นายสุพิท จิตรภักดี ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรที่ 5 (สสก.5) จังหวัดสงขลา เปิดเผยว่า “ทุเรียน” เป็นผลไม้เศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศไทย ซึ่งสถานการณ์ตลาดทุเรียนในอาเซียนช่วง 10 ปี ที่ผ่านมา (2554-2563) อินโดนีเซีย ครองแชมป์การผลิตทุเรียนมากที่สุดของโลกตามด้วยไทยมาเลเซีย เวียดนาม และฟิลิปปินส์ คาดว่าในช่วง 5 ปีข้างหน้า (2564-2568) ปริมาณการส่งออกทุเรียนไทยจะนำหน้าอินโดนีเซีย ตามมาด้วย มาเลเซีย และเวียดนาม แต่พบว่าปัจจัยเสี่ยงที่มีผลต่อทุเรียนไทย ได้แก่
1. จีนอนุญาตให้นำเข้าทุเรียนจากประเทศอื่น 2. ไทยขาดระบบตรวจสอบย้อนกลับ 3. ปัญหาทุเรียนอ่อน และเครื่องมือในการตรวจ 4. จีนมีความเข้มงวดในการตรวจสินค้ามากขึ้น 5. มีการสวมสิทธิ์ทุเรียนจากประเทศเพื่อนบ้าน และ 6. ตลาดทุเรียนในประเทศถูกควบคุมโดยกลุ่มล้ง
ซึ่งปัจจัยดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อเกษตรกรและสถาบันเกษตรกรผู้ผลิตและแปรรูปทุเรียนในอนาคต และกรมส่งเสริมการเกษตรได้ตระหนักถึงปัญหาดังกล่าว จึงได้มีนโยบายการส่งเสริมการเกษตรในรูปแบบระบบส่งเสริมเกษตรแบบใหญ่ เป็นการดำเนินงานที่เน้นการรวมกลุ่มของเกษตรกรรายย่อยในพื้นที่ วางแผนการผลิตให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด ตามนโยบายการตลาดนำการผลิต สร้างเสถียรภาพของราคาสินค้าเกษตร ได้อย่างมั่นคงในอนาคตตามแผนปฏิรูปการเกษตร
ดังนั้น จึงจัดทำโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการทุเรียนให้มีคุณภาพเพื่อการค้า (Quick Win ปี 2564) เพื่อพัฒนาความเข้มแข็งให้กับเกษตรกรและสถาบันเกษตรกรผู้ผลิตและแปรรูปทุเรียน เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการควบคุมคุณภาพทุเรียนเพื่อการค้า สร้างมูลค่าเพิ่ม ของทุเรียนผลสดและผลิตภัณฑ์แปรรูปจากทุเรียนให้ตรงกับความต้องการของตลาดและส่งเสริมการบริโภคทุเรียนคุณภาพ และผลิตภัณฑ์แปรรูปจากทุเรียน สำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรที่ 5 จังหวัดสงขลา ในฐานะเป็นหน่วยงานที่มีภารกิจหลักในการส่งเสริมและพัฒนาการผลิตสินค้าเกษตรให้มีคุณภาพและได้มาตรฐาน ทำให้เกษตรกรมีความเข้มแข็งและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น อีกทั้งยังเป็นหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนการบริหารจัดการผลผลิตไม้ผลของภาคใต้ให้มีเสถียรภาพ จึงได้จัดทำกิจกรรมอบรมพัฒนาศักยภาพเกษตรกร SF และ YSF ให้เป็นผู้ประกอบการด้านการเกษตรเบื้องต้น เพื่อพัฒนาความเข้มแข็งด้านธุรกิจเกษตรให้กับเกษตรกรและสถาบันเกษตรกรผู้ผลิตและแปรรูปทุเรียน อีกทั้งยังเชื่อมโยงเครือข่ายเกษตรกรผู้ปลูกทุเรียนในพื้นที่ภาคใต้
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2564 นายสุพิท จิตรภักดี ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรที่ 5 จังหวัดสงขลา เป็นประธานการสัมมนาเชิงปฏิบัติการพัฒนาความเข้มแข็งเครือข่ายแปลงใหญ่ทุเรียนภาคใต้ออนไลน์ ณ ห้องประชุมสำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรที่ 5 จังหวัดสงขลา และสำนักงานเกษตรจังหวัด 14 จังหวัดภาคใต้ โดยมีบุคคลเป้าหมาย
เป็นเกษตรกรจากแปลงใหญ่ทุเรียน 14 จังหวัดภาคใต้ เจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตรจากสำนักงานเกษตรจังหวัด เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้การบริหารกลุ่มในเรื่องเงินทุนแก่สมาชิก ข้อมูลปัญหาของกลุ่มและของเกษตรกร ข้อมูลสถานการการผลิตคาดว่าทุเรียนในฤดูเหลือน้อยแล้ว ส่วนทุเรียนนอกฤดูจะเริ่มเก็บเกี่ยวได้ช่วงกลางเดือนธันวาคมเป็นต้นไป และร่วมหารือประเด็นปุ๋ยเคมีราคาสูงขึ้นมาก ซึ่งเป็นไปตามกลไกราคาตลาด จึงแก้ไขปัญหาโดยเสนอให้เกษตรกรแปลงใหญ่ได้เข้าร่วมโครงการปุ๋ยของกระทรวงพาณิชย์และใช้ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดินเพื่อลดต้นทุนการใช้ปุ๋ยได้ และหาแนวทางการจำหน่ายแบบออนไลน์ให้ประสบผลสำเร็จ
นายสุพิท จิตรภักดี ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ใน 14 จังหวัดภาคใต้ มีแปลงใหญ่ทุเรียนจำนวน 111 แปลง จังหวัดยะลา มีจำนวนมากที่สุด 29 แปลง รองลงมาได้แก่ จังหวัดชุมพร 24 แปลง และจังหวัดนครศรีธรรมราชและจังหวัดสุราษฎร์ธานี จังหวัดละจำนวน 10 แปลง ทั้งนี้ สำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรที่ 5
จังหวัดสงขลา ได้ผลักดันให้จัดตั้งคณะทำงานเครือข่ายแปลงใหญ่ทุเรียนภาคใต้ เพื่อขับเคลื่อนให้แปลงใหญ่ทุเรียนผลิตทุเรียนภาคใต้มีประสิทธิภาพการบริหารจัดการควบคุมคุณภาพทุเรียนเพื่อการค้า สร้างมูลค่าเพิ่ม ของทุเรียนผลสดและผลิตภัณฑ์แปรรูปจากทุเรียนให้ตรงกับความต้องการของตลาด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี