รมว.ยุติธรรม ถกศาล-อัยการ-ตำรวจ- ราชทัณฑ์ เตรียมความพร้อมปล่อยตัวผู้กระทำผิดคดีพืชกระท่อม เร่งทำระเบียบให้เสร็จก่อนกฎหมายผลบังคับใช้ ยันต้มผสมดัดแปลง 4x100 อดได้สิทธิประโยชน์จากพ.ร.บ.ฯ
วันที่ 16 สิงหาคม 2564 ที่กระทรวงยุติธรรม นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระ ทรวงยุติธรรม เป็นประธานการประชุมเพื่อพิจารณาความพร้อมและแนวทางการปฏิบัติของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการปล่อยตัวผู้กระทำผิดและผู้ต้องขังคดีความผิดเกี่ยวกับพืชกระท่อม ผ่านระบบวีดีโอคอนเฟอเรนซ์ ร่วมกับนายอุทัย สินมา อธิบดีอัยการสำนักงานคดียาเสพติด นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด( ป.ป.ส.) นายปกรณ์ ยิ่งวรการ ผู้แทนสำนักงานศาลยุติธรรม พล.ต.ต. มนตรี ยิ้มแย้ม ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ตัวแทนจากกรมราชทัณฑ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า กฎหมายที่นำพืชกระท่อมออกจากบัญชียาเสพติดประ เภทที่ 5 จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 24 ส.ค.นี้ ดังนั้น เราต้องเตรียมความพร้อมในการปล่อยตัวผู้ต้องขังที่ถูกดำเนินคดีนี้ออกจากเรือนจำ รวมทั้งการดำเนินคดีต่างๆต้องถูกยุติและจะมีวิธีการดำเนินการอย่างไรบ้าง ตนจึงต้องขอความเห็นจากหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้อง ทั้งศาล อัยการ ตำรวจ ป.ป.ส. และกรมราชทัณฑ์ ซึ่งในส่วนของกฎหมายรอง คือ ร่างพ.ร.บ.พืชกระท่อม อยู่ในขั้นตอนของการรอบรรจุเข้าสู่วาระการประชุมของสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งในส่วนของกรรมาธิการวิสามัญได้พิจารณาเสร็จเรียบร้อยแล้ว มีทั้งสิ้น 39 มาตรา โดยกรรมา ธิการฯได้ปรับลดความยุ่งยากอยากให้เป็นประโยชน์กับประชาชนมากที่สุด สามารถปลูก ใช้และจำหน่ายได้อย่างเสรี มีเรื่องของการนำเข้าและส่งออกที่ต้องขออนุญาตกับทาง ป.ป.ส. และการทำผลิต ภัณฑ์ที่ต้องของอนุญาตจากกระทรวงสาธารณสุขเท่านั้น
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า สถิติผู้ต้องขังที่กรมราชทัณฑ์ได้สำรวจ ความผิดคดีพืชกระท่อมมี 1,038 ราย คิดเป็นเงินค่าใช้จ่ายในการดูแลประมาณปีละ 21,891,420 บาท และในปี 2564 มีคดีเข้าสู่การพิจารณาของศาลชั้นต้น 22,076 ข้อหา คิดเป็นต้นทุนค่าใช้จ่าย 1,691,287,000 บาท ส่วนในปี 2563 มี 50,834 ข้อหา ต้นทุนค่าใช้จ่าย 3,894,494,000 บาท และจำนวนคดีชั้นพนักงานอัยการ 11,455 ราย ซึ่งหลังจากวันที่ 24 ส.ค. ตามกฎหมายผู้กระทำผิดที่คดีอยู่ระหว่างการสอบสวนพนัก งานอัยการ การพิจารณาของศาล ผู้ต้องขังคดีเด็ดขาดจะไม่ถือเป็นผู้กระทำความผิดอีกต่อไป ซึ่งในการดำเนินการต่างๆเหล่านี้เราจะต้องทำระเบียบการปล่อยตัวต่างๆให้เสร็จก่อนวันที่ 24 ส.ค. เพื่อไม่ให้เกิดการติดค้าง เพราะหากเราปล่อยไว้นาน ผู้ที่ต้องโทษในเรือนจำจะกลายเป็นผู้เสียหายหรือกลายเป็นแพะ และเราจะต้องดำเนินการเงินชดเชยเยียวยาพวกเขาเหล่านั้นอีก ดังนั้นตนจึงขอให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้เร็วที่สุด
จากนั้นเป็นการแสดงความคิดเห็นจากที่ประชุม โดยนายปกรณ์ ระบุว่า ผู้กระทำความผิดคดีพืชกระท่อมต้องพ้นโทษ ให้ถือว่าไม่เคยต้องคำพิพากษา การส่งฟ้องต้องถูกยกคำฟ้องในทุกชั้นศาล ส่วนผู้ที่ถูกฝากขังก็ต้องได้รับการปล่อยตัวในวันที่กฎหมายมีผลบังคับใช้ ในส่วนของผู้ต้องขังในเรือนจำจะต้องรอหมายศาลเพื่อให้ปล่อยตัว ทั้งนี้ตนขอให้เรือนจำมีการปรับเรื่องสัญญาณอินเตอร์เน็ตให้มีความเสถียร เพื่อให้มีการรองรับการอ่านคำพิพากษาผ่านระบบออนไลน์เพื่อให้เกิดความรวดเร็วในกระบวนการ ทั้งนี้ ในที่ประชุมมีการหารือถึงการนำน้ำกระ ท่อมไปผสมกับยาแก้ไอ หรือทำในลักษณะที่เรียกว่า 4x100 โดยนายวิชัย ระบุว่า ยาแก้ไอมีฤทธิ์ต่อจิตประสาทและการจะซื้อต้องมีใบสั่งจากแพทย์ การนำไปผสมหรือดัดแปลงถือว่าเป็นความผิด จะไม่ได้รับสิทธิประโยชน์จากกฎหมายฉบับนี้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี