มั่นใจขึ้นมาอีกระดับหนึ่งว่า เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก(EEC) ซึ่งมีพื้นที่ครอบคลุม 3 จังหวัดคือ ระยอง ชลบุรี และฉะเชิงเทรา จะมีความมั่นคงเรื่องน้ำ เมื่อคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เห็นชอบรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม สุขภาพอนามัย และคุณภาพชีวิตของประชาชน(EHIA) โครงการอ่างเก็บน้ำคลองวังโตนด จ.จันทบุรี ของกรมชลประทาน
โครงการดังกล่าวอยู่จันทบุรี เกี่ยวกับ EEC อย่างไร?
น้ำต้นทุนที่ใช้ในพื้นที่ EEC ปัจจุบันมีประมาณ 2,539 ล้าน ลบ.ม ในขณะที่ความต้องการใช้น้ำในทุกภาคส่วนรวมกันประมาณ 2,419 ล้านลบ.ม. มีความเสี่ยงที่จะขาดแคลนน้ำสูงหากไม่มีการพัฒนาแหล่งน้ำเพิ่ม เพราะจากการประเมินความต้องใช้น้ำในอนาคตพบว่า ปี 2570จะมีความต้องการใช้ 2,888 ล้านลบ.ม. และปี 2580 จะเพิ่มขึ้นเป็น 3,089 ล้านลบ.ม. หรือเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 670 ล้าน ลบ.ม.
ดังนั้นจำเป็นจะต้องวางแผนพัฒนาแหล่งน้ำเพิ่มตั้งแต่ขณะนี้ มิฉะนั้นอีก 10 ปี EEC เกิดวิกฤติขาดแคลนน้ำแน่นอน และโครงการอ่างฯคลองวังโตนดก็เป็นหนึ่งในแผนที่จะช่วยพื้นที่ EEC ให้มีความมั่นคงเรื่องน้ำ
วันก่อนผมได้มีโอกาสสนทนากับอธิบดีกรมชลประทาน “ประพิศ จันทร์มา”
ท่านอธิบดีบอกว่า ตามแผนพัฒนาลุ่มน้ำคลองวังโตนด จะสร้างอ่างเก็บน้ำทั้งหมด 4 แห่ง คือ อ่างฯคลองประแกด ความจุ 60 ล้านลบ.ม. ขณะนี้เสร็จเรียบร้อยแล้ว อ่างฯคลองพะวาใหญ่ ความจุ 68 ล้านลบ.ม. อ่างฯคลองหางแมว ความจุ 80 ล้านลบ.ม. จะแล้วเสร็จในปี 2565 และอ่างฯคลองวังโตนด ความจุ99.5 ล้านลบ.ม. ขณะนี้ ผ่าน EHIA รวมปริมาณน้ำที่กักเก็บได้ทั้งหมด 307.5 ล้านลบ.ม. มีพื้นที่รับประโยชน์ถึง 249,700 ไร่ ช่วยแก้ปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้ง และคุณภาพน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะสร้างความอุดมสมบูรณ์และมีความมั่นคงในเรื่องน้ำให้ทั่วทั้งลุ่มน้ำ
นอกจากนี้ยังจะผันน้ำส่วนเกินในช่วงฤดูฝน สูงสุดอีกปีละประมาณ 140 ล้านลบ.ม. ไปเติบให้กับอ่างฯประแสร์ จ.ระยอง ก่อนที่จะจัดสรรผ่านโครงข่ายน้ำไปใช้ใน EEC ซึ่งจะช่วยสร้างความมั่นคงเรื่องน้ำให้ EEC อย่างยั่งยืนอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม แม้โครงการอ่างฯคลองวังโตนดจะสร้างประโยชน์มากมาย แต่ก็ถูกต่อต้านจาก NGO ที่ใช้ชื่อว่า “เครือข่ายองค์กรอนุรักษ์” โดยกล่าวหาว่าคณะกรรมการสิ่งแวลล้อมแห่งชาติ
“ลักหลับ” ผ่าน EHIA คลองวังโตนด แต่ดูเหมือนข้อกล่าวหานี้จะฟังไม่ค่อยขึ้น เพราะอธิบดีประพิศยืนยันไม่มีลักหลับ การจัดทำ EHIA ครั้งนี้เข้มข้นมากเป็นไปตามเงื่อนไขและข้อสั่งการของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมทุกประการ เพื่อลดผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้น โดยเฉพาะข้อกังวลในเรื่องสัตว์ป่า โดยเฉพาะช้างป่านั้น จะมีการสร้างโป่งเทียม การสร้างแหล่งน้ำใหม่ การสร้างแหล่งอาหารสำรองสำหรับช้างและสัตว์ป่าการสร้างรั้วกันช้างรอบอุทยานแห่งชาติยาวประมาณ 60 กิโลเมตร และปลูกป่าทดแทนอีก 2 เท่าของพื้นที่ป่าที่ได้รับผลกระทบ หรือประมาณ 29,200 ไร่ พร้อมจัดตั้งหน่วยพิทักษ์อุทยานขึ้นมาดูแล รวมทั้งยังได้จัดสรรงบประมาณสนับสนุน 15 ปี มากกว่า 600 ล้านบาทอีกด้วย
ส่วนผลกระทบต่อประชาชนในเรื่องที่ทำกินและที่อยู่อาศัยนั้น จะพิจารณาช่วยเหลือเป็นกรณีไป โดยจะมีการจ่ายค่าชดเชยพิเศษ สร้างบ้านมั่นคงชนบท ซึ่งขณะนี้ได้จัดหาที่สำรองไว้ให้ประมาณ 800 ไร่
ผมว่า เรื่องนี้ NGO น่าจะรู้ดี แต่อาจจะแกล้งไม่รู้
หลังจากผ่านคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแล้ว ขั้นตอนต่อไปการเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนผู้ใช้น้ำ รวมถึงผู้มีส่วนได้-เสียของโครงการ ขั้นตอนนี้กรมชลประทานจะต้องวางแผนดำเนินงานให้ได้ตามระยะเวลาที่กำหนด
ระวัง!!!จะถูก NGO เตะถ่วง จนหมดเวลา....สร้างไม่ได้หรือไม่ได้สร้าง นอกจากประชาชนในพื้นที่จะเดือดร้อนแล้ว EEC ก็จะวิกฤติเรื่องน้ำด้วย
วางแผนให้ดี ทำตามกฎหมายทุกข้อ ประชาสัมพันธ์ทั้งรุกและรับทุกช่องทาง ให้ประชาชนทั้งในพื้นที่และทั่วประเทศได้รับทราบอย่างต่อเนื่องจาก....ลุ่มน้ำคลองวังโตนดจะเป็นลุ่มน้ำตัวอย่างของการพัฒนาแหล่งน้ำที่มีประสิทธิภาพและสมบูรณ์แบบแน่นอน
รัฐศักดิ์ พลสิงห์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี