ศบค.ยอมรับสถานการณ์ตึงมือเกิดปัญหาล้นเตียงหลังกราฟผู้ป่วยที่ใส่ท่อช่วยหายใจกราฟยังพุ่งสูงขึ้นไม่หยุด จากเดิมที่มีเฉพาะในกทม.แต่ตอนนี้ในต่างหวัดก็เกิดปัญหาเหมือนกัน เตรียมปรับแผนใหม่กระจายผู้ป่วยเข้ารพ.เอกชน ขณะที่ไทยพบติดเชื้อรายใหม่ 3,174 ราย ตาย 51 ราย กทม.พบใหม่ 2 คลัสเตอร์ เขตคลองสาน-บางคอแหลม ขณะค่ายทหารราชบุรี คลัสเตอร์ใหม่ 73 ราย
เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 23 มิ.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์โควิด-19 ประจำวันว่า มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 3,174 ราย เป็นการติดเชื้อในประเทศ 3,112 ราย มาจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 2,392 ราย มาจากการค้นหาเชิงรุกในชุมชน 720 ราย จากเรือนจำและที่ต้องขัง 36 ราย และเป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ 26 ราย ทำให้มียอดผู้ติดเชื้อสะสม 228,539 ราย ผู้หายป่วยเพิ่ม 1,941 ราย ยอดรวมหายป่วยแล้ว 189,777 ราย อยู่ระหว่างการรักษา 37,018 ราย อาการหนัก 1,526 ราย ใส่เครื่องช่วยหายใจ 433 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 51 ราย (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : เช็คข้อมูลเหยื่อโควิด 51 ศพวันนี้ อายุน้อยสุด 29 ปี ผงะกทม.ยอดตายพุ่งหนัก)
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า สำหรับ 10 จังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่มากที่สุด กทม. 956 ราย สมุทรปราการ 501 ราย สมุทรสาคร 240 ราย สงขลา 185 ราย ชลบุรี 142 ราย ปัตตานี 120 ราย ปทุมธานี 93 ราย ราชบุรี 91 ราย นราธิวาส 89 ราย และนครปฐม 79 ราย ทั้งนี้ กทม.มีคลัสเตอร์ที่เฝ้าระวังทั้งหมด 96 แห่ง และมีคลัสเตอร์ใหม่ 2 แห่งคือ โรงงานเย็บผ้า ซอยประดู่ 1 เขตบางคอแหลม 5 ราย โรงงานทำจิวเวลรี่ เขตคลองสาน 5 ราย ส่วนในจังหวัดอื่นๆมีคลัสเตอร์ใหม่คือ โรงงานน้ำแข็ง อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ 17 ราย บริษัทก่อสร้าง อ.เมือง จ.สมุทรปราการ 167 ราย โรงงานผลิตยางรถยนต์ อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร 5 ราย และโรงงานอาหารทะเลแปรรูป อ.เมือง จ.สมุทรสาคร 6 ราย บริษัทผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ อ.หนองแค จ.ปทุมธานี 22 ราย ค่ายทหาร อ.เมือง จ.ราชบุรี 73 ราย
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ที่ประชุมศปก.ศบค.ให้ความห่วงใยในเรื่องของผู้ป่วยที่ใส่ท่อช่วยหายใจ ซึ่งกราฟนั้นพุ่งสูงขึ้น ที่แต่เดิมจะอยู่เฉพาะในกทม.และปริมณฑล ซึ่งขณะนี้ในต่างจังหวัดก็เพิ่มขึ้นเหมือนกัน ซึ่งสอดคล้องกับการระบาดระลอกปลายปีที่ผ่านมา เมื่อวันที่ 15 ธ.ค. ที่สมุทรสาคร แล้วมาบวกกับกทม. อ่างทอง ระยอง และชลบุรี จะเห็นว่าความสูงของกราฟไม่เท่ากับการระบาดในช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา ที่ขณะนั้นเป็นกลุ่มก้อนใหญ่ แต่เราจะเห็นกราฟผู้ที่เดินเข้ามารักษาในโรงพยาบาลช่วงหลังสงกรานต์จะเยอะกว่าการค้นหาเชิงรุกในชุมชน แต่พอมาดูในเดือน มิ.ย.ที่เพิ่มขึ้นมา กราฟตอนนี้มีความน่าหวงใยว่า ผู้ที่เดินเข้ามารักษาในโรงพยาบาลยังพุ่งขึ้นตลอด ขณะที่การค้นหาเชิงรุกแนวโน้มเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน
"ฉะนั้นข้อห่วงใยตรงนี้เราต้องช่วยกันในการจัดการกับโรคทั้งภาครัฐและเอกชน และประชาชน เพื่อไม่ให้เห็นตัวเลขที่พุ่งขึ้นมากกว่านี้ นี่คือสิ่งที่เราส่อแววของการออกข่าวมาว่า ผู้ที่รักษาพยาบาลบอกว่าล้นแล้ว และภาพของคนที่รอเตียงไม่สามารถเข้าไปได้ ที่ประชุมจึงวิเคราะห์ว่าทำอย่างไรให้ผู้ป่วยระดับสีเขียวลดลงหรือกระจายจากโรงพยาบาลไปที่อื่นๆ ซึ่งโรงพยาบาลสนามเราก็ทำเต็มที่และต้องเปิดพื้นที่ดูแลสีแดงให้มากขึ้น ที่ประชุมจึงพูดถึงโมเดลหลายที่โดยเฉพาะภาคเอกชนให้เข้ามาช่วยกัน เดี๋ยวคงจะได้เห็นการจัดการที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น"นพ.ทวีศิลป์ กล่าว
นพ.ทวีศิลป์ ยังตอบข้อซักถามถึงกรณีที่ขณะนี้มีผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่จำนวนมากและมีผู้ป่วยวิกฤติ ในขณะที่กรมการแพทย์ระบุว่าจำนวนเตียงผู้ป่วยเข้าสู่ภาวะวิกฤต ศบค.จะแก้ไขอย่างไร ว่า สำหรับผู้ป่วยที่เกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้มีความชุกอยู่ที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ซึ่งในที่ประชุมศปก.ศบค. ได้พูดคุยกันว่ามีผู้ป่วยอยู่จำนวนหนึ่งที่รอเตียง และมีผู้ป่วยส่วนหนึ่งที่เข้าสู่โซนสีเขียวแล้วที่บางรายอาการไม่มาก ทางพล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ผอ.ศปก.ศบค.)ระบุว่าในส่วนนี้หากย้ายออกไปอยู่ในฮอสปิเทล ที่ส่วนใหญ่อยู่ในกรุงเทพอยู่แล้วและเป็นคู่สัญญาก็สามารถทำได้จึงได้มอบให้ทางกรุงเทพมหานครพยายามเปิดฮอสปิเทลและให้ คนไข้กลุ่มเหล่านี้ย้ายเข้าไปอยู่ได้ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่ให้ความช่วยเหลือ ดูแลตัวเองได้ ก็จะเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่จะทำให้คนที่รอเตียงเข้ามาสู่โรงพยาบาลได้ เตียงก็จะว่างเพื่อที่จะรับผู้ป่วยมีอาการเพื่อรับเข้ามาประเมิน
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ส่วนที่สองคือโซนสีเหลืองและโซนสีแดงก็ได้มีการพูดคุยกันว่าศักยภาพของภาครัฐแน่นหมดแล้ว แต่ก็ไม่ใช่ว่าของภาคเอกชนจะมีเตียงว่าง ดังนั้นจะต้องมีหนทางใหม่ในการพูดคุยหารือกัน เพราะในบางโครงสร้างของกรุงเทพมหานครซึ่งเป็นเจ้าภาพหลักที่จะต้องดูแลประชาชนชาวกรุงเทพมหานครมีโรงพยาบาลผู้สูงอายุบางขุนเทียน ซึ่งมีสถานที่อยู่แล้วก็อาจจะปรับให้เป็นพื้นที่รองรับระดับสีแดงได้หรือไม่ ด้วยการเพิ่มเติมอุปกรณ์เครื่องมือทางการแพทย์เข้าไป โดยที่ประชุมได้มอบหมายให้รองผู้ว่า กรุงเทพมหานครได้ไปประชุมปรึกษาหารือเพื่อขยายศักยภาพ
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า แต่ส่วนที่จะเป็นคอขวดคือจะไม่มีบุคลากรจากภาครัฐเพียงพอที่จะมาดูแล จึงเปิดช่องทางว่ายังมีบุคลากรทางการแพทย์อยู่ในโรงพยาบาลเอกชนโดยทางสมาคมโรงพยาบาลเอกชนระบุว่าสามารถนำกำลังของภาคเอกชน ไปดูแลในสถานที่ที่รัฐจัดวาง ดังนั้นกลไกการบริหารจัดการต่างๆจะต้องเปลี่ยนไปจากภาคปกติเพราะเรากำลังเจอกับสถานการณ์วิกฤติ จึงต้องใช้รูปแบบใหม่ๆเข้ามา พล.อ.ณัฐพล จึงได้ให้โจทก์ไปกับทางกรุงเทพมหานครได้สร้างโมเดลใหม่ๆขึ้น โดยดึงศักยภาพของหน่วยงานเอกชนเพื่อสร้างไอซียูเพื่อดูแลผู้ป่วยหนักที่อยู่ในภาคสนามแต่อยู่นอกตัวโรงพยาบาล แต่อยู่สถานที่โรงพยาบาลซึ่งมีตัวอย่างมาแล้วที่โรงพยาบาลราชวิถีโดยสามารถเพิ่มเตียงไอซียูขึ้นมาได้ ต้องนำมาช่วยกันแล้วเราจะได้เห็นภาพของการเตรียมการดังกล่าวที่ชัดเจนขึ้น ในเร็วๆนี้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี