโรค ตั้งโต๊ะแถลงเคลียร์ปัญหา พร้อมขอโทษประชาชน “บิ๊กเล็ก”แจงยิบเป้าหมายจัดหาให้ได้ร้อยล้านโดสเหมือนเดิม แผนฉีดอาจต้องปรับ
ตามสถานการณ์ ทุกหน่วยงานทำงานประสานกันดี ลั่นไม่วัคซีนการเมือง อธิบดีควบคุมโรค ลั่น คนไทยต้องได้วัคซีนคุณภาพ เป้ามิถุนายน 6 ล้านโดสไม่เปลี่ยนอาจได้ถึง 10 ล้าน เผย คนกรุงฯ ได้เข็มแรก 17% คลุมกลุ่มแพทย์ด่านหน้าเกือบ 100% “อัศวิน” ยันไม่มีขัดแย้ง สธ. เปิดแผนรับ-กระจายวัคซีน แต่รับแจ้งจากคร.ติดขัดทางเทคนิค ถ้าได้มาวันไหน วันรุ่งขึ้นฉีดได้ทันที ศบค. เผยไทยติดเชื้อเพิ่ม 3,355 ตาย 17 ราย กทม.ไร้คลัสเตอร์ใหม่ แต่ตจว.ผุดอีก 10 คลัสเตอร์
เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์โควิด-19 ประจำวันว่า มีผู้ติดเชื้อใหม่ 3,355 ราย เป็นการติดเชื้อในประเทศ 2,561 ราย มาจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 1,723 ราย มาจากการค้นหาเชิงรุกในชุมชน 838 ราย จากเรือนจำและที่ต้องขัง 784 ราย และเป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ 10 ราย ผ่านช่องทางธรรมชาติจากกัมพูชา 3 ราย และมาเลเซีย 1 ราย
ติดเชื้อสะสมเฉียด2แสน-ตายเพิ่ม17คน
นพ.ทวีศิลป์กล่าวต่อว่า ขณะนี้มียอดผู้ติดเชื้อสะสม 199,264 ราย ผู้หายป่วยเพิ่ม 3,530 ราย ยอดรวมหายป่วยแล้ว 157,944 ราย อยู่ระหว่างการรักษา 39,854 ราย สำหรับผู้ป่วยอาการหนัก 1,261 ราย ใส่เครื่องช่วยหายใจ 360 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 17 ราย เป็นชาย 7 ราย หญิง 10 ราย อยู่ในกทม.14 ราย สมุทรปราการ พระนครศรีอยุธยา อ่างทอง จังหวัดละ 1 ราย ทำให้ขณะนี้มีผู้เสียชีวิตสะสม 1,466 ราย
13มิย.ฉีดวัคซีนไป1.06แสนโดส
ขณะที่การฉีดวัคซีนวันที่ 13 มิถุนายนมีจำนวน. 106,882 โดส แบ่งเป็นเข็มแรก 75,128 ราย เข็มที่สอง 31,754 ราย โดยเฉพาะยอดของกทม.ระหว่างวันที่ 28 ก.พ.-13 มิ.ย. ฉีดเข็มแรกไปแล้ว 1,346,993 ราย เข็มที่สอง 369,401 ราย ขณะที่ จ.ภูเก็ต ฉีดเข็มแรกไปแล้ว 333,574 ราย เข็มที่สอง 137,624 ราย ส่วนสถานการณ์โลก มีผู้ป่วยสะสม 176,716,036 ราย เสียชีวิตสะสม 3,819,565 ราย
8จังหวัดเจอคลัสเตอร์ใหม่อื้อ
สำหรับ 5 จังหวัด ที่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่มากที่สุดคือ กทม. 925 ราย นครปฐม 292 ราย นนทบุรี 232 ราย สมุทรปราการ 169 ราย สมุทรสาคร 158 ราย โดยมีคลัสเตอร์ใหม่กระจายไปหลายจังหวัด ประกอบด้วย โรงหมู อ.เมือง จ.นครปฐม มีผู้ติดเชื้อ 8 ราย หมู่บ้านเอื้ออาธร อ.เมือง จ.สมุทรปราการ มีผู้ติดเชื้อ 34 ราย ชุมชนเทศบาล ต.บางเมือง อ.เมือง สมุทรปราการ มีผู้ติดเชื้อ 6 ราย โรงงานอาหารทะเล อ.เมือง จ.สมุทรสาคร มีผู้ติดเชื้อ 12 ราย โรงงานปลาแช่แข็ง อ.เมือง จ.สมุทรสาคร มีผู้ติดเชื้อ 6 ราย บริษัทให้เช่าห้องเย็น อ.เมือง จ.สงขลา มีผู้ติดเชื้อ 21 ราย การสัมผัสในชุมชน อ.เมือง ท่าศาลา และพรหมคีรี จ.นครศรีธรรมราช ผู้ติดเชื้อรวม 83 ราย แคมป์ก่อสร้างชาวไทย เมียนมา อ.ธัญบุรี ปทุมธานี ผู้ติดเชื้อ 5 ราย แคมป์ก่อสร้าง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ผู้ติดเชื้อ 6 ราย และโรงงานผลิตคอมเพรสเซอร์ อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา ผู้ติดเชื้อ 18 ราย ขณะที่ กทม.ไม่มีรายงานคลัสเตอร์ใหม่
นายกฯสั่งศบค.-คร.-กทม.เคลียร์ปมวัคซีน
นพ.ทวีศิลป์ยังกล่าวถึงปัญหาการกระจายและการฉีดวัคซีนว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ในฐานะผอ.ศบค. มอบให้เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ในฐานะผอ.ศปก.ศบค. อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) และผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครออกมาชี้แจง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อประชาชน ซึ่งกรมควบคุมโรคชี้แจงแผนจัดหาและกระจายวัคซีนที่ต้องสอดคล้องกัน ช่วงแรกแผนจัดหาวัคซีนดำเนินการไปได้ แต่ครึ่งหลังเดือนมิถุนายนอาจขลุกขลักขึ้นบ้าง เนื่องจากวัคซีนเป็นตัวใหม่และเป็นชีววัตถุ ต้องดูแลให้ปลอดภัย และยังมีเรื่องเงื่อนเวลาเข้ามา ทำให้การจองผ่านระบบหมอพร้อม จองผ่านระบบลงทะเบียนอื่น ทำให้มีประชาชนจองเข้ามาจำนวนมาก จึงมีปัญหา แต่ขณะนี้แก้ไขแล้ว ในฐานะโฆษก ศบค.ต้องกราบขออภัยประชาชนเป็นอย่างสูง
คร.แจงกทม.ฉีดวัคซีนมากสุด1.7ล้านโดส
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังศบค.แถลงข่าวประจำวันแล้ว พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และนพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) ตั้งโต๊ะแถลงข่าวชี้แจงปัญหาขัดแย้งระหว่างกทม.และกระทรวงสาธารณสุข นพ.โอภาสกล่าวว่า สธ.ดำเนินการตามนโยบายที่รัฐบาลกำหนดในการจัดหาวัคซีนให้คนไทยอย่างน้อย 50 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 70 ของประชาชนในแผ่นดินไทย เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ ซึ่งต้องดำเนินการให้เสร็จภายในปี 2564 ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมานำเข้าวัคซีน 8.1 ล้านโดส แบ่งเป็นวัคซีนแอสตราเซเนกา 2.1 ล้านโดส และซิโนแวค 6 ล้านโดส ปัจจุบันฉีดสะสมแล้ว 6,188,124 โดส นับถึงวันที่ 13 มิถุนายน โดยจำนวนฉีดสูงสุดอยู่ที่กทม. 1,716,394 โดส คิดเป็น 27.7 % ของวัคซีนทั้งหมดที่มีอยู่ แบ่งเป็นเข็มที่หนึ่ง 1,346,993 โดส และเข็มที่สอง 369,401 โดส ทำให้ประชากรในกรุงเทพมหานคร ได้รับวัคซีนอย่างน้อยหนึ่งเข็ม 17.5%
จัดสรรยึดข้อมูลวิชาการ-พื้นที่ระบาด
นพ.โอภาสกล่าวต่อว่า การจัดสรรวัคซีนพิจารณาจากข้อมูลวิชาการ พื้นที่ จำนวนประชากร สถานการณ์ระบาด และแบ่งเป็นสัดส่วนต่างกันแต่ละจังหวัด รวมถึงนโยบายรัฐบาล การจัดการลำดับความสำคัญของกลุ่มเป้าหมาย เราจะเน้นกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ และสาธารณสุขด่านหน้า ที่ต้องดูแลผู้ติดเชื้อผู้ป่วย หรือผู้ที่ต้องสอบสวนควบคุมโรค ขณะนี้บุคลากรแพทย์ และสาธารณสุขได้ฉีดวัคซีนเกือบครบ 100% แล้ว นอกจากนี้ ยังมีอีกกลุ่มคือ ตำรวจ ทหาร อสม. ที่ต้องลงพื้นที่กักกันโรคก็จะได้ฉีดต่อไป อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายน ยังจัดสรรวัคซีนไปฉีดให้กลุ่มเป้าหมายเฉพาะ อย่างครู บุคลากรการศึกษา เตรียมรับเปิดเทอม คนขับรถสาธารณะที่ต้องเกี่ยวข้องกับคนจำนวนมาก ตามด้วยกลุ่มแรงงาน ผู้ประกันตน มาตรา 33
แจงยิบมิย.แบ่งฉีด2งวดๆแรกส่งแล้ว3ล้าน
นพ.โอภาสชี้แจงอีกว่า เดือนมิถุนายน จะกระจายวัคซีนตามแผนที่วางไว้อย่างน้อย 2 งวด ครอบคลุมการฉีดระยะ 2 สัปดาห์ โดยงวดแรกฉีดตั้งแต่วันที่ 7 - 20 มิถุนายน จะส่งวัคซีนไปประมาณ 3 ล้านโดส ประกอบด้วย ซิโนแวค 1 ล้านโดส และแอสตราเซเนกา 2 ล้านโดส ส่งให้กทม.แล้ว 5 แสนโดส ประกอบด้วย แอสตราเซเนกา 3.5 แสนโดส และซิโนแวค 1.5 แสนโดส นอกจากนี้ ยังส่งให้สำนักงานประกันสังคมอีก 3 แสนโดส กลุ่มนี้ส่วนใหญ่จะฉีดในกทม.เป็นหลัก รวมถึงกลุ่มมหาวิทยาลัย 11 แห่ง ของที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย(ทปอ.) อีก 1.5 แสนโดสจะฉีดในกทม. เป็นหลัก
งวด2ปลายมิย.กระจายอีก3.5ล้านโดส
ส่วนกลุ่มที่ลงทะเบียนหมอพร้อมใน 76 จังหวัด จะส่งวัคซีนไป 1.1 ล้านโดส จุดฉีดต่างๆ สำหรับองค์กรภาครัฐ เช่น กลุ่มขนส่งสาธารณะ กลุ่มทหาร ตำรวจ ที่ต้องกักกันผู้ป่วย ที่เกี่ยวข้องกับผู้ติดเชื้อและครู อีก 1 แสนโดส ขณะเดียวกัน ยังเตรียมวัคซีนไว้รองรับสถานการณ์ระบาดหลายพื้นที่ เช่น เพชรบุรี เป็นสิ่งที่เรากระจายไปงวดแรก สำหรับงวดที่สอง ตามกำหนดต้องกระจายไปอย่างช้าที่สุด วันที่ 21 มิถุนายน - 2 กรกฎาคมอีก 3.5 ล้านโดส เป็นวัคซีนซิโนแวค 2 ล้านโดส และแอสตราเซเนกา อีก 1.5 ล้านโดส ทั้งหมดที่เราจะกระจาย เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดเดือนมิถุนายน ต้องรวมได้ประมาณ 6 ล้านโดส
วัคซีนเป็นชีววัตถุเดินไปซื้อไม่ได้ต้องจอง
“ภาพรวมปัจจุบันวัคซีนกระจายไปตามจุด และจังหวัดต่างๆ ประมาณ 7 ล้านโดส เกือบ 8 ล้านโดส ฉีดไปแล้ว 6 ล้านกว่าโดส ภายในสัปดาห์นี้จะทยอยฉีดตามเป้าหมายและวัคซีนที่เรามี คาดว่าเดือนมิถุนายนเป้าหมายน่าจะฉีดได้ 10 ล้านโดสในภาพรวมของประเทศไทย “นพ.โอภาสกล่าว และขอย้ำว่า วัคซีนนี้ถือเป็นชีววัตถุ ไม่ใช่ว่ามีของแล้วเดินไปซื้อได้เลย พอผลิตปุ๊ปต้องส่งทันที และฉีดทันที เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์การระบาด ยืนยันว่าทุกอย่างยังเป็นไปตามเป้าหมายว่า เดือนนี้ต้องมีวัคซีนเข้ามา 6 ล้านโดส
ย้ำไม่ปล่อยวัคซีนตกมาตรฐานมาฉีด
นพ.โอกาสกล่าวอีกว่า เมื่อผลิตวัคซีน และตรวจสอบแล้ว สธ.จะรีบจัดส่งทันที ขณะนี้มีวัคซีนหลายบริษัท หลายล้านโดส กำลังรอตรวจสอบคุณภาพ เชื่อว่าอีกไม่นาน แต่ขอไม่ระบุวันที่จะเข้ามา เพราะการตรวจสอบคุณภาพ เป็นสิ่งที่เราผ่อนปรนไม่ได้ เราจะไม่ยอมให้วัคซีนที่ไม่มีคุณภาพ นำมาฉีดให้คนไทย แต่ถ้าตรวจสอบคุณภาพไม่เสร็จ ก็อาจไม่ได้อย่างนั้น แต่ตามเป้าหมาย 6 ล้านโดสก็ยังเป็นไปตามเป้าหมายเหมือนเดิม
สธ.การันตีหาวัคซีนฉีดครบ50ล.คนปี64
ด้านพล.อ.ณัฐพลกล่าวยืนยันว่า ที่ผ่านมา ศบค.บูรณาการกับสธ. โดยเฉพาะเรื่องวัคซีนทุกอย่างเป็นไปด้วยดี ทุกส่วนราชการตั้งไจทำงานเพื่อประชาชนอย่างเต็มขีดความสามารถ นโยบายนายกฯต้องการให้ฉีดวัคซีนให้คนไทยทั้งหมด 67 ล้านคน รวมทั้งต่างชาติที่อยู่ในประเทศ 2.6 ล้านคน โดยกระทรวงสาธารณสุข มีหลักการฉีดวัคซีนให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ต้องฉีดร้อยละ 70 ให้ประชากร 50 ล้านคน ซึ่งต้องใช้วัคซีน 100 ล้านโดส และสธ.เตรียมการไว้แล้ว 100 ล้านโดสในปี 2564 แบ่งเป็นซิโนแวคประมาณ 8 ล้านโดส แอสตราเซเนกา 61 ล้านโดส ไฟเซอร์ 20 ล้านโดส และจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน อีก 5 ล้านโดส รวมเป็น 94 ล้านโดส ในส่วนจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน 5 ล้านโดส จะมีค่าของวัคซีนมากกว่าชนิดอื่น 2 เท่า จึงทำให้ถ้าเรารวมวัคซีนทั้งหมดเรามีวัคซีนประมาณ 99 ล้านโดส ปัจจุบันสธ.เตรียมจัดการหาซื้อเพิ่มยืนยันได้เลยว่าวัคซีนของไทยมีเพียงพอฉีดให้ประชาชน 50 ล้านคน ภายในปี 2564 แน่นอน
ขออภัยปชช.-ย้ำเป้าฉีดเข็มแรก50ล.คน
สำหรับแผนฉีดวัคซีนที่ศบค.หารือกับสธ.ตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายนเป็นต้นมา ถือเป็นวาระแห่งชาติ โดยเดือนมิถุนายนจะฉีดประมาณ 6 ล้านโดส เดือนถัดไปจะฉีดประมาณเดือนละ 10 ล้านโดสทำให้เราฉีดวัคซีนครบเข็มแรกจากจำนวนประชากร 50 ล้านคน ภายในเดือนกันยายนหรืออย่างช้าเดือนตุลาคม
“เมื่อเกิดความคาดเคลื่อนกรณีวัคซีนไม่เข้ามาตามแผนก็ต้องปรับแผน ดังนั้น การเตรียมการล่วงหน้า การจองเพื่อเข้ารับการฉีดวัคซีน จึงต้องมีการเลื่อนกันบ้าง ต้องกราบขออภัยประชาชน แต่ภาพรวม ผมยืนยันว่าทุกอย่างยังเป็นไปตามกำหนดการ และเป็นไปตามกรอบเวลาที่กำหนดไว้แต่ละเดือน จึงมีความจำเป็นที่ต้องเลื่อนการฉีดบ้าง แต่ก็เตรียมแก้ปัญหาเมื่อวัคซีนเข้ามา คนที่ถูกเลื่อนออกไปจะได้ฉีดอันดับแรกๆ และยืนยันว่าที่ผ่านมา ศบค.ร่วมหารือกับทุกหน่วยงาน ได้รับความร่วมมืออย่างดีจากทุกหน่วยงาน ทั้ง สาธารณสุข มหาดไทย ต่างประเทศหรือกรุงเทพมหานคร ยืนยันว่าบูรณาการงานกันอย่างสอดคล้อง การทำงนเป็นไปด้วยดี”พล.อ.ณัฐพล กล่าว
ลั่นไม่มีวัคซีนการเมืองเผยคุยกันดี
และยืนยันว่า ปัญหาวัคซีนไม่มีวัคซีนการเมืองแน่นอน ทุกคนทำงานตามกรอบนโยบาย ศบค. ไม่มีประเด็นดังกล่าวแน่นอน พร้อมยืนยันอีกครั้งว่า ตั้งแต่เข้ามาบริหาร ศบค.กว่า 14 เดือน ภูมิใจที่เกิดเป็นคนไทย เพราะคนไทยให้ความร่วมมือกับมาตรการของ ศบค.เป็นอย่างดี เจ้าหน้าที่ทุกคนตั้งใจทำงานให้ประชาชนเต็มที่ สิ่งใดก็ตามที่อาจทำให้ประชาชนได้รับผลกระทบไปบ้าง ก็ต้องกราบขออภัย
ผู้สื่อข่าวถามว่า ปัญหากระจายวัคซีนเป็นไปได้หรือไม่ที่นายกฯในฐานะผอ.ศบค.จะออกมาชี้แจงด้วยตัวเอง พล.อ.ณัฐพลกล่าวว่า ไม่ทราบ เป็นเรื่องของนายกฯ ถามย้ำว่า วันนี้ถือว่าสยบข่าวเกาเหลาระหว่างสาธารณสุข และกทม.ได้แล้วใช่หรือไม่ พล.อ.ณัฐพล ยิ้มพร้อมกับว่า ก็คุยกันดี เมื่อถามว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นเกิดจากการสื่อสารใช่หรือไม่ พล.อ.ณัฐพล ไม่ตอบ
“อัศวิน”แจงแผนกระจายวัคซีน5แสนโดส
ขณะที่พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) แถลงว่า ตั้งแต่วันที่ 7-14 มิถุนายน งวดแรกของวัคซีนที่เข้ามา สธ.มอบวัคซีนให้กทม. 5 แสนโดส เป็นแอสตราเซเนกา 350,000 แสนโดส และซิโนแวค 150,000 แสนโดส โดยซิโนแวคเอามาใช้สำหรับเข็มที่สองที่ฉีดไปแล้ว 126,000 โดส อีก 240,000 แสนเอาไว้ควบคุมโรคหรือแก้สถานการณ์ฉุกเฉิน ส่วนแอสตราฯ ที่ได้รับมา 350,000 แสนโดส กทม.จะแบ่งให้แจกจ่ายไป โดยผู้ลงทะเบียนหมอพร้อม วันที่ 7- 14 มิถุนายน ลงทะเบียนไปแล้ว 182,000 โดส เข็มที่สองที่ฉีดไว้ก่อน 52,000 โดส ผู้ป่วยติดเตียง คนชราอีก 8,000 โดส และเหลือวัคซีนสำรองไว้จำนวนหนึ่ง และให้ไทยรวมใจ 100,000 แสนโดส ทีแรกกทม.ก็คาดหวังว่าวัคซีนจะได้มาก่อนวันที่ 14 มิถุนายนแต่อธิบดีกรมควบคุมโรคบอกว่าขัดข้องทางเทคนิค ไม่สามารถจัดส่งได้และสธ.ยังไม่ได้รับวัคซีน
ปัดขัดแย้งสธ.-ยันวัคซีนมาพร้อมฉีด
“กทม. ก็แก้ปัญหาโดยแจ้งผู้ลงทะเบียนตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายนเลื่อนไปก่อน แต่จะฉีดให้เร็วที่สุด หลังได้รับวัคซีน เช่นรับวันไหน วันรุ่งขึ้นก็ฉีดให้เลย และผู้ที่เสียสิทธิ์ไม่ได้ฉีดวันที่ 15 -20 มิถุนายน สมมุติกทม.ได้รับวัคซีน 20 มิถุนายน และ วันที่ 21 มิถุนายนเรานัดฉีดได้เลย พวกนี้จะเป็นกลุ่มแรกเป็นกลุ่มต้นๆ ไม่ต้องกังวลว่าต้องไปต่อท้าย ท่านจะได้รับฉีดก่อนคนอื่น” พล.ต.อ.อัศวินกล่าว
และว่ากทม. ได้รับอนุเคราะห์จากสธ.มากไม่มีความขัดแย้ง รวมทั้งกระทรวงแรงงาน กระทรวงคมนาคม กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และ นวัตกรรม มาช่วยแบ่งเบาภาระกทม. ถ้าไม่ได้รับการช่วยเหลือ กทม.ฉีดเดือนละ 2,050,000 โดส เป็นเรื่องยากมาก โดยเหตุผลที่ตนให้ หมอพร้อมไป 182,000 โดสเพราะลงทะเบียนไปเท่านั้น ทั้งนี้ ได้เรียนอธิบดีกรมควบคุมโรค ในส่วนวันที่ 15-20 มิย. ที่ลงทะเบียนหมอพร้อม ที่ระบุวันเดือนปี ที่ชัดเจนเรียบร้อย มีคนลงทะเบียนหมอพร้อม 140,000 คน และ ลงทะเบียนกับไทยร่วมใจ 170,000 คน รวมประมาณ 320 ,000 คน ยืนยันว่ากทม.ได้รับวัคซีนเมื่อใดก็จะฉีดในวันรุ่งนี้ และขอย้ำว่ากทม.ไม่ได้ขัดแย้ง มีแต่สธ. ที่คอยช่วยเหลือ กทม. ทั้งนี้ ประชาชนสามรรถโทรศัพท์สอบถามได้ที่สายด่วน 1516 เรื่องการกระจายการฉีดวัคซีนในกทม.
ยันไม่มีปลดปลัดกทม.ชี้ทำงานดี
เมื่อถามถึงกรณีมีกระแสข่าวปลดปลัดกรุงเทพมหานคร พล.ต.อ.อัศวินยืนยันไม่มีการปลดปลัดกรุงเทพมหานคร เพราะท่านเป็นหญิงแกร่ง ทำงานเก่งมาก ทำงานตลอด 24 ชั่วโมง และสนิทกับตนมาก ถามว่าไปเอาข่าวลือมาจากไหน ถามย้ำว่าจะไม่มีการปลดปลัดกรุงเทพมหานครจริงๆใช่หรือไม่ พล.ต.อ.อัศวิน กล่าวว่า จะไปเด้งเขาทำไม อีก 3 เดือนเขาก็เกษียณอายุราชการแล้ว และตอนนี้เขายังทำงานได้ดีมาก
สั่งนัดวันฉีดสอดคล้องจำนวนวัคซีน
ที่รัฐสภา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมให้สัมภาษณ์หลังเข้าชี้แจงที่ประชุมวุฒิสภาถึงการบริหารจัดการวัคซีนโควิดของรัฐบาลว่า วัคซีนทยอยเข้ามาเป็นรายเดือน ไม่ใช้ยอดทั้งหมด รัฐบาลต้องจัดสรรให้มากที่สุดเท่าที่จะมีให้ได้ ตนไม่โทษหน่วยงานในพื้นที่ เพราะมีการนัดหมายหลายช่องทาง แต่วัคซีนงวดหนึ่งมาเท่านี้ ที่นัดมาก่อนก็ไปไม่ได้ ดังนั้น วันนี้ได้คุยกับทั้งฝ่ายบริหาร ฝ่ายต่างๆ ได้ข้อสรุปตรงกันว่า ต่อไปต้องนัดวันฉีดให้สอดคล้องกับวัคซีนที่ให้มาแต่ละงวด
“ถ้าบอกว่าเราให้วัคซีนไป 1 ล้านโดสแต่ไม่ได้ให้ทีเดียว ต้องให้ทีละ 1 แสน 2 แสน หรือ 3 แสนโดส ดังนั้น ที่ได้ไปแต่ละสัปดาห์ต้องบริหารเป็น 1 เดือนคือ 4 สัปดาห์ต้องอยู่ให้ได้ ถ้าไม่พอ รัฐบาลได้มาใหม่ ก็เติมเข้ามาให้อีก คนที่ลงทะเบียนหมอพร้อมมาเราก็ต้องให้เขา เพราะนัดมาแล้ว กลุ่มผู้สูงอายุ กลุ่มมีโรคประจำตัวต่างๆก็นัดมาแล้วจนเต็มยอด เราก็ต้องทยอยฉีดให้เขาไปก่อน ส่วนที่ลงทะเบียนผ่านแอพพลิเคชั่นมาจากจังหวัดต่างๆ รวมถึงกทม.เราก็ต้องให้ไปด้วย” นายกฯ กล่าว
นายกฯลั่นบริสุทธิ์ใจโอดเห็นใจบ้าง
ผู้สื่อข่าวถามถึงปัญหาที่แต่ละหน่วยงานโยนกันไปมา โทษกันไปมา นายกฯ กล่าวว่า ตนไม่โทษใคร มันอาจเข้าใจไม่ตรงกัน เพราะพูดกันหลายทาง วันนี้ตนจำเป็นต้องให้ศบค.มาชี้แจงในหลักการของตน วันนี้ตนคุยกับผู้ว่าฯกทม.แล้ว เขาก็บริหารตามที่ชี้แจงไป วันหนึ่งเราฉีดวัคซีนได้วันละเป็นหมื่นเป็นแสน ถ้าได้มา 1แสนโดส แล้วฉีดวันเดียวหมด วันที่เหลือจะนัดใคร จะนัดล่วงหน้าได้มั้ย ก็ต้องมาเข้าคิว จะได้ทั่วถึงทุกคน ถามต่อว่า มันเป็นปัญหาเรื่องการจัดการ เพราะเวลาคนด่า เขาไม่ด่าคนจัดการ แต่ด่านายกฯ นายกฯกล่าวว่า “ผมบริสุทธิ์ใจอยู่แล้ว เห็นใจผมบ้าง”
เข้าใจผิดปลด5กิจการ-ยอมรับคนเดียว
เมื่อถามถึงกรณีศบค.ประกาศคลายล็อค 5 กิจกรรมในกทม. เริ่มวันนี้ (14 มิถุนายน) โดยเฉพาะสวนสาธารณะ แต่ยังไม่สามารถเปิดได้ เพราะต้องรอประกาศจากกทม. นายกฯ กล่าวว่า ตนสั่งการผู้ว่าฯกทม.ไปทำให้ถูกต้อง ให้เร็วซะ เพราะให้ข่าวมาตั้งแต่เมื่อวันเสาร์-อาทิตย์แล้ว และต้องปลดตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ผ่านมา เพราะเปิดวันจันทร์ และท่านก็เป็นคนขอผมมาเองว่าจะเปิดวันจันทร์ ก็เตรียมรองรับไว้ เพราะให้ศบค.พิจารณาเร่งด่วนตั้งแต่เสาร์ อาทิตย์แล้ว ข่าวมันไปไง เข้าใจผิดอะไรกันบางอย่าง ตนสั่งให้แก้ไขไปแล้ว ทุกฝ่ายก็ต้องแก้ไข ก็ขอโทษประชาชนด้วยแล้วกัน ยังไงตนต้องรับทั้งหมดอยู่แล้ว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี