“สธ.” ตั้ง 3 เงื่อนไขเปิด “ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์” ลั่นเปิดได้ก็ปิดได้ ตอบข้อสงสัยทำไมคนติดเชื้อรายใหม่ยังหลักพัน แล้วยังกล้า “เปิดประเทศ” เผย 3 เกาะดังใน “สุราษฎร์ธานี” รอสเต็ปต่อไป
เมื่อเวลา 12.30 น.วันที่ 18 มิถุนายน 2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงภายหลังการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในฐานะผอ.ศบค.เป็นประธาน ช่วงหนึ่ง ว่า สำหรับเรื่องการเปิดพื้นที่นำร่องรับการท่องเที่ยวใน จ.ภูเก็ต และสุราษฎร์ธานี (เกาะสมุย เกาะพะงัน เกาะเต่า) โดยเน้นหนักที่ จ.ภูเก็ต เนื่องจากมีความพร้อมมากกว่า
โดยหลักการแล้วทางนายกฯ ในฐานะผู้อำนวยการ ศบค. ได้เน้นย้ำว่าเป็นเรื่องที่ได้ให้นโยบายเชิงของทิศทางของประเทศไทยเพื่อเปิดประเทศ โดยมีการเปิดพื้นที่นำร่องและมีการเรียนรู้กันไปทุกภาคส่วน ดังนั้นต้องมีการจัดสมดุลการป้องกันคนไทยในการติดเชื้อ โควิด-19 ไปพร้อมกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทย โดย รมว.ท่องเที่ยวและกีฬาได้มอบทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยเป็นผู้นำเสนอต่อที่ประชุม ถึงหลักการเปิดพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยวที่ จ.ภูเก็ตและสุราษฎร์ธานี
ทั้งนี้ มีรายละเอียดตั้งแต่ก่อนเดินทาง เมื่อเดินทางมาถึง ขณะพำนัก กระทั่งเดินทางออกจากประเทศ โดยให้ความสำคัญถึงกลุ่มคนที่เราจะรับเข้ามาจะต้องเป็นมาจากประเทศที่ทางกระทรวงสาธารณะสุขกำหนดว่าเป็นประเทศเสี่ยงต่ำ หรือเสียงปานกลาง และจะต้องได้รับวัคซีนมาแล้วซึ่งกำหนดว่าเป็นวัคซีนที่กระทรวงสาธารณสุขโดยสำนักงาน คณะกรรมการอาหารและยา(อย.) เป็นผู้กำหนด 5 ตัว ได้แก่ ซิโนแวค แอสตราเซเนกา ซิโนฟาร์ม โมเดอร์นา จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน หรือถ้าไฟเซอร์ หรือ ยี่ห้ออื่นๆ ก็รอให้ WHOรองรับด้วย ดังนั้น ต้องได้รับมาแล้วอย่างน้อย 2 เข็มหรืออย่างน้อย 14 วัน เมื่อลงเครื่องบินแล้วต้องทำนักอยู่ที่ภูเก็ต 14 คืน ถ้าอยู่น้อยกว่านั้นจะต้องเป็นการเดินทางกลับออกนอกราชอาณาจักรไทยเท่านั้น แต่ยกตัวอย่างถ้าจะบินไปเกาะสมุยก็ต้องอยู่ที่ภูเก็ตให้ครบ 14 คืนก่อน
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ขณะที่กระทรวงสาธารณสุขมีข้อห่วงใยจึงขอให้มีมาตรฐานกำกับเพิ่มอีก 3 ข้อ คือ
1. ต้องมีการจัดตั้งศูนย์บริหารจัดการเรื่องสถานการณ์ โควิด-19 เพื่อให้มีการติดตามข้อมูล การติดเชื้อ การดูแลทรัพยากรบุคลากรด้านสาธารณสุขและด้านการท่องเที่ยวรวมไปถึง ภาคประชาสังคม
2. การเตรียมความพร้อมของประชาชนโดยต้องมีการจัดเวทีความคิดเพื่อให้ประชาชนได้แสดงความคิดเห็นและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวมไปถึงการสื่อสารเพราะหากสอดคล้องกันทั้งจังหวัดก็จะเป็นเรื่องที่ดี ก่อนที่จะนำเสนอมาเป็นแนวทางในภาพรวมของจังหวัด เพื่อให้เกิดความยอมรับร่วมกัน เป็นความเห็นตั้งต้นจากทางจังหวัด เพื่อนำเสนอให้ทางศบค.ได้อนุมัติ
3. การเตรียมความพร้อมมาตรการการเฝ้าระวังซึ่งจะต้องมีอยู่ตลอดเวลา
“เมื่อมีเปิดได้ก็ต้องมีปิดได้ นี่คือสิ่งที่จะต้องพูดกันเนื่องจากจะต้องเตรียมทรัพยากรด้านการแพทย์สาธารณสุขกำลังคน การกำกับติดตามและทรัพยากรอื่นๆอย่างเต็มที่” โฆษก ศบค. กล่าว
โฆษก ศบค. ระบุว่า มีการพิจารณาว่าถ้าเกิดอะไรขึ้นจึงจะมีการปิด ซึ่งมีการพูดถึงการติดเชื้อรายใหม่ มากกว่า 90 รายต่อสัปดาห์ ลักษณะการกระจายโรคในจังหวัด ทั้ง 3 อำเภอมากกว่า 6 ตำบล และมีการระบาดเกินกว่า 3 คลัสเตอร์ มีการระบาดในวงกว้าง หรือหาสาเหตุของความเชื่อมโยงไม่ได้ หรือความพร้อมในการรองรับผู้ป่วย อัตราการครองเตียงมีมากตั้งแต่ 80% ขึ้นไป แสดงว่าสถานการณ์ไม่ค่อยจะดี และเป็นการระบาดในวงกว้างที่ควบคุมไม่ได้ โดยมาตรการจะต้องปรับลดกิจกรรมลง ทำให้เกิดระบบปิด และที่สุดคือทบทวนหรือยุติ แซนด์บอกซ์ที่ภูเก็ตนี้ ถ้ามีการ ระบาดโดยที่ไม่ตรงตามที่วางหลักการไว้
“เน้นย้ำว่าในวันนี้ยังอยู่ที่จังหวัดภูเก็ต ส่วนจังหวัดสุราษฎร์ธานี (เกาะสมุย เกาะพะงัน เกาะเต่า) คงจะเป็นสเต็ปถัดไป ซึ่งในที่ประชุมได้เห็นชอบหลักการการเปิดพื้นที่นำร่องรับนักท่องเที่ยว โดยนายกฯได้ระบุว่าจะเดินทางไปติดตามในวันที่ 1 ก.ค. เพื่อเยี่ยมชมและ คิกออฟ เปิดภูเก็ตแซนด์บอกซ์ ซึ่งในช่วงต้นนี้จะได้ให้ทางจังหวัดภูเก็ต กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้เตรียมความพร้อมต่างๆให้เรียบร้อย ขอให้ทุกคนได้ร่วมด้วยช่วยกันเพื่อทำให้สามารถเปิดประเทศได้ตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า หลายคนคงสงสัยว่าทำไมเมื่อยังมีคนติดเชื้อเป็นพันคนอย่างนี้แล้วยังจะเปิดประเทศ ทำไมไม่มีความกังวลใจ อย่างที่ว่ากันไม่ใช่ประเทศไทยเพียงประเทศเดียวที่มีการติดเชื้อ โควิด-19ประเทศอื่นที่ติดเชื้ออันดับสูงกว่าใครเขาก็มีความขยับและมีการนำไปสู่การใช้ชีวิตวิถีใหม่ หรือนิวนอร์มอลกันแล้ว ดังนั้น เราต้องเรียนรู้เพื่อที่จะกลับไปมีชีวิตแบบเดิม โดยทุกคนต้องมีส่วนร่วมในการป้องกันโรค ลดการสูญเสียให้ได้มากที่สุด ตามที่นายกฯบอกว่ามีความเสี่ยง ดังนั้น เราต้องร่วมด้วยช่วยกันเป็นการกำหนดทิศทางเป็นเป้าหมายไปข้างหน้า เป็นหน้าที่ของทุกคน เป็นแสงสว่างปลายอุโมงค์ เป็นฟันเฟืองนำไปสู่การขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี