กรมอุตุนิยมวิทยา ได้พยากรณ์ภูมิอากาศของประเทศในเดืิอนกันยายน 2564นี้ ว่า พื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศไทยยังคงมีฝนตกชุกหนาแน่นเกือบทั่วไปเฉลี่ยร้อยละ 60–80 ของพื้นที่ และตกหนักมากในบางพื้นที่ อาจจะก่อให้เกิดสภาวะน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก รวมทั้งน้ำล้นตลิ่งได้
ขณะที่สถานการณ์น้ำในปัจจุบัน มีปริมาณน้ำในแหล่งกักเก็บน้ำทั่วประเทศ 41,088 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) คิดเป็นร้อยละ 50 ของปริมาณการกักเก็บ โดยเป็นปริมาณน้ำในแหล่งน้ำขนาดใหญ่ 36,555 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ51 ของปริมาณการกักเก็บ สามารถรองรับน้ำได้อีกกว่า 41,000 ล้าน ลบ.ม.
เป็นที่น่าเป็นห่วงว่า หากไม่มีการเตรียมความพร้อมรับมือ สถานการณ์ฝนตกหนักจะซ้ำเติมประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)แน่นอน ซึ่งล่าสุด ณ วันที่ 25สิงหาคม 2564 มียอดผู้ติดเชื้อใหม่ยังอยู่ในระดับสูงคือ 18,417 คน และยอดสะสมกว่า 1.07 ล้านคน
ดร.สมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ(สทนช.) กล่าวว่า เพื่อลดผลกระทบจากปัญหาอุทกภัยที่อาจจะเกิดขึ้นในช่วงปลายฤดูฝน และเพื่อไม่ให้เป็นการซ้ำเติมประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของ COVID-19 พลเอกประวิตรวงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ ได้เน้นย้ำให้หน่วยงานทุกด้านน้ำที่เกี่ยวข้อง เร่งดำเนินการตาม 10 มาตรการรับมือฤดูฝนของรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตามจากการติดตามผลการดำเนินงานตาม 10 มาตรการดังกล่าวก็น่าจะอุ่นใจได้ระดับหนึ่ง เนื่องจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องส่วนใหญ่สามารถดำเนินการตาม
เป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็นการคาดการณ์ชี้เป้าพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมและฝนน้อยกว่าค่าปกติ การบริหารจัดการน้ำพื้นที่ลุ่มต่ำเพื่อรองรับน้ำหลาก ขณะนี้ได้ดำเนินเสร็จเรียบร้อยแล้ว เช่นเดียวกับการปรับปรุงเกณฑ์การบริหารจัดการน้ำในแหล่งน้ำขนาดใหญ่ได้ดำเนินการไปแล้ว 36 แห่ง ขนาดกลาง 415 แห่ง และเขื่อนระบายน้ำ
42 แห่ง
ส่วนการซ่อมแซมปรับปรุงอาคารชลศาสตร์และระบบระบายน้ำให้พร้อมใช้งานนั้น อาคารชลศาสตร์ได้ดำเนินการไปแล้ว 2,312 แห่ง คิดเป็น 99% และสถานีโทรมาตร 4,209 แห่งคิดเป็น 89% คาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ครบทุกแห่งในเร็วๆ นี้ ในขณะที่การปรับปรุงและแก้ไขสิ่งกีดขวางทางน้ำ ได้ดำเนินการไปแล้ว 400 แห่ง จากทั้งหมด 625 แห่ง คิดเป็น 44% การขุดลอกคูคลองและกำจัดผักตบชวา ขณะนี้สามารถดำเนินการได้กว่า 3.78 ล้านตัน การเตรียมความพร้อมและวางแผนเครื่องจักรเครื่องมือประจำพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมและฝนน้อยกว่าค่าปกติ ได้เตรียมเครื่องมือเครื่องจักรแล้ว 40,604 เครื่อง และมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานและปรับปรุงวิธีการส่งน้ำ ขณะนี้ได้มีการขุดเจาะน้ำบาดาลแล้ว 2,498 บ่อ เติมน้ำใต้ดิน 998 แห่ง พร้อมทั้งได้วางแผนที่จะลดการสูญเสียน้ำลงอย่างน้อย 5%
สำหรับมาตรการสร้างการรับรู้และประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเตรียมความพร้อม ได้มีการสร้างเครือข่าย 20 กระทรวง เพื่อขยายผลการรับรู้จากส่วนกลางสู่ท้องถิ่น และให้ประชาชนได้รับทราบข้อมูลอย่างทั่วถึงมีการจัดทำเว็บไซต์ “ศูนย์ข้อมูลทรัพยากรน้ำระดัจังหวัด” http://pwrc.thaiwater.net/ ซึ่งจะมีข้อมูลสถานการณ์น้ำฝน พายุ ปริมาณน้ำในแหล่งน้ำต่าง ๆ เพื่อใช้ในการเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์น้ำในภาวะปกติและภาวะวิกฤติ ในพื้นที่ทั้ง 76 จังหวัดทั่วประเทศโดยคณะอนุกรรมการทรัพยากรน้ำจังหวัด หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในระดับท้องถิ่นสามารถนำข้อมูลดังกล่าวมาใช้เพื่อแจ้งเตือนประชาชนได้ล่วงหน้าอย่างน้อย 7 วัน ส่วนมาตรการสุดท้ายคือ การติดตามประเมินผลและปรับมาตรการให้สอดคล้องกับสถานการณ์ภัย
นั้น ขณะนี้ได้มีการเชื่อมโยง 7 เครือข่ายหลัก เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลเรียบร้อยแล้ว
นอกจากนี้ สทนช. ยังได้พัฒนาระบบฐานข้อมูลได้แสดงผลผ่านเว็บไซต์ National Thai Water.onwr.go.th พร้อมแอปพลิเคชั่นบนมือถือ เพื่อเป็นเครื่องมือสำหรับหน่วยงานและประชาชน ในการติดตามสถานการณ์น้ำ วิเคราะห์คาดการณ์สภาพภูมิอากาศและสถานการณ์น้ำ และเป็นข้อมูลสำหรับสนับสนุนการสั่งการการบริหารจัดการน้ำมีประสิทธิภาพและทันต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอีกด้วย
มีความพร้อมอย่างนี้...คงจะพอสู้กับฝนหนักท้ายฤดูได้นะครับ
รัฐศักดิ์ พลสิงห์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี