“ผบช.สตม.” นำแถลง “ตม.กาญจนบุรี” รวบ 3 ขบวนการลักลอบขนเมียนมา ฟันค่าหัวอื้อ
9 กรกฎาคม 2564 สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ผบช.สตม.) , พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม. , พล.ต.ต.รุ่งโรจน์ ฐากูรปุณยสิริ ผบก.ตม.3 , พ.ต.อ.ทรงโปรด สิริสุขะ , พ.ต.อ.กฤตัชญ์ บำรุงรัตนยศ , พ.ต.อ.รัชธพงศ์ เตี้ยสุด , พ.ต.อ.หฤษฎ์ เอกอุรุ รอง ผบก.ตม.3 , ว่าที่ พ.ต.อ.จิรพงศ์ รุจิรดำรงค์ชัย ผกก.สส.บก.ตม.3 และ พ.ต.อ.จักษ์ ยังให้ผล ผกก.ตม.จว.กาญจนบุรี ร่วมแถลงข่าวการจับกุมขบวนการลักลอบขนคนเข้าเมือง
ตม.จว.กาญจนบุรี สามารถจับกุมขบวนการลักลอบขนคนเข้าเมืองได้ 3 ขบวนการ ได้ทั้งผู้ต้องหาและรถยนต์ของกลางที่ใช้ในการก่อเหตุ โดยขบวนการที่ 1-2 เหตุเกิดพื้นที่ อ.สังขละบุรี โดยก่อนเกิดเหตุชุดจับกุมได้ทำการสืบสวนทราบว่าจะมีกลุ่มบุคคลลักลอบขนย้ายแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายเดินทางออกจากหมู่บ้านบ่อญี่ปุ่น ประเทศเมียนมา ใกล้กับชายแดนไทย อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี จำนวนหลายคน โดยแบ่งกลุ่มเดินทางออกมากจำนวน 2 กลุ่มในเวลาติดๆกันเดินข้ามพรมแดนธรรมชาติ แล้วมาพักคอยที่พื้นที่เกษตรที่สูงหมู่บ้านซองกาเรีย ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จว.กาญจนบุรี
จากนั้นจึงได้วางแผนจับกุมโดยมีการบูรณาการกำลังปฏิบัติ แบ่งชุดเข้าไปซุ่มเฝ้าดูบริเวณดังกล่าวและแยกตั้งจุดสกัดกั้นตามเส้นทางที่คนร้ายอาจใช้ในการหลบเลี่ยง โดยได้พบว่าชุดแรกพบรถกระบะ ยี่ห้อฟอร์ด รุ่นเรนเจอร์ สีขาว เข้ามารับคนจำนวนส่วนใหญ่เหลือไว้ 2 คน แล้วจึงขับออกไป จึงได้แจ้งชุดปฏิบัติให้สกัดกั้นและสามารถจับได้ที่บริเวณ จุดตรวจอาเซียน ร้อย ตชด.134 หมู่ 8 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี มีนายบุญชู อายุ 30 ปี สัญชาติไทย เป็นผู้ขับรถ
ชุดที่สองพบรถกระบะ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้ สีดำ เข้ามารับคน 2 คนที่เหลือ จึงได้แจ้งให้มีการสกัดกั้นและสามารถจับได้ที่บริเวณจุดสกัดสะพานรันตี ต.หนองลู อ.สังขละบุรี มีนายชนน อายุ 20 ปี สัญชาติไทย ขับรถ การตรวจสอบพบว่าแรงงานทั้งหมดเป็นแรงงานที่ไม่เอกสารหนังสือเดินทาง และเดินทางผ่านช่องทางธรรมชาติ
เบื้องต้นแจ้งข้อกล่าวหา: นายบุญชูและนายชนน “ช่วยเหลือ ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใดๆ ให้บุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายพ้นจากการจับกุม” ส่วนคนต่างด้าวฐาน “เป็นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต”
ขบวนการที่ 3 เหตุเกิดพื้นที่ อ.เมืองกาญจนบุรี โดยก่อนเกิดเหตุชุดจับกุมได้ทำการสืบสวนทราบว่า จะมีการลักลอบขนย้ายแรงงานผ่านพื้นที่ ต.บ้านเก่า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี เป้าหมายเป็นรถเก๋งแบบแวน ยี่ห้อเชฟโลเร็ต รุ่นซาฟิร่า สีดำ เมื่อทราบแล้วได้วางแผนจับกุมโดยการดักซุ่มสังเกตเมื่อพบเป้าหมายจึงใช้รถยนต์ไฟฟ้าตรวจการอัจฉริยะเข้าตรวจสอบซึ่งได้ติดตามไล่ติดตามจนสามารถสกัดจับได้ที่จุดตรวจช่องเขาหนีบ ผลการตรวจสอบพบว่ามีนาย THANT อายุ 43 ปี สัญชาติเมียนมา เป็นผู้ขับรถ ภายในมีผู้นั่งโดยสารมาด้วย 9 คน ล้วนสัญชาติเมียนมาและไม่มีหนังสือเดินทาง
เบื้องต้นแจ้งข้อกล่าวหา นาย THANT “ช่วยเหลือ ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใดๆ ให้บุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายพ้นจากการจับกุม ” ส่วนคนต่างด้าว 9 คน “เป็นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต”
จากการสอบสวนขยายผลทราบว่าขบวนการที่ 1-2 มีความเกี่ยวโยงกันเป็นกลุ่มคนที่เดินทางจากหลายที่ในประเทศเมียนมาและมาพักยังจุดพักคอยที่หมู่บ้านบ่อญี่ปุ่น โดยนายบุญชูให้ข้อมูลว่ารับการติดต่อจากนายหน้าชาวเมียนมาซึ่งอาศัยอยู่ที่หมู่บ้านบ่อญี่ปุ่น ให้มารับคนไปส่งยังจุดนัดพบซึ่งจะมีการแจ้งอีกครั้งโดยรับค่าจ้างทำงานในครั้งนี้จำนวน 10,000 บาท แต่ถูกจับกุมก่อนจะถึงจุดนัดหมาย ส่วนนายชนน ผู้ต้องหาอีกคนให้ข้อมูลว่า ได้รับการติดต่อจากญาติซึ่งเป็นคนเมียนมา ให้ไปรับคนต่างด้าวไปส่งที่สมุทรสาครจะโดยจะได้รับค่าจ้างจำนวน 10,000 บาท
ส่วนแรงงานชาวพม่าทั้งหมดให้ข้อมูลเป็นไปในทางเดียวกันว่า ติดต่อกับทางญาติในประเทศไทยก่อน หลังจากนั้นจะเดินทางจากเมืองต่างๆในประเทศเมียนมา มายังหมู่บ้านบ่อญี่ปุ่น จากนั้นจะมีนายหน้าดำเนินการติดต่อหารถไปส่งยังจุดหมายจังหวัดสมุทรสาคร นครปฐม กรุงเทพฯ โดยค่าใช้จ่ายอยู่ที่หัวละ 20,000-30,000 บาท
ส่วนขบวนการที่ 3 นาย THANT ให้ข้อมูลว่ารับการติดต่อจากบุคคลหนึ่ง ให้ขับรถรับช่วงคนเมียนมาไม่มีหนังสือเดินทาง จำนวน 9 คน ไปส่งที่บริเวณใกล้ด้านพุร้อน โดยให้ค่าจ้างหัวละ 1,000 บาท ตนตัดสินใจรับงานนี้โดยไปรอรับที่จุดนัดพบ ถนนเลี่ยงเมืองกาญจนบุรี ซึ่งมีรถเข้ามาส่งคนให้กับนาย THANT จำนวน 2 ชุด จนกระทั้งรุ่งเช้าจึงได้ออกเดินทางและถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัว สอบถามคนต่างด้าวที่โดยสารมาด้วยให้ข้อมูลว่าลักลอบทำงานอยู่ อ.เมืองสมุทรสาคร แต่ช่วงนี้ได้รับผลกระทบโรงงานที่ตนเองลักลอบทำงานอยู่ปิดตัวเพราะติดโควิด ช่วงนี้ไม่มีงานทำจึงเดินทางกลับบ้านก่อน
ด้าน พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม./โฆษก สตม. , พ.ต.อ.ภัคพงศ์ สายอุบล รอง ผบก.ตม.1/รองโฆษก สตม. ร่วมกันเปิดเผยว่า การดำเนินการดังกล่าวเป็นไปตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม. ดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุกับคนไทยหรือชาวต่างชาติ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด
ทั้งนี้ สตม. จึงขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดต่างๆ รวมทั้งการดำเนินการตรวจสอบชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนหรือ ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศชาติ หากประชาชนท่านใดพบเบาะแสในการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือที่ www.immigration.go.th
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี