เปิดแผนจัดสรรวัคซีนเดือนก.ค.
10ล้านโดส
กระจายตามพื้นที่ระบาดหนัก
4จังหวัดสีแดงเข้ม/ภูเก็ตได้ก่อน
กทม.รับจำนวน2.5ล้านโดส
‘แอสตรา’1ล้านโดสมาถึงแล้ว
ศบค.คลายล็อกนั่งกินได้ถึง5ทุ่ม
ติดโควิดเพิ่ม3,058รายตาย22ศพ
ไทยติดเชื้อเพิ่ม 3,058 ราย ดับ 22 ศพ ศบค.ชุดใหญ่ปรับโซนสีพื้นที่ระบาด ไฟเขียว 4 จว.แดงเข้ม“กทม.-นนท์-ปทุม-สมุทรปราการ” นั่งกินในร้านอาหารถึง 5 ทุ่ม ร้านติดแอร์นั่งได้ไม่เกิน 25% แต่ห้ามขายเหล้า ที่แข่งเล่นกีฬายังปิด มีผล 21 มิถุนายนนี้ เปิดแผนจัดสรรวัคซีน เดือนกรกฎาคม 10 ล้านโดส เร่งฉีดเข็มสองให้ภูเก็ต 70% ก่อนคิกออฟเปิดภูเก็ตแซนบ็อกซ์ 1 กรกฎาคม สธ. ชงเงื่อนไขเพิ่ม 3 ข้อเข้มชี้เปิดได้ก็ปิดได้ หากสถานการณ์เข้าเกณฑ์เฝ้าระวัง ส่วนสุราษฎร์สเต็ปต่อไป “อนุทิน” เผยแอสตราฯมาเพิ่มล้านโดสเร่งกระจาย 24 มิย.ซิโนแวคมาอีก 2 ล้านย้ำเปิดประเทศต้องเข้มมาตรการคัดกรองนักท่องเที่ยวต้องฉีดครบ 2 เข็ม ยันไม่ลดวันกักตัว ส่วนนายกฯยกหูคุยอุปทูตจีนซื้อซิโนแวค-ซิโนฟาร์ม 3 ล้านโดส จัดส่งภายในมิ.ย. กทม.แจ้งวัคซ๊นมาแล้ว ได้แอสตร้าฯ 35,000 ขวด หรือ 350,000-420,000 โดส เร่งประสาน 2 กลุ่มเป้าหมายที่ถูกเลื่อนนัดมาฉีด ยอดฉีดวัคซีนสะสม 2,074,399 โดส
เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือศบค. แถลงผลประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในฐานะผอ.ศบค.เป็นประธานถึงสถานการณ์ระบาดของไวรัสโควิด-19 จำนวนผู้ติดเชื้อ ผู้เสียชีวิต รวมถึงมาตรการควบคุมการระบาด
ติดเชื้อใหม่3,058-รักษาหาย4,094คน
นพ.ทวีศิลป์กล่าวต่อว่า วันนี้ ไทยพบผู้ติดเชื้อใหม่ 3,058 ราย เป็นการติดเชื้อในประเทศ 2,580 ราย มาจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 2,044 ราย มาจากการค้นหาเชิงรุก 536 ราย มาจากเรือนจำ 459 ราย เป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ 19 ราย ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 210,782 ราย หายป่วยเพิ่มเติม 4,094 ราย หายป่วยสะสม 176,410 ราย อยู่ระหว่างรักษา 32,795 ราย
ตายเพิ่ม22-โคมา1,360ใส่ท่อ378ราย
วันนี้ มีผู้ป่วยอาการหนัก 1,360 ราย ใส่ท่อช่วยหายใจ 378 ราย และมีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม 22 ราย เป็นชาย 11 ราย หญิง 11 ราย อยู่ในกทม. 16 ราย นครปฐม พระนครศรีอยุธยา ฉะเชิงเทรา สงขลา แพร่ เพชรบูรณ์ จังหวัดละ 1 ราย ทำให้มียอดผู้เสียชีวิตสะสม 1,577 ราย ส่วนยอดผู้ได้รับวัคซีนของประเทศไทย ข้อมูลตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ.-17 มิ.ย. มีจำนวน 7,219,668 โดส ขณะที่สถานการณ์โลก มียอดผู้ติดเชื้อสะสม178,165,581 ราย เสียชีวิตสะสม 3,856,840 ราย
ปรับโซนพื้นที่สี่4ระดับ-แดงเข้ม4จว.
นพ.ทวีศิลป์กล่าวต่อว่า ที่ประชุม ศบค.ปรับระดับพื้นที่ตามสถานการณ์ระบาด โดยมีพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม) 4 จังหวัด ได้แก่ กทม. นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ พื้นที่ควบคุมสูงสุด 11 จังหวัด ได้แก่ ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ตรัง นครปฐม ปัตตานี เพชรบุรี สงขลา สมุทรสาคร สระบุรี ยะลา และนราธิวาส พื้นที่ควบคุม 9 จังหวัด ได้แก่ จันทบุรี นครศรีธรรมราช ประจวบคีรีขันธ์ พระนครศรีอยุธยา ระนอง ระยอง ราชบุรี สระแก้ว และสมุทรสงคราม พื้นที่เฝ้าระวังสูง 53 จังหวัด
คลายล็อคจว.แดงเข้มนั่งกิน5ทุ่ม-งดขายเหล้า
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังเห็นชอบผ่อนคลายมาตรการตามระดับพื้นที่ ดังนี้ พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม) ให้สวมหน้ากากอนามัย/หน้ากากผ้า เมื่อออกนอกเคหะสถานตามราชการกำหนด ห้ามจัดกิจกรรมรวมคนมากกว่า 50 คน บริโภคอาหารในร้านได้ กรณีมีเครื่องปรับอากาศนั่งได้ไม่เกิน 50% เปิดได้ไม่เกิน 23.00 น.แต่ยังงดจำหน่ายและดื่มสุราในร้าน ยังปิดสถานบริการ สถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ ส่วนศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า เปิดบริการได้ตามปกติไม่เกิน 21.00 น. โดยจำกัดจำนวนคนและงดกิจกรรมส่งเสริมการขาย ห้ามใช้อาคารสถานที่เพื่อจัดการเรียนการสอนหรือกิจกรรมที่มีการรวมคนจำนวนมาก ปิดสถานที่เล่นกีฬาและแข่งขันกีฬา ยกเว้นสถานที่เล่นกีฬากลางแจ้งหรืออากาศถ่ายเทได้ดี โดยให้เปิดได้ไม่เกิน 21.00 น. และแข่งขันได้โดยไม่มีผู้ชม
11จว.แดงห้ามรวมคนเกินร้อย-ห้างเปิดปกติ
นพ.ทวีศิลป์กล่าวอีกว่า พื้นที่ควบคุมสูงสุด (สีแดง) 11 จังหวัด ให้สวมหน้ากากอนามัย/หน้ากากผ้า เมื่อออกนอกเคหะสถานตามราชการกำหนด ห้ามจัดกิจกรรมรวมคนมากกว่า 100 คน บริโภคอาหารในร้านได้ แต่เปิดได้ไม่เกิน 23.00 น. และยังงดจำหน่ายและดื่มสุราในร้าน ยังปิดสถานบริการ สถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ ส่วนศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า เปิดบริการได้ตามปกติ โดยจำกัดจำนวนคนและงดกิจกรรมส่งเสริมการขาย ให้ใช้อาคารสถานที่เพื่อจัดการเรียนการสอนหรือกิจกรรมที่รวมคนจำนวนมาก โดยผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด ส่วนสถานที่เล่นกีฬาและแข่งขันกีฬาเปิดให้บริการได้ทุกประเภทไม่เกิน 21.00 น. และแข่งขันได้โดยจำกัดผู้ชม
9จว.ส้มห้ามรวมตัวเกิน150-นั่งกินปกติ
พื้นที่ควบคุม (สีส้ม) 9 จังหวัด ให้สวมหน้ากากอนามัย/หน้ากากผ้าเมื่อออกนอกเคหะสถานตามราชการกำหนด ห้ามจัดกิจกรรมรวมคนมากกว่า 150 คน บริโภคอาหารในร้านได้ตามปกติ แต่ยังงดจำหน่ายและดื่มสุราในร้าน ยังปิดสถานบริการ สถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ ส่วนศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า เปิดบริการได้ตามปกติ ให้ใช้อาคารสถานที่เพื่อจัดการเรียนการสอนหรือกิจกรรมที่รวมคนจำนวนมากตามมาตรการที่กำหนด ส่วนสถานที่เล่นและแข่งขันกีฬาเปิดให้บริการได้ทุกประเภท และแข่งขันโดยจำกัดผู้ชม
53เฝ้าระวังสูงนั่งกินปกติยังปิดผับบาร์
นพ.ทวีศิลป์กล่าวถึงพื้นที่เฝ้าระวังสูง (สีเหลือง)ทั้งหมด 53 จังหวัด ให้สวมหน้ากากอนามัย/หน้ากากผ้าเมื่อออกนอกเคหะสถานตามราชการกำหนด ห้ามจัดกิจกรรมรวมคนมากกว่า 200 คน บริโภคอาหารในร้านได้ตามปกติ แต่ยังปิดสถานบริการ สถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ ส่วนศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้าเปิดบริการได้ตามปกติ ให้ใช้อาคารสถานที่เพื่อจัดการเรียนการสอนหรือกิจกรรมที่มีการรวมคนจำนวนมากตามมาตรการที่กำหนด ส่วนสถานที่เล่นกีฬาและแข่งขันกีฬาเปิดให้บริการได้ทุกประเภท และแข่งขันได้โดยจำกัดผู้ชม
ส่วนพื้นที่เฝ้าระวัง (สีเขียว) ให้สวมหน้ากากอนามัย/หน้ากากผ้าเมื่อออกนอกเคหะสถานตามราชการกำหนด ห้ามจัดกิจกรรมรวมคนมากกว่า 300 คน บริโภคอาหารในร้านได้ตามปกติ แต่ยังปิดสถานบริการ สถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ ส่วนศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้าเปิดบริการได้ตามปกติ ให้ใช้อาคารสถานที่เพื่อจัดการเรียนการสอนหรือกิจกรรมที่มีการรวมคนจำนวนมากตามมาตรการที่กำหนด ส่วนสถานที่เล่นกีฬาและแข่งขันกีฬาเปิดให้บริการได้ทุกประเภท ทั้งนี้ มีผลบังคับใช้วันที่ 21 มิถุนายน โดยจะมีข้อกำหนดออกมาในราชกิจจานุเบกษา
กางแผนกระจายวัคซีนกค.10ล.โดสทั่วปท.
นพ.ทวีศิลป์ยังกล่าวถึง เกณฑ์การจัดสรรวัคซีนของแต่ละจังหวัดเดือนกรกฎาคม กำหนดเป้าหมายไว้ 10 ล้านโดส ซึ่งจะพิจารณาจัดสรรให้ผู้ที่จองวัคซีนล่วงหน้าในระบบหมอพร้อมสำหรับผู้สูงอายุและผู้ป่วยเรื้อรัง 7 โรค และพิจารณาให้กทม.ได้รับการจัดสรรวัคซีนอย่างน้อย 5 ล้านโดสภายในเดือนกรกฎาคม และจะพิจารณาให้จ.ภูเก็ตได้รับวัคซีนเข็มที่สองอย่างน้อยร้อยละ 70 ภายในเดือนกรกฎาคม
4จว.แดงเข้ม-ภูเก็ตรวมโควต้าเกือบ3ล.โดส
ทั้งนี้ สำหรับวัคซีน 10 ล้านโดสเดือนกรกฎาคม จะจัดสรรให้จังหวัดที่ระบาดในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 5 จังหวัด ร้อยละ 30 ได้แก่ กทม. (รวม ทปอ.และประกันสังคม) 2.5 ล้านโดส สมุทรปราการ นนทบุรี ปทุมธานี 6 แสนโดส และจังหวัดที่มีแผนเปิดท่องเที่ยว ได้แก่ จ.ภูเก็ต 2 แสนโดส
จว.ชายแดน-รับมือระบาดจว.ละแสน
สำหรับจังหวัดที่มีชายแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้าน จังหวัดพื้นที่ควบคุมสูงสุด หรือเตรียมความพร้อมเร่งด่วนรองรับสถานการณ์หลังการระบาด ร้อยละ 25 หรือ 2.5 ล้านโดส เฉลี่ยจังหวัดละ 1 แสนโดส โดยมี 23 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ ตาก หนองคาย สระแก้ว ระนอง นราธิวาส ยะลา ปัตตานี สงขลา ตรัง ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี นครปฐม พระนครศรีอยุธยา ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี บุรีรัมย์ สุราษฎร์ธานี (เกาะสมุย) พังงา และกระบี
49จว.ที่เหลือได้3.5ล.เฉลี่ย7หมื่นโดส/จว.
ส่วนที่เหลืออีก 49 จังหวัด จะได้รับจัดสรรร้อยละ 35 หรือ 3.5 ล้านโดส เฉลี่ยจังหวัดละ 7 หมื่นโดส โดยจะเก็บไว้เป็นส่วนกลาง องค์กรภาครัฐ และสำรองส่วนกลางสำหรับตอบโต้การระบาดอีกร้อยละ 10 หรือ 1 ล้านโดส ซึ่งการจัดสรรขึ้นกับจำนวนวัคซีนที่บริษัทผู้ผลิตส่งมอบ เปลี่ยนแปลงได้ตามสถานการณ์ระบาดของโรค
รัฐเจรจาจองวัคซีนแล้ว105.5ล้านโดส
นพ.ทวีศิลป์กล่าวด้วยว่า ที่ประชุมเห็นชอบเพิ่มกรอบจัดสรรวัคซีนจาก 100 ล้านโดสภายในปี 64 เป็น 150 ล้านโดสภายในปี 65 รองรับกรณีที่ต้องเพิ่มความครอบคลุมการได้รับวัคซีน เพิ่มกลุ่มเป้าหมาย เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันโรค หรือกรณีอื่นที่ต้องใช้วัคซีนเพิ่มเติม ขณะนี้ประเทศไทยจัดหาและจองวัคซีนแล้ว 105.5 ล้านโดส จึงต้องเตรียมงบประมาณสำหรับจัดหาจัดซื้อวัคซีนเพิ่มเติมให้ครบ 150 ล้านโดส โดยให้ภาครัฐจัดหาวัคซีนวัคซีน ดังต่อไปนี้ ซิโนแวค 28 ล้านโดส วัคซีนโควิดอื่นประมาณ 22 ล้านโดส ทั้งนี้ ขึ้นกับผลการศึกษาประสิทธิภาพของวัคซีนและสถานการณ์ของเชื้อกลาย
กักคนบินจากตปท.ใช้AQเริ่ม1กค.
โฆษก ศบค.เปิดเผยด้วยว่า ที่ประชุมยังพิจารณาแนวทางดำเนินการของสถานที่กักกันซึ่งทางราชการกำหนดวันที่ 1 กรกฎาคม โดยให้ผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรทางอากาศ เข้ากักตัวในสถานที่กักตัวทางเลือก หรือAlternative State Quarantine (AQ) ซึ่งรัฐจะสนับสนุนค่าตรวจหาเชื้อเฉพาะผู้มีสัญชาติไทย นอกจากนี้ ในส่วนสถานกักกันในรูปแบบเฉพาะองค์กร หรือ Organizational Quarantine (OQ) จะใช้รองรับคนไทย 2 กรณีคือ กรณีแรงงานไทยที่กลับจากทำงานต่างประเทศตามแนวทางที่กระทรวงแรงงานกำหนด และกรณีผู้มีสัญชาติไทยที่ประสบปัญหาตกทุกข์ได้ยากในต่างประเทศและประสงค์จะเดินทางกลับประเทศไทย หรือกลุ่มเปราะบาง ให้ดำเนินการตามหลักเกณฑ์ที่กระทรวงการต่างประเทศกำหนด
กลับทางบกกักตัวในSQแก้หนีเข้าปท.
อย่างไรก็ตาม สำหรับการเดินทางเข้ามาทางบก ให้เข้ากักตัวในสถานที่กักตัวของรัฐ State Quarantine (SQ) เนื่องจากมีผู้เดินทางเข้ามาทางช่องทางนี้ไม่มาก รัฐจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย จะช่วยลดปัญหาการหลบหนีเข้าเมืองที่เสี่ยงเป็นพาหะของโรค แต่อาจไม่ใช่โรงแรมหลายดาว ส่วนผู้เดินทางเข้ามาทางน้ำ ให้ผู้ที่สัญชาติไทยเข้ากักตัวใน AQ โดยบุคคลดังกล่าวเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการกักกันตัวเอง
ผ่อนคลายถ่ายหนังละครห้ามเกิน50คน
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังเห็นชอบผ่อนคลายมาตรการการถ่ายทำภาพยนตร์ รายการโทรทัศน์ โดยให้ผู้เข้าร่วมถ่ายทำไม่เกิน 50 คน จะต้องบริหารจัดการความหนาแน่นของพื้นที่ขณะถ่ายทำอย่างน้อย 4 ตารางเมตรต่อคน ให้ยกเว้นผู้ที่ไม่ต้องสวมใส่หน้ากากบางช่วงเวลา ได้แก่ รายการละคร เฉพาะนักแสดงที่เข้าฉากรายการประกวดร้องเพลงอนุญาตเฉพาะผู้เข้าร่วมประกวดที่จัดพื้นที่ไว้เฉพาะ รายการเกมโชว์อนุญาตเฉพาะผู้ร่วมรายการคราวละ 1 คน ผู้ประกาศที่ต้องมีฉากกั้นและเว้นระยะห่าง 2 เมตร หรือตามความเหมาะสม
ไฟเขียวหลักการเปิดเที่ยวภูเก็ต
สำหรับการเปิดพื้นที่นำร่องรับการท่องเที่ยว นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า ใน จ.ภูเก็ต และสุราษฎร์ธานี (เกาะสมุย เกาะพะงัน เกาะเต่า) โดยเน้นที่ จ.ภูเก็ตเนื่องจากมีความพร้อมมากกว่า หลักการแล้วนายกฯ ในฐานะผอ.ศบค.เน้นย้ำว่า เป็นเรื่องที่ให้นโยบาย เพื่อเปิดประเทศไปแล้ว โดยเปิดพื้นที่นำร่อง ซึ่งต้องจัดสมดุลในการป้องกันคนไทยติดเชื้อ ไปพร้อมกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดย รมว.ท่องเที่ยวและกีฬามอบทางท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยเสนอที่ประชุมถึงหลักการเปิดพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยวที่ จ.ภูเก็ตและสุราษฎร์ธานี มีรายละเอียดตั้งแต่ ก่อนเดินทาง เดินทางมาถึง พำนัก จนกลับจากไทย
ต้องได้วัคซีน5ตัวที่อย.รับรองครบ2เข็ม
ทั้งนี้ ให้ความสำคัญกลุ่มคนที่เราจะรับเข้ามาต้องมาจากประเทศที่กระทรวงสาธารณะสุขกำหนดเป็นประเทศเสี่ยงต่ำหรือเสียงปานกลาง ต้องรับวัคซีนมาแล้ว เป็นวัคซีนที่คณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เป็นผู้กำหนด 5 ตัว ได้แก่ ซิโนแวค แอสตราเซเนกา ซิโนฟาร์ม โมเดอร์นา จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน หรือถ้าไฟเซอร์ หรือ ยี่ห้ออื่นรอให้องค์การอนามัยโลก (WHO)รองรับด้วย ดังนั้น ต้องได้รับมาแล้วอย่างน้อย 2 เข็มหรืออย่างน้อย 14 วัน เมื่อลงเครื่องบินต้องพักที่ภูเก็ต 14 คืน ถ้าอยู่น้อยกว่านั้นต้องเป็นการเดินทางกลับออกนอกราชอาณาจักรไทยเท่านั้น แต่ยกตัวอย่างถ้าจะบินไปเกาะสมุยต้องอยู่ที่ภูเก็ตให้ครบ 14 คืนก่อน
สธ.ห่วงเปิดแซนบ็อกซ์เพิ่ม3มาตรการ
นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า ขณะที่กระทรวงสาธารณสุขมีข้อห่วงใย จึงขอให้มีมาตรฐานกำกับเพิ่มอีก 3 ข้อ คือ 1. ต้องตั้งศูนย์บริหารจัดการเรื่องสถานการณ์ โควิด-19 เพื่อให้ติดตามข้อมูลติดเชื้อ ดูแลทรัพยากรบุคลากรด้านสาธารณสุขและด้านท่องเที่ยวรวมถึง ภาคประชาสังคม 2.เตรียมความพร้อมประชาชนโดยจัดเวทีความคิดให้ประชาชนได้แสดงความเห็น และหน่วยงานได้สื่อสาร ถ้าสอดคล้องกันทั้งจังหวัดเป็นเรื่องดี ก่อนเสนอเป็นแนวทางในภาพรวมของจังหวัด เกิดความยอมรับร่วมกันตั้งต้นจากจังหวัด เพื่อเสนอให้ศบค. อนุมัติ และ3.การเตรียมความพร้อมมาตรการเฝ้าระวัง ซึ่งต้องมีอยู่ตลอดเวลา
ชี้เปิดได้ก็ปิดได้ถ้าติดเชื้อ90คน/สัปดาห์
“เมื่อมีเปิดได้ก็ต้องมีปิดได้ นี่คือสิ่งที่ต้องพูด เพราะต้องเตรียมทรัพยากรด้านการแพทย์สาธารณสุขกำลังคน การกำกับติดตามและทรัพยากรอื่นเต็มที่ โดยพิจารณาว่าถ้าเกิดอะไรขึ้น จึงจะปิด ซึ่งมีการพูดถึงการติดเชื้อรายใหม่มากกว่า 90 รายต่อสัปดาห์ ลักษณะกระจายโรคในจังหวัด ทั้ง 3 อำเภอมากกว่า 6 ตำบล และระบาดเกินกว่า 3 คลัสเตอร์ ระบาดวงกว้าง หรือหาสาเหตุความเชื่อมโยงไม่ได้ หรือความพร้อมรองรับผู้ป่วย อัตราการครองเตียง 80% ขึ้นไป แสดงว่าสถานการณ์ไม่ค่อยดี และเป็นการระบาดในวงกว้างที่ควบคุมไม่ได้ โดยมาตรการต้องปรับลดกิจกรรมลง ทำให้เกิดระบบปิด ที่สุดคือ ทบทวนหรือยุติ แซนด์บอกซ์ที่ภูเก็ตนี้”นพ.ทวีศิลป์กล่าว และ เน้นย้ำว่าวันนี้ยังอยู่ที่ภูเก็ต ส่วนสุราษฎร์ธานี (เกาะสมุย เกาะพะงัน เกาะเต่า) เป็นสเต็ปถัดไป
ระบาดกทม.-ปริมณฑลคงตัว-ใต้ลามรร.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุม ศบศ.ชุดใหญ่วันนี้ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.)รายงานสถานการณ์ระบาดว่า พบระบาดต่อเนื่อง และยังมีแนวโน้มคงตัว โดยเฉพาะในกทม.และปริมณฑล ขณะที่จังหวัดภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือพบผู้ติดเชื้อลดลง ส่วนจังหวัดที่มีสถานประกอบการ โรงงานขนาดใหญ่ ตลาดที่มีผู้ค้าจากหลายจังหวัด และชุมชนโดยรอบ พบการระบาดในกลุ่มแรงงานต่างด้าวและกระจายไปชุมชนใกล้เคียง นอกจากนี้ ยังพบการระบาดในโรงเรียน โดยเฉพาะภาคใต้ รวมถึงกิจกรรมที่รวมคนจำนวนมาก เช่น งานแต่งงาน งานบวช โดยเสนอให้กำกับ ติดตาม มาตรการป้องกันโรคตามข้อกำหนด จึงเสนอให้จังหวัดเตรียมความพร้อม เน้นกำกับ ติดตามมาตรการป้องกันโรค พิจารณาจำนวนวัคซีนสำหรับผู้สูงอายุโรคเรื้อรัง และกลุ่มเสี่ยง ให้สอดคล้องผ่อนคลายมาตรการป้องกันโรคในพื้นที่ ป้องกันการระบาดในจังหวัดที่พบผู้ติดเชื้อน้อยด้วย
ย้ำเป้าฉีดเข็มแรก50ล้านคนภายในตค.
สำหรับแผนการฉีดวัคซีนนั้น ซึ่งคิกออฟไปเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน ที่ประชุมศบค.กำหนดหลักการบริหารจัดการวัคซีนโควิด เป้าหมายคือ คนไทยทุกคนต้องได้ฉีดวัคซีนโดยไม่คิดมูลค่าด้วยความสมัครใจ โดยได้ฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 อย่างน้อย 50 ล้านคนภายในเดือนตุลาคม และเร่งรัดเปิดประเทศภายใน 120 วัน และจัดหาวัคซีนโควิดให้ครบ 150 ล้านโดสภายในปี 2565 เพื่อปกป้องระบบสาธารณสุขประเทศ ลดอัตราป่วย เสียชีวิตในประชากรกลุ่มเสี่ยง และเปิดประเทศโดยเร็วเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ทั้งนี้ ที่ประชุม ศบค.เห็นชอบเกณฑ์จัดสรรวัคซีนเดือนกรกฎาคม 10 ล้านโดสให้ผู้จองวัคซีนล่วงหน้ากับระบบหมอพร้อม (ผู้สูงอายุ/ ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง) ในกรุงเทพมหานครจะได้รับวัคซีนอย่างน้อย 5 ล้านโดส ส่วนภูเก็ตสำหรับเข็มที่ 2 อย่างน้อยร้อยละ 70 ภายในเดือนกรกฎาคม และเห็นชอบแผนจัดหาวัคซีน โดยให้ภาครัฐจัดซื้อวัคซีนให้ครบ 150 ล้านโดส รับรองกรณีต้องเพิ่มความครอบคลุมการได้รับวัคซีนเพิ่มกลุ่มเป้าหมาย การให้วัคซีนเพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกัน หรือกรณีอื่นใดที่ต้องใช้วัคซีนเพิ่ม
แอสตร้าฯมาอีกล้านโดสเร่งกระจาย19มิย.
ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข กล่าวว่า วันนี้วัคซีนแอสตราเซเนกาส่งถึงแล้ว 1 ล้านโดส อยู่ระหว่างตรวจรับรองรุ่นการผลิต เตรียมกระจายอย่างช้าที่สุดวันที่ 19 มิถุนายน ไปในพื้นที่ตามโควต้าศบค. โดยเดือนมิถุนายนและกรกฎาคมตั้งเป้าฉีดผู้ป่วย 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง และผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป เชื่อไม่กระทบต่อภาพรวมฉีดวัคซีน
24มิย.ซิโนแวคมาอีก2ล.-แอสตร้าฯส่งเพิ่ม
“24 มิถุนายนซิโนแวคจะเข้ามาเพิ่มอีก 2 ล้านโดส ส่วนแอสตราฯยืนยันทยอยเข้าทุกสัปดาห์แต่ไม่ขอระบุจำนวนว่ามาเท่าไหร่แต่ไม่น้อยกว่าเดิม เป็นไปตามข้อตกลง ระหว่างบริษัทผู้ผลิตและกรมควบคุมโรค โดยกรอบเดิมวัคซีนแอสตราฯ กำหนดที่ 6 ล้านโดสเดือนมิถุนายน จากนั้นทยอยเดือนละ 10 ล้านโดส แต่เป้าหมายการฉีดวัคซีนยังต้องจัดเพิ่มให้ได้ 150 ล้านโดส ตอนนี้จากการเจรจามีวัคซีนแล้ว 105 ล้านโดส ต้องการเพิ่มอีกประมาณ 45ล้านโดส เพื่อให้ฉีดวัคซีนครอบคลุมถึงปี 2564”นายอนุทิน กล่าว
ไม่ลดวันกักตัวเข้ม14วันตามเดิม
และว่า ส่วนเรื่องเปิดประเทศใน 120 วันข้างหน้านั้น เป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องพิจารณาควบคู่ ทั้งการควบคุมโรค ความปลอดภัย คู่กับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ให้ประชาชนได้ทำกิน ไม่เช่นนั้นประเทศก็เดินหน้าไปไม่ได้ เบื้องต้นต้องยึดหลักความปลอดภัยเป็นสำคัญ สำหรับเรื่องการลดวันกักตัวเหลือ7 วัน ยังทำไม่ได้ ต้องเข้มข้นเรื่องความปลอดภัยสูงสุด กักตัวที่ 14 วันเดิม ไม่สามารถลดได้ เพราะยังต้องติดตามสถานการณ์ร่วมและประเมินความเสี่ยงตลอด โดยกรมควบคุมโรค จะเป็นผู้วางแนวทางกำหนดมาตรการต่างๆ เพื่อความปลอดภัย
120วันสัญญาณทุกจว.เตรียมพร้อม
นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงถึงโรดแมป 120 วันเปิดประเทศที่นายกฯออกแถลงการณ์ชี้แจงว่า เป็นการกำหนดกรอบตามหลักการ 120 วัน ไม่ใช่เรื่องกดปุ่ม และไม่ใช่นับถอยหลัง แต่เป็นการเริ่มทยอยเปิด ทุกจังหวัดทั่วประเทศต้องไปเตรียมความพร้อม และบูรณาการแผนงาน เช่น จ.ภูเก็ตเป็นจังหวัดนำร่อง เพราะมีความพร้อมก็เปิดได้ก่อนโดยต้องรอ 120 วัน วันที่ 25 มิถุนายน นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงาน จะลงพื้นที่ภูเก็ตพร้อมตรวจความพร้อมอีกครั้ง ส่วนนายกฯจะลงพื้นที่ภูเก็ตวันที่ 1 กรกฎาคม
ซื้อซิโนแวค-ซิโนฟาร์ม3ล.โดสส่งมิย.
มีรายงานว่า นายกฯโทรศัพท์พูดคุยกับ นายหยาง ซิน (Mr. Yang Xin) อุปทูตสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย เพื่อเจรจาซื้อวัคซีนเพิ่มเติม ทั้งที่นายกรัฐมนตรีได้แจ้งต่อที่ประชุม ศบค.ว่า อุปทูตจีนยืนยันจะส่งมอบวัคซีนเพิ่มเติมจากยอดที่ได้จอดซื้อไว้ก่อนหน้านี้ในเดือนมิถุนายน ประกอบไปด้วยวัคซีนยี่ห้อซิโนแวค 2,000,000 โดสและซิโนฟาร์มอีก 1,000,000 โดส
กทม.ได้แอสตร้าฯ4.2แสนโดสฉีด
วันเดียวกัน เพจกรุงเทพมหานคร โดยสำนักงานประชาสัมพันธ์ เปิดเผยว่า กรุงเทพมหานคร (กทม.) โดยสำนักอนามัย แจ้งว่า กทม.ได้รับจัดสรรวัคซีน Astra Zeneca 35,000 ขวด หรือประมาณ 350,000-420,000โดส (1 ขวดฉีดได้10-12โดส) ตามนโยบายพล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผว.กทม. ให้เร่งประสานนำไปฉีดให้ผู้ที่ถูกเลื่อนนัดจากการลงทะเบียนผ่านระบบหมอพร้อม 14-30 มิถุนายน และบางส่วนของ “ไทยร่วมใจ กรุงเทพฯ ปลอดภัย” ทั้งนี้ ได้จัดสรรวัคซีนดังกล่าวให้โรงพยาบาลในกรุงเทพมหานคร 126 แห่ง เพื่อให้บริการกลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป และผู้ป่วยโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค 25,000 ขวดหรือเกือบๆ 300,000 โดส และจัดสรรให้หน่วยบริการวัคซีนนอกโรงพยาบาลทั้ง 25 หน่วย ให้บริการประชาชนทั่วไป 10,000 ขวด หรือประมาณ 100,000-120,000 โดส ส่วนผู้สูงอายุและผู้ป่วยเรื้อรัง 7 กลุ่มโรคที่เลื่อนนัดก่อนหน้านี้ เนื่องจากแต่ละโรงพยาบาลกำหนดวันไม่เหมือนกัน โรงพยาบาลที่มีชื่อจองวัคซีนไว้จะแจ้งกำหนดวันให้บริการวัคซีนผ่านช่องทางของโรงพยาบาล
ฉีดสะสมแล้วกว่า2ล้านโดส
ส่วนประชาชนที่แจ้งความประสงค์ผ่านระบบ“ไทยร่วมใจ กรุงเทพฯปลอดภัย” ติดตามข้อมูลได้ทางเพจ ไทยร่วมใจกรุงเทพฯ ปลอดภัย และเพจกรุงเทพมหานคร โดยสำนักประชาสัมพันธ์ นอกจากนี้ เพจกทม.ยังโพสต์เผยแพร่ผลให้บริการวัคซีนโควิดในกรุงเทพมหานครประจำวันที่ 18 มิถุนายน เวลา 08.00 น. ว่า ยอดผู้รับวัคซีนเพิ่ม 57,375 โดส ยอดผู้รับวัคซีนสะสม 2,074,399 โดส
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี