วันอังคาร ที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2568
กรมชลประทานสนองนโยบายรัฐขับเคลื่อน10 มาตรการเตรียมรับมือฝนตกหนักช่วงปลายฤดูตามคาดการณ์ เผยอ่างเก็บน้ำขนาดกลาง-ขนาดใหญ่ สามารถรับน้ำได้อีกกว่า 42,000 ล้านลบ.ม. พร้อมคุมเข้มแผนการบริหารจัดการน้ำในช่วงฤดูฝน หลังประสบผลสำเร็จในการช่วยเหลือเกษตรกรที่ประสบภาวะฝนทิ้งช่วง
นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า จากที่กรมอุตุนิยมวิทยาได้คาดการณ์ว่า ในช่วงฤดูฝนปีนี้ปริมาณฝนตกจะมากกว่าค่าปกติร้อยละ 5-10โดยตั้งแต่กลางเดือนกรกฎาคมถึงกันยายน 2564 ฝนตกชุกหนาแน่นประมาณร้อยละ 60-80 ของพื้นที่ และจะมีฝนหนักในหลายพื้นที่ ซึ่งจะก่อให้เกิดสภาวะน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่งได้นั้น กรมชลประทานได้เตรียมความพร้อมโดยนำ 10 มาตรการในการรับมือฤดูฝนของรัฐบาลมาปฏิบัติในเชิงป้องกันก่อนเกิดภัย ไม่ว่าจะเป็นมาตรการคาดการณ์พื้นที่เสี่ยงอุทกภัย ได้มีการประเมินและเตรียมความพร้อมเรียบร้อยแล้ว รวมทั้งการบริหารจัดการพื้นที่ลุ่มเพื่อรองรับน้ำหลาก ซึ่งได้มีการวางแผนไว้ทุกลุ่มน้ำแล้วเช่นกัน โดยเฉพาะในลุ่มเจ้าพระยา กรมชลประทานจะใช้ทุ่งบางระกำ และ 12 ทุ่งของลุ่มเจ้าพระยาในการรองรับน้ำหลาก
นอกจากนี้ ยังได้ทบทวนปรับปรุงเกณฑ์บริหารจัดการน้ำในแหล่งน้ำขนาดใหญ่-กลางและเขื่อนระบายน้ำให้เหมาะสมสอดคล้องกับสถานการณ์ พร้อมทั้งได้ติดตามสถานการณ์น้ำในแหล่งน้ำขนาดใหญ่ - กลาง ซึ่งขณะนี้อ่างเก็บน้ำขนาดกลางและขนาดใหญ่มีปริมาณน้ำรวม 33,644 ล้านลูกบาศก์เมตร(ลบ.ม.) หรือ ร้อยละ44 ของปริมาณการกักเก็บ โดยเป็นปริมาณน้ำที่ใช้งานได้ 9,714 ล้านลบ.ม. หรือ ร้อยละ 19ของปริมาณการกักเก็บ สามารถรับรองน้ำได้อีกมีมากกว่า 42,423 ล้านลบ.ม.
รวมทั้งยังได้ซ่อมแซมปรับปรุงอาคารชลศาสตร์ ระบบระบายน้ำ สถานีโทรมาตรให้พร้อมใช้งาน ตลอดจนได้ปรับปรุง แก้ไข กำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำพร้อมทั้งได้ขุดลอกคูคลอง กำจัดผักตบชวา-วัชพืชในแม่น้ำและคูคลอง โดยร่วมบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้เพื่อเพิ่มพื้นที่รับน้ำและช่วยให้ระบายน้ำมีประสิทธิภาพมากขึ้น อีกทั้งยังได้เตรียมเครื่องจักรเครื่องมือและบุคลากร โดยเฉพาะเครื่องสูบน้ำเคลื่อนที่ได้จัดเตรียมไว้ทั่วประเทศแล้วกว่า2,138 เครื่อง พร้อมที่จะช่วยเหลือได้ตลอด 24 ชั่วโมง
“กรมชลประทานยังได้ดำเนินมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำและปรับปรุงวิธีการส่งน้ำ ตลอดจนวางแผนการจัดสรรน้ำให้สอดคล้องกับปริมาณน้ำต้นทุน พร้อมทั้งได้สร้างการรับรู้และประชาสัมพันธ์สถานการณ์น้ำให้ประชาชนได้รับทราบอย่างต่อเนื่องและยังได้ติดตามประเมินผล เพื่อปรับมาตรการให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบันอีกด้วย” นายประพิศกล่าว
อธิบดีกรมชลประทานกล่าวด้วยว่า ในช่วงต้นฤดูฝนที่ผ่านมาเกิดภาวะฝนทิ้งช่วง ประกอบกับปริมาณน้ำต้นทุนในอ่างเก็บน้ำต่างๆอยู่ในเกณฑ์น้อย แต่เกษตรกรส่วนหนึ่งโดยเฉพาะในลุ่มเจ้าพระยา 22 จังหวัดได้ทำการเพาะปลูกข้าวนาปีไปแล้ว มีความเสี่ยงที่ข้าวจะได้รับความเสียหาย กรมชลประทานวางแผนบริหารจัดการน้ำช่วยเหลือเป็นกรณีพิเศษด้วยการจัดสรรน้ำตามรอบเวรให้กับเกษตรกร พร้อมทั้งประสานความขอความร่วมมือจากเกษตรกร ที่ยังไม่ได้มีการเพาะปลูกข้าวนาปีให้ชะลอออกไปก่อ จนกว่าฝนจะตกอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งประสบผลสำเร็จทำให้ข้าวนาปีไม่ได้รับความเสียหาย
“กรมชลประทาน ได้บริหารจัดการน้ำตามแผนที่วางไว้อย่างเคร่งครัด และให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด โดยให้ความสำคัญในการจัดสรรน้ำทั้งเพื่อการอุปโภค-บริโภค การรักษาระบบนิเวศ การเกษตร และอุตสาหกรรม ทั้งนี้ ในช่วงฤดูฝนปี 2564 ได้ประเมินว่าจะความต้องการใช้น้ำทั้งประเทศประมาณ 32,339 ล้าน ลบ.ม. จะจัดสรรเพื่อเพื่อการอุปโภค-บริโภค 2,686 ล้าน ลบ.ม.การเกษตร 21,827 ล้านลบ.ม. อุตสาหกรรม 460 ล้าน ลบ.ม.รักษาระบบนิเวศและอื่นๆ 7,366 ล้าน ลบ.ม. ซึ่งขณะนี้การจัดสรรน้ำเป็นไปตามแผนที่วาง โดยได้จัดสรรไปแล้ว 7,320 ล้านลบ.ม. คิดเป็น ร้อยละ 23 ของแผนจัดสรรน้ำ” อธิบดีกรมชลประทานกล่าวในตอนท้าย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี