‘หมอธีระ’ชี้ไม่ใช่เวลาผสมสูตรเครื่องดื่ม ควรฉีด‘ไฟเซอร์’ครบ2โดส ไม่ใช่แค่บูสต์เข็ม3

‘หมอธีระ’ชี้ไม่ใช่เวลาผสมสูตรเครื่องดื่ม ควรฉีด‘ไฟเซอร์’ครบ2โดส ไม่ใช่แค่บูสต์เข็ม3

วันอาทิตย์ ที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2564, 08.37 น.

‘หมอธีระ’ชี้ไม่ใช่เวลาผสมสูตรเครื่องดื่ม ควรฉีด‘ไฟเซอร์’ครบ2โดส ไม่ใช่แค่บูสต์เข็ม3

1 สิงหาคม 2564 รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Thira Woratanarat เกี่ยวกับสถานการณ์การปพร่ระบาดของโควิด-19 มีเนื้อหาดังนี้...


วัคซีน Pfizer ฉีดแบบ 2 เข็มให้ครบนั้นถือเป็นมาตรฐานที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีสรรพคุณในด้านการป้องกัน และเป็นที่ยอมรับระดับสากล

กลุ่มประเทศยุโรปหลายประเทศประสบปัญหาการฉีดวัคซีน Astra แล้วมีเคสลิ่มเลือดอุดตันในสมองโดยเฉพาะอย่างยิ่งในคนอายุน้อย จึงมีการหาวัคซีนมาแทน โดยหันมาใช้วัคซีน mRNA อย่าง Pfizer มาเป็นเข็มสอง เราจึงเห็นการใช้ Astra-Pfizer และมีการศึกษาตรวจระดับภูมิคุ้มกันและผลด้านการป้องกันตามมา

ดังนั้นจึงสมควรพิจารณาที่จะใช้วัคซีนที่ได้รับบริจาคมาโดยอิงตามหลักฐานเชิงประจักษ์ ที่มีทั้งเรื่องภูมิคุ้มกัน และประสิทธิผลในการป้องกัน

"ควรให้ Pfizer 2 เข็มเป็นมาตรฐานให้ครบโดส ไม่ใช่แค่บูสต์เข็มสาม"

สำหรับคนที่อายุน้อยกว่า 60 ปีที่ได้ Astra ไปเข็มแรก ควรให้ Pfizer เป็นเข็มสอง

ส่วนคนอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป ใช้ Astra 2 เข็ม ยกเว้นกรณีแพ้ ก็ให้ Pfizer

คนที่เคยฉีดวัคซีนอื่นมา หรือยังไม่เคยได้รับวัคซีน หากเป็นด่านหน้า ก็ควรใช้เกณฑ์เดียวกันกับที่ระบุข้างต้น

วัคซีนในยามวิกฤตินั้นต้องใช้ความรู้เชิงประจักษ์ หลีกเลี่ยงความเสี่ยง ลดความผิดพลาด

ไม่ใช่เวลามาผสมสูตรเครื่องดื่ม ชงเอง แต่ให้ทุกคนชิม แล้วรับความเสี่ยงไปว่าจะได้ผลอย่างไรในยามวิกฤติ

ที่สำคัญคือควรมีการตรวจสอบเรื่อง conflict of interest ของกลุ่มคนที่ไปให้ input เชิงวิชาการ และอยู่ในกระบวนการตัดสินใจเชิงนโยบาย เกี่ยวข้องกับการจัดสรร และกำหนดเกณฑ์ต่างๆ ในการใช้

ไม่สมควรนำวัคซีนที่บริจาคมาไปใช้วิจัย เพราะนี่คือยามวิกฤติ ที่ต้องการนำอาวุธไปใช้ทันที

 

+++++++++++++

รศ.นพ.ธีระ ยังโพสต์ต่อเนื่องอีกด้วยว่า...

สถานการณ์ทั่วโลก 1 สิงหาคม 2564...

เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่ม 525,539 คน รวมแล้วตอนนี้ 198,498,019 คน ตายเพิ่มอีก 8,564 คน ยอดตายรวม 4,232,083 คน

5 อันดับแรกที่มีจำนวนติดเชื้อต่อวันสูงสุดคือ อเมริกา อินเดีย บราซิล อินโดนีเซีย และสหราชอาณาจักร

อเมริกา เมื่อวานติดเชื้อเพิ่ม 50,018 คน รวม 35,743,144 คน ตายเพิ่ม 236 คน ยอดเสียชีวิตรวม 629,310 คน อัตราตาย 1.8%

อินเดีย ติดเพิ่ม 41,790 คน รวม 31,654,584 คน ตายเพิ่ม 542 คน ยอดเสียชีวิตรวม 424,384 คน อัตราตาย 1.3%

บราซิล ติดเพิ่ม 37,582 คน รวม 19,917,855 คน ตายเพิ่ม 925 คน ยอดเสียชีวิตรวม 556,437 คน อัตราตาย 2.8%

รัสเซีย ติดเพิ่ม 23,807 คน รวม 6,265,873 คน ตายเพิ่ม 792 คน ยอดเสียชีวิตรวม 158,563 คน อัตราตาย 2.5%

ฝรั่งเศส ติดเพิ่ม 23,471 คน ยอดรวม 6,127,019 คน ตายเพิ่ม 43 คน ยอดเสียชีวิตรวม 111,867 คน อัตราตาย 1.8%

อันดับ 6-10 เป็น สหราชอาณาจักร ตุรกี อาร์เจนติน่า โคลอมเบีย และสเปน ติดกันหลักพันถึงหลายหมื่น

แถบอเมริกาใต้ ยุโรป แอฟริกา เอเชีย หลายต่อหลายประเทศติดกันเพิ่มหลักพันถึงหลักหมื่น

หากรวมทวีปเอเชีย ยุโรป และอเมริกาเหนือ พบว่าสัดส่วนยังคงสูงถึงร้อยละ 82% ของจำนวนติดเชื้อใหม่ทั้งหมดต่อวัน

ญี่ปุ่นนั้นทะลุหมื่นอย่างต่อเนื่อง (10,744 คน)

เกาหลีใต้ ฟิลิปปินส์ เมียนมา เวียดนาม ล้วนติดหลักพันอย่างต่อเนื่อง

แถบสแกนดิเนเวีย บอลติก และยูเรเชีย ก็มีการติดเชื้อเพิ่มขึ้นหลักร้อยถึงหลักพัน

แถบตะวันออกกลางส่วนใหญ่ยังติดเพิ่มหลักร้อยถึงหลักพัน ยกเว้นอิหร่านและอิรักที่ติดกันหลักหมื่นอย่างต่อเนื่อง

กัมพูชา ลาว สิงคโปร์ และออสเตรเลีย ติดเพิ่มหลักร้อย ส่วนจีน และไต้หวัน ติดเพิ่มหลักสิบ

...สถานการณ์ของไทยเรานั้น ขอให้ศบค.โปรดไตร่ตรองให้ดีเกี่ยวกับการนำวัคซีน Pfizer ที่ได้รับบริจาคมาจากอเมริกาไปใช้ให้เกิด"ประโยชน์สูงสุด"ต่อสังคมไทย

เรื่องนี้สำคัญมาก เพราะต้องถามตัวเองว่าตอนนี้อะไรสำคัญที่สุด?

อาวุธที่ได้มานี้ถือเป็นอาวุธที่ได้รับการยอมรับระดับสากลว่ามีประสิทธิภาพที่สูงและปลอดภัย ทั่วโลกล้วนอยากได้

เมื่อได้มา โดยมีปริมาณจำกัด จึงต้องใช้ให้คุ้มค่าเพื่อแก้ปัญหาวิกฤติ

ขณะนี้วิกฤติเกิดจากระบาดหนักมากยาวนาน จนทำให้ระบบสาธารณสุขของประเทศรับมือไม่ไหว

1. บุคลากรด่านหน้าทั้งหลายล้วนติดเชื้อกันมากขึ้นเรื่อยๆ เสียชีวิตกันไปเรื่อยๆ และส่งผลให้ต้องปิดแผนกต่างๆ ในโรงพยาบาลกันเป็นทิวแถว ทำให้ยิ่งไม่สามารถดูแลผู้ป่วยที่รอรับการดูแลรักษาได้ เป็นผลกระทบแบบโดมิโน่ "เสียหนึ่งคนหรือหนึ่งทีม ส่งผลต่อหลายสิบ หลายร้อย หรือหลายพันชีวิต" ที่ถือว่าเป็นปัญหาสำคัญอันดับแรกสุด และสำคัญที่สุดของประเทศ การใช้วัคซีนที่ได้มา ก็จะช่วยคนได้จำนวนมาก เปรียบเหมือนยิงปืนครั้งเดียวได้นกหลายตัว

2. คนเสียชีวิตมากขึ้น มาจากสองสาเหตุหลักคือ ระบบบริการทางการแพทย์ดูแลได้ไม่ทั่วถึง ไม่เพียงพอ ไม่ทันเวลา และผู้ป่วยมีปัจจัยเสี่ยง เช่น สูงอายุ อ้วน หรือมีโรคประจำตัวที่ส่งผลให้เกิดอาการรุนแรง ปัญหาที่สองนี้สำคัญรองลงมา เพราะเป็นระดับบุคคล หากส่งผลกระทบก็ส่งผลกระทบต่อสมาชิกในครอบครัวจากการสูญเสียคนที่รัก ถ้าป้องกันได้โดยใช้วัคซีนที่ดี ก็จะช่วยให้เกิดประโยชน์ทั้งต่อตัวเค้าและครอบครัว

ส่วนเรื่องอื่นๆ แม้จะมองว่ามีความสำคัญ เช่น วิจัยหาสูตรต่างๆ ในการฉีดวัคซีน รวมถึงการจะนำวัคซีนไปให้บุคคลบางประเภทที่ต้องเดินทางไปต่างประเทศด้วยเหตุผลต่างๆ และกันเผื่อไว้สำหรับส่วนกลางในการจัดการการระบาดเฉพาะที่นั้น หากพิจารณาให้ดี จะพบว่าเหตุผลต่างๆ ดังกล่าวนั้นยังไม่น่าจะมีน้ำหนักความสำคัญเพียงพอที่จะแบ่งโควต้ามาใช้ในยามวิกฤติเช่นนี้

ขอเรียนย้ำให้พิจารณาอีกครั้ง

ใช้อาวุธป้องกันที่ได้มานี้อย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ

ใช้อาวุธป้องกันที่ได้มานี้ให้แก่กลุ่มเป้าหมายที่ถูกต้อง ตามที่วิเคราะห์ไว้ข้างต้น เพราะตอนนี้ประเทศเรากำลังตกอยู่ในสถานการณ์ระบาดที่รุนแรง

อะไรที่ไม่ตอบโจทย์วิกฤติ ไม่ควรเอามาปนเวลานี้

ยามที่ทรัพยากรจำกัด ไม่สามารถทำให้ฝนตกทั่วฟ้าได้ ควรให้ฝนไปตกอยู่ในที่ที่จำเป็นอย่างยิ่งยวด

และถึงเวลาที่ควรทบทวนกลไกนโยบาย และวิชาการ ว่าองค์ประกอบต่างๆ ที่มีอยู่นั้น จะปรับอย่างไรให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น 

ขอให้เรามีกำลังใจ ฝ่าฝัน อยู่รอดปลอดภัยไปด้วยกัน

ด้วยรักและห่วงใย

สวัสดีวันอาทิตย์ครับ

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top