กรมควบคุมโรคเผยผลโพลประชาชนใน กทม.79% เห็นด้วยควรรับวัคซีน ส่วนใหญ่มีความเครียดกลัวติดเชื้อโควิด-19
เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2564 นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า กรมควบคุมโรค ได้สำรวจความคิดเห็นของประชาชนผ่านดีดีซีโพล (DDC Poll) เรื่อง "วัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 ในพื้นที่กรุงเทพฯ" จากกลุ่มตัวอย่าง 1,500 คน ช่วงอายุตั้งแต่ 15 - 60 ปีขึ้นไป จาก 50 เขตในจังหวัดกรุงเทพฯ วันที่ 24 - 25 กรกฎาคม 2564 พบว่าร้อยละ 79 เห็นควรเข้ารับวัคซีน ส่วนใหญ่มีความเครียดกลัวติดเชื้อโควิด-19 ไม่มั่นใจในประสิทธิผลวัคซีน
โดยผู้ตอบแบบสำรวจ ร้อยละ 76.5 ได้รับวัคซีนโควิด-19 แล้ว โดยเป็นวัคซีน 1 เข็ม ร้อยละ 44 , ครบ 2 เข็ม ร้อยละ 32.3 และเข็มที่ 3 ร้อยละ 0.3 โดยเป็นผู้ที่ได้รับวัคซีน AstraZeneca คิดเป็น 47.3 เปอร์เซนต์ , Sinovac 28.3 เปอร์เซนต์ และอีก 1 เปอร์เซนต์ เป็น Sinopharm เข้าถึงบริการฉีดวัคซีนด้วยช่องทาง ดังนี้ ประกันสังคม/โควตา หน่วยงาน ร้อยละ 32.1 , หมอพร้อม ร้อยละ 19.5 และไทยร่วมใจ ร้อยละ 11.4 ซึ่งกว่าครึ่งของการสำรวจ จำนวน 59.1 เปอร์เซนต์ ได้ตอบว่าเข้าถึงระบบการจองยาก และอีกส่วนหนึ่งจำนวน 22 เปอร์เซนต์ ยังไม่ได้ลองเข้าไปทำการจอง
เมื่อถามถึงชนิดวัคซีนที่คนกรุงเทพฯ ต้องการมากที่สุด 46.3 เปอร์เซนต์ คือ Pfizer อันดับสอง Moderna 27.5 เปอร์เซนต์ และ Johnson & Johnson 9.3 เปอร์เซนต์ มีผู้ตอบว่ายี่ห้ออะไรก็ได้ขอให้ได้ฉีดในสถานการณ์ที่มีคนติดเชื้อปริมาณมาก 2.8 เปอร์เซนต์
กลุ่มผู้ตอบ ร้อยละ 79 เห็นว่า ควรไปฉีดวัคซีนโควิด-19 เนื่องจาก 1) เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้ตัวเอง 2) กลัวการติดเชื้อและผลข้างเคียงที่เกิดจากการเจ็บป่วย 3) จะได้ใช้ชีวิตปกติ 4) กลัวรัฐบาลไม่ให้ความช่วยเหลือ 5) ไม่มีทางเลือก 6) ลงทะเบียนจองโดยโอนเงินจองไปแล้ว อีก 21 เปอร์เซนต์ ที่ไม่อยากไปฉีดสาเหตุจาก 1.กลัวผลข้างเคียงของวัคซีนที่มีอยู่ 2.อยากฉีดวัคซีนทางเลือกที่มีประสิทธิภาพแต่ยังไม่เข้ามาในไทย
จากสถานการณ์ที่มีการระบาดในปัจจุบัน มาตรการใดที่เป็นมาตรการสำคัญที่ทำให้ควบคุมการระบาดได้ ผู้ตอบเห็นว่า 55.93 เปอร์เซนต์ มาตรการทางกฎหมายร่วมกับมาตรการวัคซีน 44.53 เปอร์เซนต์ คิดว่ามาตรการส่วนบุคคลร่วมกับ มาตรการฉีดวัคซีน 31.53 เปอร์เซนต์ คิดว่ามาตรการส่วนบุคคลร่วมกับ มาตรการทางกฎหมาย และ 1 ใน 3 ของผู้ตอบแบบสำรวจ คิดว่าต้องใช้ทุกมาตรการร่วมกัน ในส่วนของความวิตกกังวลในสถานการณ์ การระบาดระลอกใหม่นี้ ผู้ตอบแบบสอบถามกว่า 80 เปอร์เซนต์ มีความวิตกกังวลมาก โดยสาเหตุ คือ กลัวติดเชื้อโควิด 19 เรื่องปัญหารายได้ลดลงและขาดรายได้ ด้านการเรียนไม่ต่อเนื่อง และกังวลเรื่องผลข้างเคียงของวัคซีน/ได้รับวัคซีนที่ไม่มีประสิทธิภาพ
นายแพทย์โอภาส กล่าวเพิ่มเติมว่า จากจำนวนกลุ่มตัวอย่างที่ตอบแบบสอบถาม ซึ่งกลึ่มดังกล่าวมีผู้สูงอายุอาศัยอยู่ในครอบครัวด้วย คิดเป็น 65.7 เปอร์เซนต์ ซึ่งผู้สูงอายุกลุ่มนี้ได้รับวัคซีนแล้ว คิดเป็น 79.92 เปอร์เซนต์ ซึ่งยังต้องเร่งฉีดวัคซีนให้แก่กลุ่มผู้สูงอายุให้ครอบคลุมถึง 80 เปอร์เซนต์ ต่อไป จากความร่วมมือระหว่างกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กับกรุงเทพมหานคร ในการสนับสนุนวัคซีน โดยผ่านคณะอนุกรรมการการบริหารจัดการ การให้วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 โดยจัดสรรให้มีการกระจายผ่านสำนักอนามัยไปยังพื้นที่ต่างๆ ในจังหวัดกรุงเทพฯ นั้น มีการฉีดสะสม ตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ. - 28 ก.ค.64 จำนวน 5,533,406 โดส เป็นการฉีดเข็มที่ 1 จำนวน 4,643,227 โดส คิดเป็น 60.31เปอร์เซนต์ เข็มที่ 2 จำนวน 1,025,493 โดส คิดเป็น 13.32 เปอร์เซนต์ (ประชากรกรุงเทพฯ 7,699,174 คน) ซึ่งความครอบคลุมในการฉีดวัคซีนโควิด-19 ในพื้นที่กรุงเทพฯ นั้นเป็นไปตามแผนการบริหารการให้วัคซีนที่ทาง ศบค.ได้กำหนดไว้ และสอดคล้องกับผลการสำรวจความคิดเห็นของ DDC Poll ที่เห็นว่าประชาชนส่วนใหญ่ต้องการเข้ารับบริการฉีดวัคซีน โดยเฉพาะกลุ่ม 607 คือ ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ผู้ป่วย 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง ผู้มีโรคอ้วนและหญิงตั้งครรภ์ 12 สัปดาห์ขึ้นไป ได้เข้ารับบริการฉีดวัคซีนเพื่อลดอาการรุนแรง ลดการเสียชีวิต
ทั้งนี้ ขอเน้นย้ำมาตรการป้องกันตนเอง สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่หรือทำความสะอาดด้วยเจลแอลกอฮอล์ เว้นระยะห่างระหว่างบุคคล ยึดหลักมาตรการห้ามเคลื่อนย้ายในพื้นที่สีแดงเข้ม สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี