“ผบช.สตม.” แถลง “ตม.ประจวบคีรีขันธ์” รวบขบวนการขนแรงงานต่างด้าว คายสิ้นเส้นทางลอบเข้าเมือง อีกคดี “สืบ ตม.3” ขยายผลรวบเพิ่ม “แก๊งสระบุรี” เครือข่ายลักลอบขนคนเข้าเมือง
22 มิถุนายน 2564 สํานักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. , พล.ต.ต.ณฐพล แสวงกิจ , พล.ต.ต.สิทธิชัย โล่กันภัย , พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง , พล.ต.ต.ศิลปคมณ์ เอี่ยมวงศ์ รอง ผบช.สตม. , พล.ต.ต.รุ่งโรจน์ ฐากูรปุณยสิริ ผบก.ตม.3 , พ.ต.อ.ทรงโปรด สิริสุขะ , พ.ต.อ.กฤตัชญ์ บำรุงรัตนยศ , พ.ต.อ.รัชธพงศ์ เตี้ยสุด , พ.ต.อ.หฤษฎ์ เอกอุรุ รอง ผบก.ตม.3 และ ว่าที่ พ.ต.อ.จิรพงศ์ รุจิรดำรงค์ชัย ผกก.สส.บก.ตม.3 ร่วมแถลงข่าวการจับกุมคดีที่น่าสนใจ
คดีแรก ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ (ตม.จว.ประจวบคีรีขันธ์) ได้ทำการสืบสวนกลุ่มขบวนการลักลอบนำคนต่างด้าวเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ซึ่งมีพฤติกรรมเดินทางจากหลายๆ เมืองในประเทศเมียนมา โดยมาพักคอยและรวบรวมคนบริเวณหมู่บ้านมูด่อง ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับด่านตรวจคนเข้าเมืองสิงขร จากนั้นจะมีการติดต่อขบวนการฝั่งไทยแล้วจะลักลอบพาเดินข้ามช่องทางธรรมชาติตามเทือกเขาตะนาวศรีเข้าประเทศไทย ซึ่งมีการสืบสวนติดตามมาอย่างต่อเนื่องจนมีการจับกุมอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ชุดสืบสวน ตม.จว.ประจวบคีรีขันธ์ ได้ร่วมทำการสืบสวนทราบว่าจะมีแรงงานต่างด้าวลักลอบเดินทางเข้ามาโดยผิดกฎหมายบริเวณชายป่าช่องทางธรรมชาติ หมู่ 5 บ้านหุบผึ้ง ต.ห้วยทราย อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ ในห้วงกลางดึก จึงได้ร่วมบูรณาการกำลังกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกันในพื้นที่ วางแผนการจับกุมโดยวางกำลังดักซุ่มในบริเวณดังกล่าว เมื่อถึงเวลาประมาณ 02.50 น. ชุดจับกุมได้พบเห็นว่ามีรถกระบะขับเข้ามาจอดบริเวณริมชายป่า จากนั้นมีคนสองคน ทราบภายหลัง คือ นายมำมี่ อายุ 30 ปี สัญชาติเมียนมา และนายอุ๋ย อายุ 21 ปี สัญชาติเมียนมา เป็นผู้ต้องหาที่ 1-2 เดินออกมาจากป่าดูลาดเลาสักพัก แล้วเดินกลับเข้าไปเรียกคนอีกจำนวน 14 คน ให้เดินออกมาจากป่าแล้วขึ้นนั่งโดยสารด้านหลังกระบะรถดังกล่าว
จากนั้นรถคันดังกล่าวก็ขับออกไป เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าจับกุม นายมำมี่ และนายอุ๋ย โดยทันทีพบว่าไม่มีหลักฐานหนังสือเดินทาง และรับว่าทำหน้าที่เป็นคนเดินนำพาคนต่างด้าวหลบหนีข้ามมาส่งยังจุดนัดพบ เพื่อขึ้นรถเดินทางต่อไป โดยมีการติดต่อกันทางโทรศัพท์มือถือ จึงได้แจ้งให้กำลังอีกชุดสกัดจับรถกระบะคันดังกล่าว โดยสามารถสกัดจับได้ในระหว่างเส้นทางบ้านหุบผึ้ง-ต้นเกตุ หมู่ 5 ต.ห้วยทราย อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งไม่ไกลจากบริเวณที่เกิดเหตุ
จากการตรวจสอบรถกระบะคันดังกล่าวพบว่าเป็นรถกระบะ ยี่ห้อ โตโยต้า รุ่นวีโก้ 4 ประตู สีดำ ทะเบียนชุมพร มี นาย PHYO สัญชาติเมียนมา ผู้ต้องหาที่ 3 เป็นผู้ขับรถ มีผู้โดยสารเป็นคนต่างด้าวชาวเมียนมา จำนวน 14 คน ตรวจสอบแล้วไม่พบหลักฐานหนังสือเดินทางหรือเอกสารใดๆติดตัว
ทางเจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อกล่าวหา ผู้ต้องหาที่ 1-2 “นำพาคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรหรือกระทำการด้วยประการใดๆอันเป็นการอุปการะหรือช่วยเหลือให้ความสะดวกแก่คนต่างด้าวให้เข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมายและเป็นบุคคลต่างด้าวเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต”
ผู้ต้องหาที่3 “นำพาคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรหรือกระทำการด้วยประการใดๆอันเป็นการอุปการะหรือช่วยเหลือให้ความสะดวกแก่คนต่างด้าวให้เข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย” ส่วนคนต่างด้าว 14 คน แจ้งข้อหา “เป็นบุคคลต่างด้าวเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต” พร้อมตรวจยึดของกลาง รถยนต์กระบะ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้ 4 ประตู สีดำ ทะเบียนชุมพร โทรศัพท์มือถือ จำนวน 4 เครื่อง
จากการซักถามกลุ่มคนต่างด้าว รับสารภาพว่า แต่ละคนเดินทางมาจากหลายเมืองในประเทศเมียนมา สาเหตุมีทั้งเกิดจากการชักชวนของญาติ ซึ่งทำงานในประเทศไทยและเกิดจากการชักชวนของกลุ่มนาย ต.เต่า (นามสมมติ) ซึ่งเป็นนายหน้าฝั่งเมียนมา ชักชวนให้ไปทำงานที่ จ.สมุทรสาคร โดยเดินทางมารวมตัวที่หมู่บ้านมูด่อง จากนั้นนายมำมี่และนายอุ๋ย เป็นคนพาเดินพาข้ามมายังประเทศไทย หากครั้งนี้เดินทางถึงปลายทางสำเร็จจะติดต่อกลับไปหาญาติที่เมียนมา เพื่อนำเงินไปจ่ายให้กับกลุ่มนาย ต.เต่า นายหน้าบ้านมูด่อง 500,000 จ๊าด หรือประมาณ 9,000 บาทต่อคน
ด้านนายมำมี่ และนายอุ๋ย รับสารภาพว่า ได้รับการจ้างวานจากนาย ต.เต่า คนเดียวกันให้พากลุ่มแรงงานกลุ่มนี้เดินทางจากบ้านมูด่อง ข้ามพรมแดนมาส่งให้กับนาย PHYO (ผู้ต้องหาที่3) รับค่าจ้างคนละจำนวน 2,000 บาท
ส่วนนาย PHYO รับสารภาพว่า ได้รับการว่าจ้างจากนายหน้าคนไทยให้มาขับรถยนต์กระบะของกลาง รับคนต่างด้าวจากที่เกิดเหตุไปส่งที่ จ.สมุทรสาคร หากงานสำเร็จรับค่าจ้างจำนวน 3,000 บาท ต่อคน รวม 42,000 บาท
จากการรวบรวมข้อมูลมีความเชื่อมโยงไปถึงขบวนการนายหน้าทั้งฝั่งไทยและนายหน้าฝั่งเมียนมาที่อยู่เบื้องหลังในครั้งนี้ ซึ่งจะได้ดำเนินการสืบสวนขยายผลมาจับกุมมาดำเนินคดีต่อไป
อีกคดี สืบเนื่องจากการจับกุมขบวนการลักลอกขนย้ายแรงงานที่จังหวัดสระบุรีที่ผ่านมานั้น นายสมเกียรติ (สงวนนามสกุล) ผู้ต้องหาในคดีดังกล่าวได้ให้ข้อมูลว่า ได้รับการสั่งการจากนายสุรศักดิ์ (สงวนนามสกุล) หรือนายเก่ง อายุ 46 ปี ผ่านทางโทรศัพท์ ซึ่งนายเก่ง มีพฤติกรรมรับงานจากลูกค้าชาวกัมพูชาโดยตรง โดยนายเก่งจะรับลูกค้าเดินทางทั้งขาเข้ามาประเทศไทยและออกไปกัมพูชา โดยไม่สนใจว่าเป็นลูกค้าจะเป็นแรงงานที่ถูกต้องหรือไม่ เมื่อทราบข้อมูลดังกล่าวแล้ว กก.สส.บก.ตม.3 จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขอออกหมายจับ ศาลจังหวัดสระบุรี
ต่อมาได้ดำเนินการสืบสวนจนทราบว่า นายเก่ง หลบซ่อนอยู่ที่บ้านหลังหนึ่งในหมู่ 11 ถ.มิตรไมตรี แขวงหนองจอก เขตมีนบุรี กรุงเทพฯ ชุดจับกุม กก.สส.บก.ตม.3 จึงได้เข้าไปตรวจสอบที่บ้านหลังดังกล่าว ได้พบกับชายลักษณะคล้ายคนในหมายจับและแน่ใจว่า คือ นายสุรศักดิ์ หรือเก่ง จึงได้แสดงหมายจับ ศาลจังหวัดสระบุรีให้ดู นายสุรศักดิ์ รับว่าเป็นบุคคลเดียวกันตามหมายจับจึงได้จับกุมตัวนำส่งดำเนินคดีข้อกล่าวหา “ใช้ให้ผู้อื่น ช่วยเหลือ ซ่อนเร้น ด้วยประการใดๆ เพื่อให้คนต่างด้าวที่เข้าเมืองโดยผิดกฎหมายนั้นพ้นจากการจับกุม”
จากการซักถามนายสุรศักดิ์ รับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาโดยทราบดูว่ากลุ่มคนกัมพูชาซึ่งได้สั่งการให้ นายสมเกียรติ ไปรับนั้นเป็นคนต่างด้าวที่หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย และให้ข้อมูลอีกว่าตนเองประกอบอาชีพขับรถตู้รับส่งคนระหว่างกรุงเทพฯ-บ้านแหลม จ.จันทบุรี มาเป็นเวลานาน ซึ่งจะมีลูกค้าโดยส่วนใหญ่เป็นคนกัมพูชาซึ่งติดต่อผ่านเบอร์มือถือของตนเอง ทางการสืบสวนพบว่านายสุรศักดิ์ มีการใช้โทรศัพท์ติดต่อผู้คนจำนวนมากและมีจำนวนเงินโอนเข้าออกจำนวนมาก ซึ่งจะได้มีการตรวจสอบเพื่อขยายผลเครือข่ายต่อไป
ด้าน พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม./โฆษก สตม. , พ.ต.อ.ภัคพงศ์ สายอุบล รอง ผบก.ตม.1/รองโฆษก สตม. ร่วมกันเปิดเผยว่า การดำเนินการดังกล่าวเป็นไปตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม. ดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุกับคนไทยหรือชาวต่างชาติ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด
ทั้งนี้ สตม. จึงขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดต่างๆ รวมทั้งการดำเนินการตรวจสอบชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนหรือ ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศชาติ หากประชาชนท่านใดพบเบาะแสในการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือที่ www.immigration.go.th
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี