ท่านผู้อ่าน ถ้าจำได้ที่ผมเคยเล่าระบบการทำงานหลักของแอปเตอร์ที่ประกอบไปด้วย Tier 1, Tier 2 และ Tier 3 โดยส่วนมากเรามักจะยุ่งอยู่กับ เทียร์ 3 เพราะเป็นการส่งข้าวไปช่วยเหลือประเทศสมาชิกที่ประสบภัยแบบให้เปล่า ตรงกันข้ามกับเทียร์ 1 และ 2 ซึ่งเป็นเรื่องของการซื้อขาย กล่าวคือ แอปเตอร์มีสต๊อกข้าวสำรองจำนวนตามข้อตกลงกันใน 13 ประเทศสมาชิก รวม 787,000 ตัน การจะนำข้าวส่วนนี้ไปใช้แก้ไขปัญหาความมั่นคงทางอาหารต้องเป็นการซื้อขายตามราคาตลาด ดังนั้น แม้คณะผู้สถาปนาแอปเตอร์จะมีวิสัยทัศน์กว้างไกลมองเห็นถึงวิธีการป้องกันปัญหาไว้ล่วงหน้า แต่กระนั้นในทางปฏิบัติเนื่องจากปัญหายังไม่เกิดขั้นรุนแรง ความจำเป็นที่จะต้องใช้เทียร์ 1 และ 2 จึงไม่มี หรือเมื่อมีอยู่บ้างเพียงแต่ใช้เทียร์ 3 ก็พอแล้ว สามารถเอาอยู่ได้ระดับหนึ่ง
จึงเป็นหน้าที่ของสำนักเลขานุการแอปเตอร์ ที่จะต้องส่งเสริมให้เกิดการใช้สต๊อกข้าวจำนวน 787,000 ตัน ผ่านทางเทียร์ 1 และ 2 แทนที่จะใช้แต่เพียงเทียร์ 3 อย่างเดียว โดยเมื่อเกือบ 3 ปีก่อนได้ทำสำเร็จมา 1 รายการ ในรูปแบบของเทียร์ 1 ระหว่างประเทศญี่ปุ่นกับฟิลิปปินส์ จนกระทั่งได้มีการลงนามในบันทึกความร่วมมือ หรือ Memorandum of Cooperation (MOC) กันของทั้งสองฝ่ายที่กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม มาจนกระทั่งปัจจุบันบันทึกความร่วมมือดังกล่าวกำลังจะหมดอายุลง เพราะได้ทำสัญญาไว้ 3 ปี และจริงๆ แล้วก็ยังไม่ถึงขั้นที่จะมีการซื้อขายข้าวจริง เนื่องจากประเทศผู้จะซื้อ ซึ่งคือฟิลิปปินส์ยังไม่ได้แสดงความจำนงสั่งซื้อ สัญญาข้างต้นจึงต้องมีการเจรจากันใหม่เพื่อขยายอายุ MOC ต่อไปอีก ซึ่งขึ้นอยู่กับทั้งสองฝ่ายว่ามีความประสงค์หรือไม่
สำนักเลขานุการแอปเตอร์ ประสานกับทั้งสองฝ่ายให้เปิดการเจรจา ซึ่งอย่างที่เคยเขียนเล่าไปแล้วในฉบับก่อนๆ ว่าในการเจรจาครั้งแรกเมื่อสามปีก่อนนั้นเปรียบประดุจเป็นมหากาพย์ เพราะต้องเดินทางไปประชุมเจรจาทั้งสองประเทศ ประเทศละ 1-2 ครั้ง รวมทั้งครั้งสุดท้ายมานั่งประชุมเจรจากันที่กรุงเทพฯ กว่าจะสำเร็จ แต่ครั้งนี้ เราไม่สามารถเดินทางไปไหนๆ ได้ การประชุมจึงต้องเป็นแบบออนไลน์ โดยเมื่อวันที่ 25มิถุนายน ที่ผ่านมา เราได้เริ่มต้นเจรจากัน ฝ่ายฟิลิปปินส์ นำโดยคุณจูดี้ดันแซล ผู้บริหารสูงสุดของ เอ็นเอฟเอ ว่าเอง พร้อมกับทีมงาน ส่วนทางญี่ปุ่นท่าน ผอ.กองการค้าธัญพืช ดร.ฮากิวาระ เป็นหัวหน้าชุด แล้วก็มีอดีตผู้เชี่ยวชาญญี่ปุ่นที่เคยประจำที่แอปเตอร์ทั้งสองท่าน เข้าร่วมประชุมด้วย ขณะที่สำนักเลขานุการแอปเตอร์ มีผมเป็นผู้แทน แล้วก็น้องๆ ทีมงานเข้าร่วมด้วย ที่พิเศษที่แสดงให้เห็นถึงความเอาจริงเอาจังของทางญี่ปุ่น คือ มีผู้แทนญี่ปุ่นที่ประจำสำนักเลขาธิการอาเซียน กรุงจาการ์ตา และประจำสถานทูตญี่ปุ่น ณ กรุงมะนิลา เข้าร่วมฟังการประชุมด้วย
เราพูดคุยเจตจำนงว่า ควรจะมีการต่อสัญญาออกไปอีก 3 ปี และใช้ราคาข้าวตามสูตรเดิม แต่ให้ใช้ราคาที่คำนวณแบบเป็นปัจจุบันแทนของเดิม ขณะที่รายละเอียดอื่นๆ ยังเป็นไปแบบเดิม ซึ่งดีอยู่แล้ว ทว่าประเด็นทางฝ่ายฟิลิปปินส์อาจมีข้องกังวลนิดหน่อย คือ เนื่องจากมีการออกกฎหมายใหม่ที่ปรับปรุงอำนาจหน้าที่ของ เอ็นเอฟเอ รวมทั้งระบบการจัดเก็บภาษีนำเข้าข้าวใหม่ จึงเป็นข้อที่ เอ็นเอฟเอ ต้องกลับไปศึกษาเพิ่มเติมว่าจะมีผลกระทบต่อขอบเขตการทำสัญญาใหม่มากน้อยเพียงใด ก็คงต้องมีการประชุมเจรจากันครั้งต่อไป ซึ่งจะว่าไปการประชุมแบบนี้ดีมาก เพราะประหยัดสุดๆ ครับ
ชาญพิทยา ฉิมพาลี
chanpithya@apterr.org
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี