โควิดไทยยังหนักดับอีก35ศพ
ติดเชื้อ4,059คน
‘กทม.-ตจว.’คลัสเตอร์ใหม่อื้อ
ครม.ถกเครียดเปิดภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์
หมอห่วงระบาดซ้ำ-บิ๊กตู่ลั่นเดินหน้า
สธ.เฝ้าระวังสายพันธุ์อินเดียลาม
อีก4เดือนแทนที่สายพันธุ์อังกฤษ
เปิดประเทศ120วันต้องทำให้ได้
ไทยติดเชื้อรายวัน 4,059 ราย ตายเพิ่ม 35 ศพ กทม.ยังหนักป่วยหลักพันคลัสเตอร์ใหม่โผล่รายวันยอดติดหลักร้อย ตจว.ไม่น้อยหน้าเคสใหม่อื้อส่วนใหญ่เป็นโรงงาน-แคมป์ก่อสร้าง ศบค.ยันเดินหน้า“ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” ย้ำเปิดได้-ปิดได้ ถ้าสถานการณ์ระบาดเข้าเงื่อนไขป่วยมากกว่า 90 รายต่อสัปดาห์ ขณะที่ผู้ว่าฯภูเก็ตยกระดับคัดกรองเข้มคนเข้าพื้นที่ ย้ำคนมาจาก4จังหวัดใต้ที่มีเชื้อกลายพันธุ์ต้องกักตัว พร้อมประกาศปลดล็อก 10 กิจกรรมเป็นทางการ ปลัด สธ.เผย
ปรับแผนฉีดแอสตร้าฯเข็มแรกเข็ม 2ห่างกัน8สัปดาห์ในพื้นที่ระบาด จับตาสายพันธุ์อินเดียระบาดเร็ว คาดอีก4เดือนแทนที่สายพันธุ์อังกฤษ ต้องเร่งฉีดวัคซีน
เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงข่าวประจำวันว่า ไทยพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอีก 4,059 ราย เป็นการติดเชื้อในประเทศ 3,963 ราย มาจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 2,257 ราย มาจากการค้นหาเชิงรุก 1,706 ราย มาจากเรือนจำ 75 ราย และเป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ 21 ราย ในจำนวนนี้ลักลอบเข้าช่องธรรมชาติ 15 ราย มาจากกัมพูชา 14 ราย มาเลเซีย 1 ราย ทำให้มียอดติดเชื้อสะสม 225,365 ราย
ตายเพิ่ม35-โคมา1,479คน
วันเดียวกันนี้ มีผู้รักษาหายเพิ่มเติม 2,047 ราย หายป่วยสะสม 187,836 ราย อยู่ระหว่างรักษา 35,836 ราย อาการหนัก 1,479 ราย ใช้เครื่องช่วยหายใจ 410 ราย และมีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่ม 35 ราย เป็นชาย 25 ราย หญิง 10 ราย อยู่ในกทม.15 ราย สมุทรสาคร 6 ราย สมุทรปราการ 5 ราย ฉะเชิงเทรา 2 ราย ชลบุรี นนทบุรี นครศรีธรรมราช พระนครศรีอยุธยา ภูเก็ต สุพรรณบุรี อุดรธานีจังหวัดละ 1 ราย ทำให้มียอดผู้เสียชีวิตสะสม 1,693 ราย
ฉีดวัคซีนสะสม7.9ล้านโดส
ส่วนข้อมูลฉีดวัคซีนวันที่ 21 มิถุนายน ฉีดไปแล้ว 227,639 โดส ทำให้มียอดผู้ได้รับวัคซีนสะสมตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์-21 มิถุนายน 7,906,696 โดส ขณะที่สถานการณ์โลก มีผู้ติดเชื้อสะสม 179,543,383 ราย เสียชีวิตสะสม 3,888,524 ราย
กทม.ป่วยหลักพัน-ติดเชื้อรายวัน
นพ.ทวีศิลป์กล่าวต่อว่า สำหรับ 10 จังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่สูงสุดของวันที่ 22 มิถุนายน 10 จังหวัด ได้แก่ กทม. 1,154 ราย สมุทรปราการ 696 ราย ชลบุรี 335 ราย สงขลา 293 ราย สมุทรสาคร 250 ราย ปทุมธานี 211 ราย นนทบุรี 169 ราย นครปฐม 162 ราย ปัตตานี 81 ราย ระยอง 63 ราย อย่างไรก็ตาม ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่มีจำนวนมากส่วนใหญ่อยู่ในกทม.และปริมณฑลเกินครึ่ง ถือเป็นพื้นที่ไข่แดงที่ต้องบริหารจัดการเต็มที่ ถ้าดูตัวเลขผู้ติดเชื้อแต่คลัสเตอร์พบว่า มีผู้ติดเชื้อเป็นตัวเลขสามหลักจำนวนมาก
ตจว.คลัสเตอร์ใหม่อื้อ-รง./แคมป์ก่อสร้าง
ขณะที่คลัสเตอร์ใหม่ในจังหวัดต่างๆ ประกอบด้วย จ.สมุทรปราการ ที่โรงงานรองเท้า อ.บางพลี 326 ราย โรงงานแปรรูปอาหาร อ.เมือง 7 ราย จ.สงขลา ที่โรงงานอาหารทะเลกระป๋อง อ.สทิงพระ 262 ราย จ.สมุทรสาคร ที่โรงงานเสื้อผ้า อ.กระทุ่มแบน 6 ราย จ.นครปฐม ที่โรงงานหมู 4 แห่ง ใน 4 ตำบลของ อ.เมือง พบผู้ติดเชื้อรายใหม่รวมกัน 90 ราย และเหตุที่ติดเชื้อในโรงงานหมู เพราะหมุนเวียนคนงาน จ.ระยอง ที่แคมป์คนงานก่อสร้าง อ.เมือง 51 ราย จ.พระนครศรีอยุธยา ที่ศูนย์วิทยุกู้ภัย อ.พระนครศรีอยุธยา 14 ราย จ.ปราจีนบุรี ที่โรงงานหินเทียม อ.ศรีมหาโพธิ์ 8 ราย ส่วนกทม. พบ 3 คลัสเตอร์ใหม่ ที่สถานดูแลผู้สูงอายุ บางเขน 12 ราย ร้านผลิตขายส่งขนมกุยช่าย ซอยเทิดไท 21 เขตธนบุรี 23 ราย แคมป์คนงานก่อสร้าง เขตบางกอกใหญ่ 47 ราย
เดินหน้าภูเก็ตแซนด์บ๊อกซ์-เปิดได้ปิดได้
“การที่มีผุ้ติดเชื้อจำนวนมากเช่นนี้ ทำให้หลายคนอาจตั้งคำถามว่าจะทบทวนภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์หรือไม่ ขอย้ำว่ามีเปิดได้ก็ปิดได้ ขอยืนยันเราเรียนรู้การจัดการกับโรค เกิดที่ไหนก็ปิดที่นั่น ตอนนี้ถ้าดูแลตัวเลขผู้ติดเชื้อที่จ.ภูเก็ตในสัปดาห์ที่ผ่านมา พบผู้ติดเชื้อเป็นตัวเลขหลักเดียว เช่นเดียวกับที่ จ.สุราษฎร์ธานี พื้นที่เกาะสมุย เกาะพะงัน ถ้าการติดเชื้อยังเป็นเช่นนี้ ก็ยังคงนโยบายอยู่”นพ.ทวีศิลป์กล่าว และย้ำว่า อย่างไรก็ตาม เงื่อนไขที่จะทำให้ปรับนโยบาย ประกอบด้วย มีผู้ติดเชื้อรายใหม่มากกว่า 90 รายต่อสัปดาห์ กระจายโรคในจังหวัดทั้ง 3 อำเภอมากกว่า 6 ตำบล และมีระบาดมากกว่า 3 คลัสเตอร์ ระบาดวงกว้างหรืออัตราครองเตียงมากกว่า 80% และการปรับเปลี่ยนจะเป็นใน 4 ระดับคือ ปรับลดกิจกรรม กำหนดเส้นทาง (sealed route) ให้อยู่เฉพาะในโรงแรม Hotel Quarantine และทบทวนยุติภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์
เว้น12สัปดาห์ฉีดแอสตร้าเข็ม1เข็ม2
ส่วนที่มีการตั้งคำถามเกี่ยวกับการเว้นระยะห่างฉีดวัคซีนเข็มที่หนึ่งและสองของวัคซีนแอสตราเซเนกานั้น ยืนยันว่ามาตรการอยู่ที่ 12 สัปดาห์ แต่กรณีมีผู้ใช้ 16 สัปดาห์นั้น ตัวภูมิคุ้มกันยังครอบคลุมไปถึง แต่ถึงอย่างไรประเทศไทยยังยึด 12 สัปดาห์เป็นหลัก
‘ศบค.’ย้ำไม่ล้ม’ภูเก็ตแซนด์บ๊อกซ์’
ด้านพล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการ ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศปก.ศบค.) ให้สัมภาษณ์กรณีจ.ยะลาพบผู้ติดเชื้อโควิด จำนวนมาก และยังกระจายไปจังหวัดอื่นในภาคใต้ รวมถึงจ.ภูเก็ตที่จะเปิดโครงการ “ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์”ว่า ที่ประชุมศปก.ศบค.วันนี้ยังไม่ทบทวนมาตรการแนวทางเปิดประเทศตามโครงการ “ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์” หลังพบคลัสเตอร์ใหญ่ที่จ.ยะลา ศปก.ศบค.รอประเมินสถานการณ์อีกครั้ง หลังนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน ลงพื้นที่ตรวจการเตรียมความพร้อม จ.ภูเก็ตวันที่ 25 มิถุนายน ทั้งนี้ เราติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด และเพิ่มความเข้มงวดเคร่งครัดตามสถานที่ต่างๆ ซึ่งขณะนี้กระทรวงมหาดไทยและกระทรวงสาธารณสุขเพิ่มความเข้มข้นในการควบคุมโรคแล้ว และวันที่ 21 มิถุนายนที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมสั่งการย้ำเรื่องดังกล่าวเช่นกัน
ภูเก็ตยกระดับคัดกรองคนเข้าพื้นที่
วันเดียวกัน ที่ห้องประชุมคอซิมบี้ ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต นายพิเชษฐ์ ปาณะพงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อ ครั้งที่ 40 /2564 ร่วมหารือร่างมาตรการยกระดับความเข้มตรวจคัดกรองโดยกำหนดให้ผู้ที่จะเดินทางเข้าภูเก็ต ทางบก ยกเว้นเด็กอายุต่ำกว่า 6 ปี) ต้องปฏิบัติตามข้อกำหนด ดังนี้ 1.ได้รับวัคซีนครบ 2 เข็ม หรือครบโดส ตามจำนวนวัคซีนแต่ละชนิด หรือได้รับวัคซีนชนิด AZเข็มที่1มาแล้วครบ 14วัน 2.เป็นผู้ที่หายจากอาการป่วยโควิดมาแล้วไม่เกิน 90 วัน ทั้งนี้ ต้องแสดงหลักฐานยืนยัน 3.หากไม่มีคุณสมบัติตามข้อที่ 1. ต้องตรวจหาเชื้อด้วยวิธี RT - PCR หรือวิธีการ Antigen Test ไม่เกิน 7 วัน
มาจาก4จชต.เชื้อกลายพันธุ์ต้องกักตัว
4.ติดตั้งแอพพลิเคชั่น”หมอชนะ”บนสมาร์ทโฟนโดยยินยอมเปิดที่ตั้งตลอดเวลาที่อยู่ในจ.ภูเก็ต 5. ให้สังเกตติดตามอาการตนเองหรือ Self Monitoring ตามมาตรการป้องกันควบคุมโรคหากพบอาการป่วยหรือสงสัยว่าป่วยด้วย covid-19 ให้รีบพบแพทย์ ทั้งนี้ ผู้ที่เดินทางมาจากพื้นที่ที่มีเชื้อกลายพันธุ์ ที่มาจาก 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้แม้จะมีคุณสมบัติครบในข้อ 1, 2, 3 แล้วต้องเข้ากักตัวที่ LQ หรือ ALQ 14 วัน โดยจังหวัดมีรายละเอียดระบุจังหวัด อำเภอ ที่ชัดเจน สำหรับร่างมาตรการยกระดับเพิ่มความเข้มคัดกรอง คนไทยและ คนต่างชาติที่พำนักในประเทศไทยเข้าภูเก็ต เพื่อป้องกันผู้นำเชื้อจากภายนอกเข้าพื้นที่ ตามโมเดล Phuket Sandbox ทั้งนี้ จังหวัดจะมีคำสั่งประกาศออกมาอีกครั้ง มีผลบังคับใช้1กรกฎาคมเป็นต้นไป
ปลดล็อค10กิจกรรมภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ต่อมาเพจเฟซบุ๊ก สำนักงาน ประชาสัมพันธ์จังหวัดภูเก็ตโพสต์ คำสั่ง นายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ในฐานะผู้กำกับการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินจังหวัดภูเก็ตลงนามในคำสั่งจังหวัดภูเก็ต ผ่อนคลายการปิดสถานที่ และกำหนดมาตรการป้องกัน เฝ้าระวังและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 (เพิ่มเติม) เพื่อผ่อนคลายให้บางสถานที่เปิดทำกิจกรรมบางอย่างได้ และประชาชนประกอบกิจกรรมจำเป็นต่อการดำรงชีวิตและกระกอบอาชีพ เพื่อให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจและสังคมดำเนินได้ต่อเนื่องควบคู่ไปกับมาตรการด้านสาธารณสุข และเพื่อเตรียมเปิดรับนักท่องเที่ยวแบบไม่กักตัว ตามแผน Phuket Tourism Sandbox วันที่ 1 กรกฎาคม 2564
รวมกลุ่มสังสรรค์ทำได้ตามกม.กำหนด
ทั้งนี้ ในคำสั่งดังกล่าว มีการผ่อนคลาย 10 กิจกรรม ประกอบด้วย 1.โรงเรียนหรือสถาบันการศึกษาทุกประเภทจัดการเรียนการสอนการสอบฝึกอบรมหรือทำกิจกรรมได้ตามความเหมาะสม 2. ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ ให้เปิดตามเวลาปกติ ยกเว้นส่วนที่เป็นตู้เกมเครื่องเล่นร้านเกมและสวนสนุกที่งดการให้บริการ 3.ร้านจำหน่ายอาหารหรือเครื่องดื่มที่มิได้ประกอบกิจการเป็นสถานประกอบการที่มีลักษณะคล้ายสถานบริการ ให้บริโภคอาหารหรือเครื่องดื่มในร้านได้ภายในเวลาที่กำหนดโดยให้มีการจำหน่ายและบริโภคสุราหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ภายในร้านได้ ไม่เกินเวลา 23:00น.4.ร้านสะดวกซื้อ ซูเปอร์มาร์เก็ต ให้เปิดตามเวลาปกติของสถานที่นั้นๆ
5.สนามกีฬาหรือสถานีออกกำลังกาย ยิม ฟิตเนส แบดมินตันเปิดให้บริการได้ตามปกติ และจัดการแข่งขันได้โดยจำกัดผู้เข้าชมในสนาม 6.ร้านเสริมสวย ร้านตัดผมตกแต่งทรงผมสุภาพบุรุษและสตรีสามารถเปิดให้บริการตามปกติ 7.สถานที่จัดให้มีโต๊ะสนุกเกอร์บิลเลียดโต๊ะพูล หรือการเล่นที่มีลักษณะคล้ายกันโดยจัดให้เล่นได้ระหว่างเวลา 15.00 น.-23.00 น. 8.ร้านเกมคอมพิวเตอร์ เกมออนไลน์เปิดได้ตามกฎหมาย 9.โรงภาพยนตร์ โรงมหรสพ สวนน้ำเปิดได้ตามปกติ ยกเว้นสวนสนุก เครื่องเล่นประจำที่หรือเครื่องเล่นแบบเคลื่อนที่กลางแจ้ง ให้เปิดได้ตั้งแต่ 06.00-20.00 น. 10.การรวมกลุ่มทำกิจกรรมสังสรรค์จำหน่ายบริโภคสุราหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในพื้นที่สาธารณะ ชายหาด สวนสาธารณะให้ถือปฏิบัติตามที่กฎหมายกำหนด
ห้ามกิจกรรมรวมกลุ่ม200คน
ขณะที่ห้ามการจัดกิจกรรม ที่เสี่ยงแพร่โรค ซึ่งการรวมกลุ่มของบุคคล ซึ่งมีจำนวนมากกว่า 200 คน หรือเว้นแต่เป็นกิจกรรมที่ดำเนินการโดยพนักงานเจ้าหน้าที่หรือเป็นกิจกรรมในพื้นที่ที่กำหนดให้เป็นสถานที่กักกันโรค นอกจากนี้ ให้จัดกิจกรรมทางสังคม สังสรค์ งานเลี้ยง งานรื่นเริง งานวันเกิด งานขึ้นบ้านใหม่ เลี้ยงรับ-ส่งและเลี้ยงฉลองแสดงความยินดี รวมถึงจัดพิธีการตามประเพณีนิยม เช่น พิธีศพ งานอุปสมบท งานมงคลสมรส วันสำคัญทางศาสนาหรืองานบุญ ให้ดำเนินการได้ภายใต้มาตรการป้องกันโรคที่เพียงพอ เพื่อลดโอกาสเสี่ยงติดเชื้อ และปฏิบัติตามกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง
ผ่อนคลายถ่ายหนังตามศบค.
การผ่อนคลายสำหรับถ่ายทำภาพยนตร์และรายการโทรทัศน์ หรือถ่ายทำสื่อในลักษณะคล้ายกัน ให้ดำเนินการได้ภายใต้มาตรการที่ประกาศกำหนด จำกัดจำนวนบุคคลที่เข้าร่วมถ่ายทำ การยกเว้นไม่ต้องสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าบางกรณีหรือบางช่วงเวลาของการถ่ายทำ ต้องดำเนินการตามแนวปฏิบัติสำหรับการถ่ายทำภาพยนตร์และรายการโทรทัศน์ตามที่ได้รับอนุมัติจาก ศบค.
ผับ-บาร์-สนามชนไก่/มวยยังปิด
นอกจากนี้ มาตรการปิดสถานบริการหรือสถานที่เสี่ยงต่อการแพโรค เพื่อลดความเสี่ยงต่อการแพร่โรค ให้ปิดสถานบริการ ผับ บาร์ คารโอเกะ สถานบันเทิง และสถานประกอบการลักษณะคล้ายสถานบริการทุกแห่งในจ.ภูเก็ตชั่วคราวต่อไป และให้ปิดสนามชนไก่ สนามกัดปลา สนามแข่งนก สนามแข่งไก่ สนามมวย หรือสถานที่จัดให้มีการเล่นการพนัน เป็นการชั่วคราวต่อไป ขณะเดียวกัน ยังคงคุมเข้าพื้นที่เสี่ยง ให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเข้มงวดสถานที่ กิจกรรมเสี่ยงระบาดแบบกลุ่มก้อน เช่น โรงงาน สถานที่พักแรงงานต่างด้าว หรือสถานที่อื่นให้เป็นไปตามเงื่อนไข ผู้ใดฝ่าฝืนคำสั่งฉบับนี้ อาจมีความผิดตามมาตรา 51มีโทษปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือมาตรา 52 โทษจำคุกไม่เกิน 1 ปีหรือ 1 แสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ แห่งพ.ร.บ.โรคติดต่อ 2558 คำสั่งดังกล่าวมีผลตั้งแต่ 21 มิถุนายนเป็นต้นไปจนกว่ามีคำสั่งเปลี่ยนแปลง
สธ.เผยฉีดวัคซีนแล้ว7.9ล้านโดส
ด้านนพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.)เปิดเผยว่า สธ.ได้จัดสรรวัคซีนกระจายไปยังพื้นที่แล้วรวม 8.5 ล้านโดส ตามแผนที่ศบค.กำหนด ฉีดให้กลุ่มเป้าหมายตามการพิจารณาของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด/คณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร ข้อมูลล่าสุดตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์-วันที่ 21 มิถุนายนฉีดวัคซีนแล้ว รวม 7,906,696 โดส แบ่งเป็น เข็มที่ 1 จำนวน 5,678,848 โดส และเข็มที่ 2 จำนวน 2,227,848 โดส ในจำนวนนี้เป็นวัคซีนซิโนแวค 5,550,891 โดส และแอสตร้าเซนเนก้า 2,355,805 โดส
ปรับแผนแอสตร้าฯ2เข็มห่าง8สัปดาห์
สำหรับวัคซีนแอสตร้าฯ คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติมีมติวันที่ 14 มิถุนายน กำหนดระยะห่างฉีดเข็มที่ 1 และเข็มที่ 2 ห่างกัน 10-12 สัปดาห์และขยายได้ถึง 16 สัปดาห์ในกรณีจำเป็น สอดคล้องกับข้อมูลของอังกฤษที่มีการศึกษาว่าขยายได้ถึง 16 สัปดาห์ในระยะแรก ซึ่งขณะนั้นยังไม่พบการระบาดสายพันธุ์เดลต้า มอบให้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด/คณะกรรมการโรคติดต่อ กทม. บริหารจัดการฉีดวัคซีนในพื้นที่ได้ตามความเหมาะสม อย่างไรก็ตาม ข้อมูลเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์พบว่า สายพันธุ์เดลต้ามีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเร็ว คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติจึงเห็นชอบให้พื้นที่ที่ระบาดปรับระยะเวลาฉีดวัคซีนแอสตร้าฯ เข็มที่ 2 ให้เร็วขึ้นจากปกตินัดห่างจากเข็มแรก 10-12 สัปดาห์ เป็น 8 สัปดาห์
จับตาพันธุ์อินเดีย-แอฟริกาใต้/เร่งหาที่มา
ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์กล่าวว่า กรมฯร่วมกับเครือข่ายห้องปฏิบัติการ เฝ้าระวังการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์ เพื่อให้ไทยมีข้อมูลเฝ้าระวังสายพันธุ์ ได้ทั้งระดับภูมิภาคและประเทศ โดยเฉพาะสายพันธุ์เดลต้า (อินเดีย) และสายพันธุ์เบต้า (แอฟริกาใต้) ที่อาจส่งผลต่อประสิทธิภาพวัคซีน
พันธุ์อินเดียเพิ่ม168-กทม.มากสุด87คน
ทั้งนี้ จากการเก็บตัวอย่างเชื้อโควิดทั่วประเทศเพื่อตรวจหาสายพันธุ์ ข้อมูลวันที่ 1 เมษายน- 20 มิถุนายนตรวจสายพันธุ์กว่า 6,000 ตัวอย่าง พบเป็นสายพันธุ์อัลฟา (อังกฤษ) 5,641 ราย คิดเป็น88.97% สายพันธุ์เดลตา (อินเดีย) พบ 661 ราย สัปดาห์ที่ผ่านมาพบเพิ่ม 168 ราย ทำให้มีสัดส่วนผู้ป่วยสายพันธุ์เดลตาเพิ่มขึ้นจาก 9% เป็น 10.43% ส่วนสายพันธุ์เบตา(แอฟริกาใต้)พบ 31ราย พบเพิ่มขึ้น 7 ราย คิดเป็น 0.6% สำหรับสายพันธุ์เดลตา (อินเดีย) พบเพิ่ม 168 รายนั้น พบมากสุดในเขตสุขภาพที่ 13 หรือ พื้นที่กทม. พบรายใหม่ 87 ราย เพิ่มจากเดิม 404 ราย ทำให้ยอดรวมในกทม.อยู่ที่ 491 ราย เขตสุขภาพที่ 1 พบ 2 คน ที่ จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นผู้รับเหมาเดินทางจากกรุงเทพฯ เขตสุขภาพที่ 4 พบ 65 ราย จากแคมป์คนงานจ.นนทบุรี 63 ราย จ.ปทุมธานี 2 ราย, เขตสุขภาพที่ 5 พบ 1 ราย ที่ จ.นครปฐม , เขตสุขภาพที่ 8 พบ 10 ราย ได้แก่ จ.อุดรธานี 2 ราย สกลนคร 4 ราย เลย 2 ราย หนองคาย 2 ราย, เขตสุขภาพที่ 9 พบ 3 ราย ที่ จ.นครราชสีมา 2 ราย ชัยภูมิ 1 ราย
ห่วงพันธุ์เดลตาแพร่เร็วเดือนเดียว10%
สำหรับสายพันธุ์เบตา (แอฟริกาใต้) พบเพิ่ม 7 ราย อยู่ที่ จ.ยะลา 1 ราย ปัตตานี 4 ราย และภูเก็ต 2 ราย เป็นนักเรียนที่กลับจากโรงเรียนสอนศาสนาในศูนย์มัรกัสยะลา เป็นเชื้อจากนอกพื้นที่ขณะนี้อยู่ในการดูแลของเจ้าหน้าที่แล้ว เชื่อว่าหาก 14 วันแล้วไม่มีผู้ติดเชื้อเพิ่ม คาดว่าในภูเก็ตน่าจะจบ ตอนนี้ผ่านมา 6-7 วันแล้ว ขอทำความเข้าใจว่า นักเรียนที่ศูนย์มัรกัสยะลาพบติดเชื้อ กว่า 500 รายนั้น ไม่ได้เป็นสายพันธุ์เบตา (แอฟริกาใต้) ทั้งหมด ส่วนใหญ่ยังเป็นสายพันธุ์อัลฟา (อังกฤษ) และที่มีข่าวว่านักเรียนเดินทางกลับบ้านไปมากกว่า 10 จังหวัดนั้น ก็ยังจำกัดอยู่ในภาคใต้ ซึ่งกรมวิทย์ฯขอให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขในจังหวัดที่เด็กกลับบ้าน ส่งตัวอย่างมาให้กรมฯ ตรวจหาสายพันธุ์แล้ว
“สรุปสายพันธุ์เบตา (แอฟริกาใต้) ยังระบาดไม่มากและความจริงเราพบสายพันธุ์เบตาก่อนสายพันธุ์เดลตา (อินเดีย)ด้วยซ้ำ แต่สายพันธุ์เบตา (แอฟริกาใต้) เพิ่มจำนวนไม่เร็ว ไม่น่าวิตก เราควบคุมได้เร็ว ตอนนี้พบร้อยละ 1 ขณะที่สายพันธุ์เดลตา (อินเดีย) พบเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 ในเวลาเพียง 1 เดือน” นพ.ศุภกิจกล่าว
อีก4เดือนเชื้ออินเดียพุ่งแทนอังกฤษ
ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า สายพันธุ์เดลต้า หรือ สายพันธุ์อินเดีย แพร่กระจายได้เร็วกว่าสายพันธุ์อังกฤษประมาณ 1.4 เท่า จึงไม่แปลกที่สายพันธุ์เดลต้าจะเพิ่มจำนวนเร็ว และอีก 3-4 เดือนข้างหน้า สายพันธุ์เดลต้าจะเป็นสายพันธุ์ที่ระบาดเกือบทั่วโลก ในอนาคตอาจมีสายพันธุ์ใหม่เกิดขึ้น โดยวัฏจักรแล้วจะใช้เวลาประมาณ 4 เดือน
“ส่วนวัคซีนทุกตัวที่ใช้อยู่ปัจจุบัน เมื่อสายพันธุ์เปลี่ยนไปประสิทธิภาพวัคซีนก็เปลี่ยนไป และเชื่อว่าในอนาคตทุกบริษัทจะผลิตวัคซีนให้ทันสายพันธุ์ที่เปลี่ยนแปลง กระบวนการเปลี่ยนแปลงในสายการผลิต ต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่า 6 เดือน สายพันธุ์แอลฟ่าลดประสิทธิภาพวัคซีน ที่ผลิตมาก่อนไม่มาก และคงยังใช้อย่างมีประสิทธิภาพได้ดี” ศ.นพ.ยง กล่าว และย้ำว่า ในไทยส่วนใหญ่ยังเป็นสายพันธุ์แอลฟ่า และมีแนวโน้มเกิดสายพันธุ์เดลต้ามาแทนที่ สิ่งที่เราทำได้คงต้องช่วยควบคุมป้องกัน ให้เกิดสายพันธุเดลต้า ระบาดในประเทศไทยช้าที่สุด และปรับการให้วัคซีนให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดตามทรัพยากรที่เรามีอยู่
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี