กลุ่มอนุรักษ์ป่าชุมชนเขาเหล่าใหญ่-ผาจันได จ.หนองบัวลำภู จัดกิจกรรม “Planting a protest หยิบต้นกล้ามาต่อต้าน Mob lll Tree ปลูกป่าเพื่อฟื้นฟูเหมืองหินดงมะไฟในพื้นที่” โดยเป็นกิจกรรมในรูปแบบออนไลน์ เมื่อวันที่ 31 ก.ค. 2564 ที่ผ่านมาซึ่ง น.ส.มนีนุด อุทัยเรือง ตัวแทนกลุ่มอนุรักษ์ป่าชุมชนเขาเหล่าใหญ่-ผาจันไดเปิดเผยว่า ชาวบ้านในพื้นที่ต่อสู้กันมานานถึง27 ปี หลายคนถูกข่มขู่คุกคาม และมีผู้ถูกลอบสังหารไปแล้ว 4 ราย
ซึ่งการต่อสู้ผ่าน 3 ข้อเรียกร้องคือ 1.ปิดเมืองหินและโรงโม่ 2.ฟื้นฟูภูผาป่าไม้ และ 3.พัฒนาดงมะไฟเป็นแหล่งท่องเที่ยวกำลังใกล้ความเป็นจริงแล้ว โดยหลังจากที่ชาวบ้านได้รับชัยชนะก้าวแรกที่จากการเข้าปิดเหมืองหินได้แล้ว จึงเข้ามาสู่ขั้นตอนของการฟื้นฟูภูผาป่าไม้และพัฒนาดงมะไฟเป็นแหล่งท่องเที่ยว ทางกลุ่มจึงได้เปิดระดมทุนเพื่อจัดหาต้นกล้าในการปลูกเพื่อฟื้นฟูป่า เพื่อทำให้ข้อเรียกร้องที่เหลืออีก 2 ข้อเกิดขึ้นได้จริงอย่างเป็นรูปธรรม
และขณะนี้กลุ่มได้ปิดระดมทุนและได้ต้นกล้าที่เพียงพอต่อการปลูกเพื่อฟื้นฟูป่าแล้ว โดยหลังจากกิจกรรมปลูกต้นไม้เสร็จสิ้นแล้วทางกลุ่มก็จะยังคงปักหลักชุมนุมอยู่ที่ตรงบริเวณทางเข้า-ออกเหมืองหินเหมือนเดิม และจะดูแลต้นไม้ทุกต้นที่ได้ทำการปลูก เพื่อให้ต้นไม้เหล่านั้นเติบโตมาขึ้นมาอย่างงดงาม กลายเป็นป่าที่จะเป็นแหล่งอาหารของชาวบ้านและจะพัฒนาให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวอีกต่อไปด้วย
“ที่ผ่านมาได้ปลูกป่าไปแล้ว 3 ครั้ง ครั้งนี้จะเป็นครั้งที่ 4 ที่เราจะปลูกต้นไม้ฟื้นฟูพื้นที่เหมืองให้ครอบคลุมมากขึ้นเพื่อเปลี่ยนเหมืองให้กลายเป็นป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์ดังเดิม โดยกิจกรรมของเราเริ่มตั้งแต่เวลา 08.00 น. นำกล้าไม้ทั้งหมดขึ้นหลังรถอีแต๋น และเดินทางเข้าไปยังพื้นที่จุดปลูกพร้อมกันทั้งหมด และขุดหลุมปลูกต้นไม้ทั้งหมด 1,000 ต้น ประกอบด้วย ต้นยางนาต้นตะแบก ต้นราชพฤกษ์ ต้นสะเดาต้นทองอุไร ต้นจามจุรีและต้นขี้เหล็ก ซึ่งแต่ละต้นก็มีประชาชนและภาคีเครือข่ายของเราเข้าร่วมจับจองในการปลูกเป็นจำนวนมาก” น.ส.มนีนุด กล่าว
กิจกรรมครั้งนี้ยังมี อดีตกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) 2 ท่าน เข้าร่วมด้วย คือ นางอังคณา นีละไพจิตร และนพ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ โดยนางอังคณา กล่าวว่า ตนขอร่วมปลูกต้นสะเดา และต้นราชพฤกษ์ที่ชาวบ้านเรียกว่า “ต้นคูณ” เพื่อเป็นร่มไม้ใหญ่ซึ่งเป็นร่มเงาแก่ผู้ผ่านไปมา ดอก ผล ใบ และเมล็ดของไม้เหล่านี้ยังเป็นประโยชน์แก่ชาวบ้านทั้งเป็นอาหารที่มีสรรพคุณทางยา เป็นความร่มรื่นสวยงาม และคืนความอุดมสมบูรณ์แก่แผ่นดินเขาเหล่าใหญ่-ผาจันไดอีกครั้ง
“ในช่วงเวลายาวนานของการต่อสู้ ชาวบ้านต้องพบกับความสูญเสียมาตลอด หลายชีวิตที่ถูกฆ่าซึ่งยังไม่สามารถนำคนผิดมาลงโทษได้ ในปีนี้ เพื่อคืนความอุดมสมบูรณ์ให้ระบบนิเวศ และเพื่อคืนป่าให้ประชาชน ชาวบ้านจึงร่วมใจกันปลูกป่าเพื่อคืนความชุ่มชื้นให้แผ่นดิน และถือเป็นส่วนหนึ่งของการเยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้น ชาวบ้านทุกคนหวังว่าผืนแผ่นดินที่หวงแหนนี้จะกลับคืนมาเป็นของชาวบ้านอีกครั้ง พร้อมกับความอุดมสมบูรณ์ ความมั่นคงทางอาหาร การมีน้ำดื่มที่สะอาด และอากาศที่บริสุทธิ์สำหรับทุกคนต่อไป”นางอังคณา กล่าว
ส่วน นพ.นิรันดร์ กล่าวว่า ตนได้เลือกปลูกต้นยางนาและหวังว่าต้นยางนาต้นนี้จะเติบโตงดงามหล่อเลี้ยงชาวบ้านจากกลุ่มอนุรักษ์ป่าชุมชนเขาเหล่าใหญ่-ผาจันไดต่อไปโดยการปลูกป่าในครั้งนี้จะเป็นก้าวสำคัญที่ชาวบ้านจะสามารถช่วงชิงผืนแผ่นดินที่เป็นทุนชีวิตและเป็นทุนทางสังคมของพวกเขากลับคืนมาและการต่อสู้ที่ยาวนานเกือบ 3 ทศวรรษเพียงพอที่จะทำให้ภาครัฐได้เห็นว่าชาวบ้านรักและหวงแหนผืนแผ่นดินแห่งนี้ ที่ไม่ใช่เป็นแค่ผืนที่ดินหรือป่าไม้ แต่เป็นทุนในชีวิตของชาวบ้านทุกคนรวมไปถึงลูกหลาน ที่จะได้ใช้ประโยชน์และทำมาหากินสืบไป
ทั้งนี้ ตนอยากให้หน่วยงานของรัฐและเอกชนได้เข้าใจว่า ชาวบ้านเองสามารถที่จะหาอยู่หากินบนพื้นฐานของการทำมาหากินบนการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ของตนเองได้ ชาวบ้านไม่ได้ตกอยู่ในวังวนของความโง่ จน เจ็บ แต่เป็นเพราะถูกทำลายโอกาส ถูกทำให้เข้าไม่ถึงในเรื่องของการจัดการทรัพยากร และชาวบ้านก็ไม่ได้ต้องการที่จะหวังพึ่งรัฐหรือคนใจบุญสุนทาน แต่ต้องการให้รัฐเข้ามาปกป้องสิทธิในการใช้ประโยชน์และการบริหารจัดการทรัพยากร ที่เป็นสิทธิชุมชน
นพ.นิรันดร์ กล่าวต่อไปว่า ข้าราชการและนักการเมืองได้ผลประโยชน์จากภาษีอากรเป็นเงินเดือนอยู่แล้วในการดำรงชีพ ดังนั้นขอให้รู้ว่าเงินเดือนหรือทรัพย์สินต่างๆ ที่มีอยู่นั้นก็ได้มาจากประชาชน ดังนั้นท่านจึงมีหน้าที่ในการที่จะต้องช่วยกันปกป้องทรัพยากรเหล่านี้ให้ชาวบ้านต่อไป ในส่วนของเอกชนนั้นไม่ได้ปฏิเสธหรือหวงห้ามไม่ให้เข้ามาพัฒนาในแนวคิดของเขา แต่เอกชนในปัจจุบันก็ต้องยึดหลักของธุรกิจกับสิทธิมนุษยชนนั่นหมายความว่าต้องดำเนินการในเรื่องของการศึกษาวิเคราะห์ผลกระทบ และจะต้องรับผิดชอบในการฟื้นฟูหากมีการเสียหายเกิดขึ้น
“สิ่งเหล่านี้หมายความว่ารัฐและเอกชนก็ต้องปฏิบัติตามหลักนิติรัฐนิติธรรมเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมในเรื่องของการจัดการ ดังนั้นรัฐหรือเอกชนก็ต้องมีเจตจำนงร่วมกันในเรื่องของการที่จะมาช่วยในการฟื้นฟูและจัดการทรัพยากรตามหน้าที่ของตนเอง รัฐก็มีหน้าที่ต้องปกป้องประชาชน เอกชนก็ต้องยอมรับหลักของการปกครองตามกฎหมายและความเป็นธรรมทางสังคม ไม่อย่างนั้นแล้วท่านก็จะถูกก่นด่าและถูกพิพากษาว่าท่านเป็นคนที่ทำลายผืนแผ่นดินนี้ที่เป็นอนาคตของชาวบ้านและลูกหลานของเขาที่จะได้ประโยชน์ในผืนแผ่นดินแห่งนี้” นพ.นิรันดร์ กล่าว
สำหรับพื้นที่ดงมะไฟนั้น จ.หนองบัวลำภู นั้นเป็นเวลากว่า 27 ปี แล้วที่นักปกป้องสิทธิมนุษยชนด้านที่ดินและสิ่งแวดล้อมกลุ่มอนุรักษ์ป่าชุมชนเขาเหล่าใหญ่-ผาจันได ยืนหยัดต่อสู้คัดค้านการทำเหมืองแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูน (เพื่ออุตสาหกรรมก่อสร้าง) และโรงโม่หิน เพราะชาวบ้านในพื้นที่ได้รับผลกระทบด้านสุขภาพ จนเมื่อวันที่ 13 ส.ค. 2563 ชาวบ้านได้ปักหลักชุมนุมปิดบริเวณทางเข้า-ออกเหมืองหินและโรงโม่ พร้อมเรียกร้องให้ปิดเหมืองหินและโรงโม่ ฟื้นฟูภูผาป่าไม้ และพัฒนาดงมะไฟเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศวัฒนธรรมและอารยธรรมโบราณคดี
ต่อมาในวันที่ 4 ก.ย. 2563 กลุ่มอนุรักษ์ป่าชุมชนเขาเหล่าใหญ่-ผาจันไดจัดกิจกรรม ทวงคืนภูผาป่าไม้ เปลี่ยนเขตเหมืองหินให้เป็นเขตป่าชุมชน หลังใบอนุญาตเข้าทำประโยชน์ หรืออยู่อาศัยในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าเก่ากลอยและป่านากลางหมดอายุลง สุดท้ายก้าวแรกของวันที่รอคอยก็มาถึง ในวันที่ 25 ก.ย. 2563 ก็ได้จัดกิจกรรม 26 ปี การต่อสู้ สู่ชัยชนะ “เปลี่ยนโรงโม่หินเป็นป่าชุมชน หยุดเหมืองหินถาวร เนื่องจากใบประทานบัตรเพื่อทำเหมืองหินหมดอายุลง นับว่าเป็นการปิดเหมืองหินและโรงโม่ได้สำเร็จตามข้อเรียกร้องที่ 1
และกำลังก้าวเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูภูผาป่าไม้ตามข้อเรียกร้องที่ 2 ที่ได้ทำการร่วมกันปลูกป่าเพื่อฟื้นฟูภูผาป่าไม้รอบบริเวณเหมืองหินในขณะนี้ และปัจจุบันชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์ฯ ยังคงปักหลักชุมนุมปิดทางเข้า-ออกเหมืองหินและโรงโม่อย่างต่อเนื่อง!!!
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี