ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีหลายสื่อได้เสนอข่าวเกี่ยวกับการจับตา 7 อ่างเก็บน้ำที่จะผุดขึ้นกลางป่ามรดกโลก “ดงพญาเย็น-เขาใหญ่” ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ในวงกว้าง
โดยการพิจารณาการใช้ทรัพยากรธรรมชาตินั้นในหลักของกฎหมายสิ่งแวดล้อมที่ถูกบรรจุไว้ในหลักการในกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการจัดทำรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (EIA) รวมถึงรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมสำหรับ โครงการ กิจการหรือการดำเนินการที่อาจมีผลกระทบต่อ ทรัพยากรธรรมชาติ คุณภาพสิ่งแวดล้อม สุขภาพ อนามัย คุณภาพชีวิตของประชาชนในชุมชนอย่างรุนแรง (EHIA) นั้นต้องใช้หลักการสำคัญคือการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development) ที่ได้กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญนั้น พระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ รวมถึงกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องอีกหลายฉบับ
กล่าวคือการที่รัฐจะใช้ทรัพยากรธรรมชาตินั้นต้องคำนึงถึงผลได้เสียทางเศรษฐกิจประกอบกับการสูญเสียทรัพยากรธรรมชาติไปว่าได้สัดส่วนกันหรือไม่หรือมีความคุ้มค่าหรือไม่ โดยเฉพาะทรัพยากรธรรมชาติป่าไม้ สัตว์ป่านั้นถือเป็นทรัพยากรประเภทที่สร้างทดแทนได้ยาก อีกทั้งหลักการพัฒนาอย่างยั่งยืนนั้น นอกจากพิจารณาความยั่งยืนจากคนรุ่นเดียวกันแล้วยังต้องคำนึงถึงคนรุ่นถัดไปด้วย เนื่องคนรุ่นถัดไปไม่มีโอกาสเข้ามาแสดงความคิดเห็นหรือความต้องการในการใช้ทรัพยากรธรรมชาติและจะไม่มีโอกาสได้เห็นได้ใช้ทรัพยากรธรรมชาติที่เสียไป
ดังนั้น ในโครงการที่รัฐจัดทำและมีผลกระทบต่อระบบนิเวศขนาดใหญ่จะต้องมีการเปิดรับให้ประชาชนไม่ว่าคนในพื้นที่หรือนอกพื้นที่ ได้ทราบถึงข้อมูล ผลประโยชน์ ผลกระทบต่อระบบนิเวศ ข้อดีรวมทั้งข้อเสียโดยละเอียด เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนซึ่งเป็นผู้มีส่วนรับผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมแสดงความคิดเห็นและมีฉันทามติอย่างโปร่งใส ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ของทรัพยากรธรรมชาติ รวมทั้งเป็นประโยชน์ต่องบประมาณของรัฐด้วย
ในโครงการที่กระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่ผ่านมาหลายโครงการในอดีต ไม่ว่าโครงการที่ไม่จัดให้แสดงความคิดเห็น หรือโครงการที่จัดทำรายงานไม่ครบถ้วนไม่ถูกต้อง ภายหลังองค์กรต่างๆด้านสิ่งแวดล้อมที่ไม่เห็นด้วยโครงการดังกล่าวได้ใช้สิทธิในการยื่นฟ้องคดีต่อศาลปกครองและหากภายหลังศาลมีคำพิพากษาให้ระงับหรือยุติโครงการนั้น ล้วนแต่กระทบต่องบประมาณซึ่งเป็นเงินของรัฐทั้งสิ้น เนื่องจากก่อนที่ศาลจะมีคำพิพากษาหน่วยงานที่มีอำนาจอาจทำสัญญาหรือจ่ายเงินคู่สัญญาไปบ้างแล้ว แม้ภายหลังศาลปกครองจะมีคำสั่งให้ยุติโครงการก็ตามก็ถือเป็นโชคดีที่ทรัพยากรธรรมชาติไม่ถูกใช้ไปก็ตาม แต่กลับเป็นโชคร้ายของงบประมาณแผ่นดินที่ได้จ่ายกับคู่สัญญาไปเพื่อจัดทำโครงการดังกล่าว รวมถึงเจ้าหน้าที่รัฐบางคนอาจถูกดำเนินคดีอาญาด้วย หากปรากฏชัดว่ามีการทุจริต
ที่สำคัญหากโครงการเขื่อนดังกล่าวเกิดขึ้นจริงอาจส่งผลกระทบให้ผืนป่ามรดกโลกของไทยที่ได้รับการขึ้นทะเบียนไว้นั้นต้องถูกเพิกถอน จึงเป็นที่น่าเสียดายที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมิได้คำนึงถึงผลได้ผลเสียโดยรอบคอบเสียก่อนคงต้องรอติดตามความคืบหน้าต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี