ล่าอีก 2 ‘แก๊งตำรวจเก๊’ อุ้มสาวขังกรงสุนัขรีดทรัพย์ แม่แฉมีเหยื่อถูกขัง 5 คน
2 กันยายน 2564 ความคืบหน้าจากกรณีเกิดเหตุแก๊งคนร้ายอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมผู้หญิงไปกักขังไว้ในกรงสุนัขแล้วขู่บังคับเอาเงิน 50,000 บาท แต่สุดท้ายแล้วสามารถต่อรองจบที่ 16,000 บาท ก่อนจะถูกปล่อยตัวมา จึงตัดสินใจเดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน จนกระทั่งสามารถจับกุมตัวผู้ก่อเหตุไว้ได้แล้ว 3 คน
ล่าสุด พ.ต.อ.สัมฤทธิ์ เกตุแย้ม รอง ผบก.ภ.จว.ชลบุรี , พ.ต.อ.ธนาวุฒิ จงจิระ รอง ผบก.ภ.จว.ชลบุรี รักษาราชการแทน ผกก.สภ.เมืองพัทยา นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองพัทยา เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนจังหวัดชลบุรี นำตัว นายสันติ หรือฉาย หนึ่งในผู้ร่วมก่อเหตุไปยังรถยนต์กระบะซึ่งใช้ก่อเหตุนำผู้เสียหาย 2 รายขึ้นรถดังกล่าวไปส่ง หลังจากได้เงินที่โอนเข้าบัญชีแล้ว โดยมีผู้เสียหาย 2 รายยืนยัน โดยนำมาจอดทิ้งไว้บริเวณลานจอดรถของวัดทุ่งกลม ตาลหมัน อยู่ห่างจากบ้านเกิดเหตุประมาณ 1 กิโลเมตร โดยเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบลายนิ้วมือแฝง เพื่อประกอบสำนวน
พ.ต.อ.ธนาวุฒิ กล่าวถึงพฤติกรรมของแก๊งอดีตทหารเรืออุ้มรีดทรัพย์สาว ว่า สำหรับพฤติกรรมของกลุ่มคนร้ายแก๊งนี้ได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจขณะออกมาซื้อของ โดยมีผู้ร่วมขบวนการซึ่งมียาเสพติด แกล้งทำตกหน้าผู้เสียหาย จากนั้นจึงได้ควบคุมตัวผู้เสียหายไปทางหนองปรือ ซึ่งไปควบคุมตัวที่เซฟเฮ้าส์ จากนั้นได้มีเรียกทรัพย์ โดยมีการโอนเงิน ซึ่งหลังจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งผู้เสียหาย จึงได้ทำการสืบสวนและเก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุ โดยพบเบาะแสและหลักฐานยืนยัน ตอนนี้ตำรวจออกหมายจับแล้ว 5 คน สามารถจับกุมได้แล้ว 3 คน คือ นายปกรณ์เกรียติ อายุ 28 ปี , นายสันติ อายุ 37 ปี , นายสุขใจ อายุ 34 ปี อดีตทหารเรือ แจ้งข้อหาหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่นฯ โดยทั้ง 3 คน รับสารภาพ ส่วนอีก 2 คน คือ นายณัฐพล อายุ 42 ปี หรือกอล์ฟ เกาะล้าน และนายสมพงษ์ หรือแร่ กอไผ่ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกติดตามตัวอยู่ คาดว่าจะได้ตัวเร็วๆนี้
ด้านนางเอ (นามสมมุติ) มารดาของผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ได้ไปแจ้งความหลังลูกสาวหายไปแบบติดต่อไม่ได้ ซึ่งลูกสาวเล่าให้ฟังถึงวันเกิดเหตุมีผู้หญิงคนหนึ่งวิ่งมา แล้วได้ทำยาหล่นไว้ ก่อนจะมีผู้ชาย 2 คนขับตาม แล้วหยิบยาเสพติดขึ้นมาถามว่าเป็นของใคร ซึ่งน้องก็ตอบว่าไม่รู้ เพราะในช่วงนั้นน้องกำลังจะออกไปซื้อเบียร์ ซึ่งคนที่อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ จึงบอกให้น้องไปที่ศูนย์ หลังจากนั้นตนก็ติดต่อลูกไม่ได้เลย จนเวลาตี 3 น้องก็ได้โทรศัพท์ไปหาเพื่อนเพื่อขอยืมเงิน 50,000 บาท โดยจะนำเอามาให้ชายที่อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ เพื่อนก็ตอบว่าไม่มีเงิน และพยายามถามว่าอยู่ที่ไหน
อย่างไรก็ตาม ผู้ชายที่อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ก็แย่งโทรศัพท์ไป หลังจากที่ไปแจ้งความก็ได้มีโทรศัพท์ติดต่อกลับมา โดยชายที่อ้างเป็นเจ้าหน้าที่จะขอรับเงินคนละ 8,000 บาท 2 คน รวมเป็นเงิน 16,000 บาท และจะทำการปล่อยตัวน้องไป จากนั้นผู้ชายที่อ้างเป็นเจ้าหน้าที่ก็ได้โทรศัพท์คุยกับตนได้ไม่นาน ก็ได้วางสายไป ด้วยความเป็นห่วงลูกที่ขาดการติดต่อไปหลายชั่วโมง ไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไร พอชายอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจติดต่อรับเงิน ตนก็ยอมจ่ายเพราะเป็นห่วงลูก ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวไม่เคยเกิดขึ้นกับตน ก็พูดอะไรไม่ถูก หลังจากเกิดเหตุก็ได้รู้ว่านี่คือแดนเถื่อน ขณะที่นำลูกสาวตนมาขังในกรงสุนัขก็มีคนที่ถูกจับมาก่อนหน้านี้นอนอยู่อีก 3 คน ซึ่งลูกของตนก็ไม่รู้จักถามอะไรก็ไม่พูด
“ความรู้สึกของตนในตอนนี้ รู้สึกว่าสังคมทำไมเป็นแบบนี้ มีขบวนการแบบนี้อยู่ ซึ่งในขบวนการมี 10 กว่าคน อยากให้เจ้าหน้าที่ทำลายและกวาดล้างให้หมด ซึ่งตอนนี้น้องรู้สึกหวาดกลัวมาก แต่ต้องตั้งสติ หลังจากที่จ่ายเงินให้กับชายที่อ้างเป็นเจ้าหน้าที่ ชายคนดังกล่าวก็ได้นำตัวน้องไปส่งที่บ้านภายในซอยวัดบุญสัมพันธ์ ก็ได้กดหัวน้องแล้วใช้เสื้อสีคำคลุมเพื่อไม่ให้เห็นทาง แต่พอถึงภายในซอยวัดบุญสัมพันธ์ ชายดังกล่าวก็ได้เปิดเสื้อที่คลุมหัวน้อง ก่อนที่จะถามน้องว่าบ้านน้องอยู่ซอยไหน ก่อนที่จะส่งตัวน้องลงไปจากรถ” มารดาของผู้เสียหาย กล่าว
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
+ อ้างเป็นตำรวจปราบปรามยาเสพติด อุ้มสาวเข้าเซฟเฮ้าส์-ขังกรงสุนัขรีดทรัพย์
+ คุมตัวแก๊งตำรวจเก๊ ลงพื้นที่แหล่งกบดาน เพื่อเก็บหลักฐานประกอบคดี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี