"วิษณุ"มอบ สกศ.ปรับยุทธศาสตร์พัฒนาเด็กปฐมวัยฝ่าโควิด-19 สร้างเอกภาพ"สธ.-มท.-พม.-ศธ."บรรลุเป้าหมายราบรื่น
วันนี้ (5 กรกฎาคม 2564) ดร.วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาเด็กปฐมวัย ครั้งที่ 1/2564 ภายใต้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ผ่านวีดิทัศน์ทางไกล (VDO Conference) โดยมีนางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ดร.อำนาจ วิชยานุวัติ เลขาธิการสภาการศึกษา (เลขาธิการ กกศ.) ดร.อุษณีย์ ธโนศวรรย์ รองเลขาธิการ กกศ. พร้อมผู้แทนกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กระทรวงมหาดไทย (มท.) พร้อมกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ร่วมประชุม ณ สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.)
โดย ดร.อำนาจ กล่าวว่า ภารกิจสำคัญของ สกศ. ในการขับเคลื่อนงานตามแผนพัฒนาเด็กปฐมวัย พ.ศ. 2564 - 2570 ตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้ความเห็นชอบแล้วเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 3564 ทำหน้าที่ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมการจัดทำแผนงบประมาณและแผนการดำเนินงานประจำปีแบบบูรณาการให้สอดคล้องกับแผนพัฒนาเด็กปฐมวัย พ.ศ.2564 - 2570 ประการสำคัญคือ สร้างความเชื่อมโยงบูรณาการให้กระทรวงที่เกี่ยวข้องและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ซึ่งมีหน้าที่ดำเนินการตามภารกิจที่กำหนดไว้ในแผนพัฒนาเด็กปฐมวัย นำแผนพัฒนาเด็กปฐมวัย พ.ศ.2564 - 2570 ไปใช้เป็นกรอบแนวทางและเป้าหมายร่วมกันในการพัฒนาคุณภาพการบริการ ดูแล พัฒนา และจัดการศึกษาสำหรับเด็กปฐมวัย เพื่อให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันและจัดทำแผนปฏิบัติการให้สอดคล้องกับแผนพัฒนาเด็กปฐมวัยและปฏิบัติการให้เป็นไปตามแผนดังกล่าวอย่างมีประสิทธิภาพและขับเคลื่อนให้บรรลุเป้าหมายเด็กปฐมวัยทุกคน ในประเทศไทยต้องได้รับการพัฒนาอย่างรอบด้าน อย่างมีคุณภาพ ตามศักยภาพ ตามวัยและต่อเนื่อง และสามารถเข้าถึงบริการสุขภาพ การศึกษา และสวัสดิการสังคมได้อย่างเท่าเทียมกัน
ที่ประชุมรับทราบรายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานในหลายด้าน อาทิ ความก้าวหน้า(ร่าง)แผนพัฒนาเด็กปฐมวัย พ.ศ.2564 - 2570 รายงานผลการติดตามการดำเนินงานตามมาตรฐานสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยแห่งชาติ ปีงบประมาณ 2563 รายงานผลการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนของสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) สำนักมาตรฐานและติดตามการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน โดยอภิปรายอย่างกว้างขวางถึงภาวะสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อการขับเคลื่อนแผนพัฒนาเด็กปฐมวัย พ.ศ.2564 - 2570 ที่จำเป็นต้องสร้างการบูรณากันทุกหน่วยงานอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดเอกภาพการขับเคลื่อนที่มีประสิทธิภาพ
โดย ดร.วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาเด็กปฐมวัย ได้มอบหมาย สกศ.ทำหน้าที่ปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์ตามแผนพัฒนาเด็กปฐมวัย พ.ศ.2564 - 2570 ให้มีความยืดหยุ่นและสอดรับผลกระทบโควิด-19 เพื่อขจัดอุปสรรคต่อการพัฒนาปฐมวัย โดยใช้กลไกขับเคลื่อนสำคัญ 6 คณะอนุกรรมการฯ ภายใต้พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การพัฒนาเด็กปฐมวัย พ.ศ.2562 เน้นย้ำติดตามการดําเนินงานตามมาตรฐานสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยแห่งชาติของหน่วยงานต้นสังกัดทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้องกับการดูแล พัฒนาและจัดการศึกษาแก่เด็กปฐมวัย เพื่อสะท้อนปัญหา อุปสรรค และข้อเสนอแนะในการดําเนินงานตามมาตรฐานฯ อย่างต่อเนื่อง
เลขาธิการ กอศ. กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ที่ประชุมยังพิจารณาแผนการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการฯ รวม 6 คณะ ประกอบด้วย 1) คณะอนุฯ บูรณาการการพัฒนาเด็กปฐมวัย (ดร.อำนาจ วิชยานุวัติ ประธานอนุฯ) 2) คณะอนุฯ พัฒนาระบบสารสนเทศและฐานข้อมูลเด็กปฐมวัย (รองศาสตราจารย์ ดร.ธีรณี อจลากุล ประธานอนุฯ) 3) คณะอนุฯ วิจัย พัฒนา และจัดการองค์ความรู้ด้านการพัฒนาเด็กปฐมวัย (รองศาสตราจารย์ ดร.จิณณวัตร ปะโคทัง ประธานอนุฯ) 4) คณะอนุฯ กฎหมายและการคุ้มครองสิทธิ (รองศาสตราจารย์ดร.ดารณี อุทัยรัตนกิจ ประธานอนุฯ) 5) คณะอนุฯ ด้านสื่อสารเพื่อการพัฒนาเด็กปฐมวัย (นางสุภาวดี หาญเมธี ประธานอนุฯ) และ 6) คณะอนุฯ พัฒนาเด็กปฐมวัยที่มีความต้องการพิเศษและด้อยโอกาส (รองศาสตราจารย์ ดร.อุษณีย์ อนุรุทธ์วงศ์ ประธานอนุฯ)
ภายใต้ 7 ยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนแผนพัฒนาเด็กปฐมวัย พ.ศ.2564 - 2570 ประกอบด้วย 1) การจัดการและการให้บริการแก่เด็กปฐมวัย 2) การพัฒนาและสร้างความเข้มแข็งให้กับสถาบันครอบครัวในการอบรมเลี้ยงดูเด็กปฐมวัย 3) การพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการให้บริการพัฒนาเด็กปฐมวัย 4) การพัฒนาระบบและกลไกการบูรณาการสารสนเทศเด็กปฐมวัยและการนำไปใช้ประโยชน์ 5) การจัดทำและปรับปรุงกฎหมาย กฎระเบียบที่เกี่ยวกับเด็กปฐมวัยและการดำเนินการตามกฎหมาย 6) การวิจัยพัฒนาและเผยแพร่องค์ความรู้ และ 7) การบริหารจัดการ การสร้างกลไกการประสานการดำเนินงานและการติดตามประเมินผล
ดร.อำนาจ กล่าวว่า กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ และผู้แทน พม. , สธ. , มท.และ ศธ.ตั้งข้อสังเกตและอภิปรายข้อเสนอแนะปรับตัวชี้วัดอย่างละเอียดแต่ละยุทธศาสตร์ และกำหนดหน่วยงานรับผิดชอบ มาตรการขับเคลื่อนสำคัญ และการติดตามประเมินผล เพื่อลดความซ้ำซ้อนในเชิงบริหารและเชื่อมโยงการบูรณาการที่เกิดความสอดคล้องเป็นรูปธรรมชัดเจน ประการสำคัญเพื่อลดความเหลื่อมล้ำการพัฒนาเด็กปฐมวัย การพัฒนาเด็กไม่ได้มีแค่พัฒนาการ 4 ด้าน สังคม อารมณ์ จิตใจ สติปัญญา แต่ยังมีทักษะการบริหารจัดการตนเองขั้นสูง (Executive Functions : EF) ซึ่งมีความสำคัญเช่นกันโดยเพิ่มเสาหลักการพัฒนาตัวตนในเด็กปฐมวัยซึ่งเป็นกระบวนการทางความคิดระดับสูงของสมองส่วนหน้าที่มีความเกี่ยวข้องกับความคิด ความรู้สึก และการกระทำของเด็กปฐมวัย ผนวกเข้ากับแผนการขับเคลื่อนต่อเนื่องกันทุกกระทรวงในสถานการณ์โควิด-19 ทำให้เกิดความราบรื่นและไม่ขาดตอนการดำเนินงานตาม พ.ร.บ.การพัฒนาเด็กปฐมวัย พ.ศ.2562 และมาตรฐานสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยแห่งชาติ พ.ศ.2561
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี