25 ส.ค. 2564 นายเดชรัต สุขกำเนิด อดีตอาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เขียนบทความ "ทำไมเราต้องสนับสนุนร้านชำ/ร้านกับข้าวในชุมชน?" เผยแพร่ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว "Decharut Sukkumnoed" เนื้อหาดังนี้
ทำไมเราต้องสนับสนุนร้านชำ/ร้านกับข้าวในชุมชน?
(คำเตือน ขออภัยบทความยาวมาก)
ผมได้รับคำถามจากน้องคนหนึ่ง ซึ่งทำงานเกี่ยวกับร้านชำในชุมชน ถามว่า “ทำไมเราต้องสนับสนุนร้านชำ/ร้านกับข้าวในชุมชน?” ผมคิดว่าคำถามนี้น่าสนใจมากครับ
ส่วนตัวของผม ผมไม่ได้ใช้บริการร้านชำ/ร้านกับข้าวประจำชุมชนนานมากแล้ว ร้านชำ/ร้านกับข้าวที่เคยใช้ (ต่อไปขอเรียกแค่ “ร้านชำ”) ที่บ้านเดิม ก็ปิดตัวไปนานมากแล้ว (น่าจะประมาณ 20 ปีแล้ว) ส่วนที่บ้านที่อยู่ปัจจุบันนี้ ผมอยู่ติดกับ 7-11 เลยครับ
สิ่งที่ใกล้เคียงกับร้านชำที่สุดที่ผมยังใช้บริการอยู่ก็น่าจะเป็น “ตลาดนัด” หรือ “ตลาดทั่วไป”
ผมจึงไม่สามารถตอบคำถามดังกล่าวด้วยความผูกพันหรือประสบการณ์ส่วนตัวอีก ผมจึงต้องลองค้นหาเหตุผลทางเศรษฐศาสตร์ว่า ทำไมผู้คน (จำนวนหนึ่ง) ถึงเห็นว่าควรสนับสนุนร้านชำภายในท้องถิ่น
ผมพบว่า คำตอบที่มาลำดับแรกคือ ร้านชำในชุมชนจะสร้างตัวทวีทางเศรษฐกิจ (หรือ Multiplier effects) ใน “ท้องถิ่น” มากกว่า ร้านโมเดิร์นเทรดขนาดใหญ่ หรือร้านที่เป็นสาขาของโมเดิร์นเทรดขนาดใหญ่
ถ้าพูดง่ายๆ ตัวทวีคูณทางเศรษฐกิจ (หรือ Multiplier effects) มันคือ การสร้างการหมุนเวียนของระบบเศรษฐกิจในท้องถิ่น ซึ่งเราอาจแบ่งง่ายๆ เป็น 3 ขั้น
ขั้นแรก เรียกว่า รายได้ทางตรง ซึ่งก็คือ รายรับของเจ้าของกิจการ ซึ่งหักด้วยเงินที่ไหลออกไปนอกท้องถิ่น (เรียกว่า leakage) ซึ่งในกรณีของร้านชำก็เช่น สินค้าที่ขายในร้านซึ่งมาจากภายนอกท้องถิ่น
ขั้นที่สอง เรียกว่า รายได้ทางอ้อม ซึ่งมาจากรายจ่ายของเจ้าของกิจการ ที่จ่ายให้กับผู้คนภายในท้องถิ่น เช่น เป็นการจ้างงาน หรือเป็นสินค้าที่ซื้อเข้ามาขาย ซึ่งจะกลายเป็น “รายได้” ของผู้คนในท้องถิ่น (บางคนจะเรียกขั้นนี้ว่า เป็น Type I ของตัวทวีคูณ)
ขั้นที่สาม เรียกว่า รายได้ที่ถูกกระตุ้น ซึ่งก็มาจากผู้คนที่มีรายได้ในขั้นที่สอง (รายได้ทางอ้อม) นำเงินดังกล่าวไปจับจ่ายใช้สอย “ในท้องถิ่น” อีกต่อหนึ่ง ซึ่งมันก็จะเป็นรายได้ของคน (อื่นๆ) ในท้องถิ่นอีกต่อหนึ่งนั่นเอง (บางคนจะเรียกขั้นนี้ว่า เป็น Type II ของตัวทวีคูณ)
โจทย์จึงกลายเป็นว่า “ร้านชำ (ซึ่งเป็นร้านขนาดเล็ก) ทำให้เกิดตัวทวีคูณทางเศรษฐกิจที่มากกว่าสำหรับเศรษฐกิจท้องถิ่นได้อย่างไร?”
ผมเองยังไม่เคยเห็นตัวเลขชัดๆ ของตัวทวีคูณทางเศรษฐกิจในประเทศไทย แต่ในต่างประเทศ มีการศึกษากันว่า การซื้อสินค้าจากร้านกับข้าว/ร้านชำในท้องถิ่นจะช่วยสร้างรายได้ และสร้างงานให้กับในท้องถิ่นมากกว่าการซื้อจากร้านสาขาของโมเดิร์นเทรดขนาดใหญ่
ในประเทศไทยของเรา มีการศึกษาเรื่องตัวทวีคูณทางเศรษฐกิจในภาคการท่องเที่ยว พบว่า จังหวัดที่มีอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวขนาดใหญ่ เช่น ชลบุรี ภูเก็ต กระบี่ พังงา มักจะมีค่าตัวทวีคูณทางเศรษฐกิจต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศ ในทางตรงกันข้าม จังหวัดที่มีอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่มีขนาดเล็กกว่า เช่น ชุมพร จะมีค่าตัวทวีทางเศรษฐกิจสูงกว่าค่าเฉลี่ยของทั้งประเทศ
แต่ทำไมขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่จึงส่งผลต่อตัวทวีคูณทางเศรษฐกิจ?
คำตอบอยู่ที่คำ 3 คำนั้นคือ เจ้าของ คนงาน และสินค้าที่ขาย (หรือวัตถุดิบที่นำมาใช้) ในร้าน (หรือในกิจการนั้น)
หมายความว่า เวลาที่ธุรกิจมีขนาดเล็ก ย่อมจะมีความเป็นไปได้สูงกว่ามากที่เจ้าของ คนงาน และสินค้าที่ขายในร้านจะเป็นคนหรือของใน “ท้องถิ่น”
ในทางตรงกันข้าม ธุรกิจขนาดใหญ่ (รวมถึงสาขาของธุรกิจขนาดใหญ่) ก็จะมีระบบการจัดหาสินค้าในปริมาณมาก (ซึ่งมักจะเป็นสินค้าภายนอกท้องถิ่นที่มีปริมาณมากกว่า และ/หรือต้นทุนในการดำเนินการถูกกว่า) มีระบบการจัดหาคนงานที่เปิดกว้างสำหรับคนภายใน/ภายนอกท้องถิ่น (เพื่อหาคนที่มีคุณภาพตรงตามความต้องการมากที่สุด) และแน่นอน เจ้าของ และกำไรของเจ้าของก็อาจจะไม่ใช่คนในท้องถิ่น แต่เป็นนักลงทุน/บริษัทจากภายนอก
อย่างไรก็ดี เราก็ไม่ควรสรุปเอาง่ายว่า ร้านชำ (ขนาดเล็ก) ทุกร้านจะสร้างตัวทวีคูณทางเศรษฐกิจมากกว่าร้านขนาดใหญ่เสมอไป เพราะ สุดท้ายแล้ว ตัวทวีคูณจะสูงหรือไม่สูง ย่อมขึ้นอยู่กับว่า สินค้าที่ขายในร้านและคนงานที่ขายในร้านเป็นคนท้องถิ่นมากน้อยเพียงใด มากกว่า
นอกจากนี้มีประเด็นที่น่าสนใจอีกประเด็นหนึ่งก็คือ ตัวทวีคูณในขั้นที่สาม หรือรายได้ที่เกิดจากการจับจ่ายใช้สอย ของผู้คนที่มีรายได้ในขั้นที่สอง เพราะข้อมูลเรื่องตัวทวีคูณจากการท่องเที่ยวในประเทศไทยที่ผมเล่าข้างต้นพบว่า จังหวัดเชียงใหม่และชุมพร ซึ่งมีตัวทวีคูณขั้นที่สองสูงกว่าค่าเฉลี่ยของทั้งประเทศทั่งคู่ แปลว่า จ้างงานคนภายในจังหวัดมากค่าเฉลี่ยของประเทศ แต่พอมาถึงตัวทวีคูณขั้นที่สาม กลับพบว่า ตัวทวีคูณขั้นที่สาม (ที่มาจากการจับจ่ายใช้สอยของผู้คนอีกต่อหนึ่ง) ของจังหวัดชุมพรกลับสูงกว่าจังหวัดเชียงใหม่ และสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั้งประเทศ ส่วนเชียงใหม่กลับมีตัวทวีคูณในขั้นที่สามนี้ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของทั้งประเทศ
แปลโดยนัยยะง่ายๆ อาจแปลว่า โดยทั่วๆ ไป ชุมพรมีสินค้าที่มาจากภายในจังหวัดให้คนทั่วไป (ในชุมพร) บริโภคมากกว่าเชียงใหม่นั่นเอง เพราะฉะนั้น ความหลากหลายของสินค้าที่ท้องถิ่นผลิตได้ และผู้คนในท้องถิ่นก็นำมาบริโภคกัน จึงมีความสำคัญสำหรับตัวทวีคูณทางเศรษฐกิจในขั้นที่สามนี้ด้วย
เพราะฉะนั้น นอกจากร้านชำนั้นจะมี “เจ้าของ คนงาน และสินค้าที่ขาย” มาจากท้องถิ่นมากน้อยเพียงใดแล้ว หากร้านชำนั้นตั้งอยู่ในท้องถิ่นที่มีความหลากหลายของสินค้าที่ผลิตกันภายในท้องถิ่น ตัวทวีคูณทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจากร้านชำก็ย่อมสูงตามไปด้วย
ผมเคยไปดูงานเรื่อง การเปลี่ยนจากการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เป็นไม้ยืนต้นและพืชอาหารหลากหลายชนิด ที่ตำบลน้ำพาง จังหวัดน่าน ผมได้พบว่า “ร้านชำ” ที่ตำบลน้ำพางมีบทบาทสำคัญในการเป็นแหล่งขายผลผลิตใหม่ๆ(จริงๆ แล้วก็คือ พืชผักที่เรากินนั่นแหละ) ให้กับเกษตรกรในท้องถิ่น (ที่เพิ่งลด/เลิกปลูกข้าวโพด) ซึ่งบทบาทนั่นของร้านชำก็คือ “การสร้างตัวทวีคูณขั้นที่สอง”
แต่หากร้านชำยังช่วยดำเนินการต่อไปเรื่อยๆ จนวิถีการผลิตที่ตำบลน้ำพางมีความหลากหลายมากขึ้นในระยะยาว นั่นก็จะเป็นการส่วนช่วยเพิ่ม “ตัวทวีคูณขั้นที่สาม” ของตำบลน้ำพางนั่นเอง
เพราะฉะนั้น ความพยายามในการสนับสนุนและรักษาร้านชำ/ร้านกับข้าวไว้ในชุมชน/ท้องถิ่นส่วนหนึ่ง จึงขึ้นอยู่กับความพยายามและความสามารถของร้านชำ/ร้านกับข้าว ในการเปิดโอกาสให้ผู้ผลิต/คนงาน/เศรษฐกิจในท้องถิ่นได้เติบโตควบคู่ไปพร้อมๆกัน ด้วยหรือไม่? เป็นประเด็นสำคัญ
แน่นอนว่า ทั้งหมดนี้ เริ่มต้นจากคำว่า “ท้องถิ่น” เพราะถ้าปราศจากคำนี้ เราก็คงไม่ต้องคิดเรื่อง “ตัวทวีคูณทางเศรษฐกิจในท้องถิ่น” ของร้านชำหรือร้านใด เราก็คงคิดเพียงแค่การเป็น “ผู้บริโภค” คนหนึ่ง ที่ต้องเอาตัวรอดและแสวงหาความพึงพอใจ (ส่วนตัว) ให้ได้ในจักรวาลของทุนนิยม
แต่การตกงานและการไหลกลับบ้านของผู้คนกว่า 3 ล้านคน ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา อาจกำลังบอกเราว่า หากจักรวาลทุนนิยมไม่สามารถให้คำตอบที่ดี (หรืออย่างน้อยคำตอบที่รอด) ให้กับเรา เราก็อาจจะต้องหาคำตอบนั้นที่ “ท้องถิ่น” ของเราเอง
และหากเราต้องการหาคำตอบนั้นที่ “ท้องถิ่น” (อย่างน้อยก็ส่วนหนึ่ง) ร้านชำก็น่าจะเป็นหนึ่งในจิ๊กซอว์นั้นเสมอ ทั้งนี้ไม่ใช่เฉพาะคำตอบสำหรับสินค้าแต่ละชิ้นเท่านั้น หากแต่เป็นคำตอบสำหรับวงจรของการทวีคูณของเศรษฐกิจท้องถิ่น และของตัวเราเอง
ภาพประกอบคือ ร้านอีหล่า มาร์เก็ต จากอุดรธานี ร้านนี้อยากไปมาก และขอขอบคุณ Greenery สำหรับภาพที่หยิบยืมมาใช้ครับ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี