นายวีระพงศ์ มาลัย ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) แถลงผลการดำเนินงาน โครงการส่งเสริมและต่อยอดการพัฒนาเพื่อการขยายธุรกิจสู่สากล (SME SCALE UP)โดยมีหน่วยงานพันธมิตร 19 หน่วยงาน จากภาครัฐ สถาบันการศึกษา และเอกชน ร่วมเป็นเครือข่ายพัฒนาผู้ประกอบการ MSME เปิดโอกาสทางการตลาด ด้วยการนำเทคโนโลยี งานวิจัย และนวัตกรรม มาต่อยอดธุรกิจ ปรับโฉม เพิ่มมูลค่า และเตรียมความพร้อมการลงทุน มั่นใจศักยภาพสินค้าไทยขึ้นแท่นยืนหนึ่งในตลาดโลก โดยในปี 2564 นี้ พร้อมจะถ่ายทอดเทคโนโลยี งานวิจัย นวัตกรรมจากต้นแบบในระดับห้องปฏิบัติการไปสู่การขยายขนาดการผลิต (Scale up) หรือที่เรียกว่าจากหิ้งสู่ห้าง โดย สสว. สนับสนุนและผลักดันการพัฒนาในหลายมิติ ทั้งการประเมินโอกาสทางการตลาด แล้วจึงสรรหาเทคโนโลยี งานวิจัย นวัตกรรมที่พร้อมจะถ่ายทอด เพื่อ Up Scale สินค้าและบริการควบคู่ไปกับการให้คำปรึกษาแนะนำ สำหรับรูปแบบการทำงานของโครงการ คือ จะให้ผู้ประกอบการ MSME 101 กิจการที่ร่วมโครงการ สามารถเลือก “ช็อปปิ้ง” หน่วยงานให้บริการเอง แต่จะมี ISMED เข้ามาให้คำแนะนำว่าสิ่ง ที่ต้องการนั้นเหมาะสมหรือไม่ ซึ่งตรงนี้จะแตกต่างจากโครงการทั่วๆ ไป และนอกจากนี้เรายังช่วยประเมินความเป็นไปได้ทางธุรกิจ ผ่านแผนการเงินของผลิตภัณฑ์หรือบริการใหม่นี้ ซึ่งจะช่วยบริหารความเสี่ยงในการลงทุนได้ระดับหนึ่ง
ผอ.สสว. เผยอีกว่า จากการพัฒนาในโครงการ SME SCALE UP นี้ สสว.จะมองจากความต้องการของภาคอุตสาหกรรมเป็นตัวตั้ง ซึ่งจากการทำงานเรามีเคสที่น่าสนใจที่สามารถสร้างเครือข่าย “ต้นแบบเครือข่ายความร่วมมือ” ระหว่างภาคอุตสาหกรรมกับวิสาหกิจชุมชน 3 แห่งด้วยกัน โดยมีผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมที่ต้องการผ้าที่มีส่วนผสมของเส้นใยผักตบชวา แต่มีจุดคอขวดเรื่องวัตถุดิบ ดังนั้น สสว. จึงเชื่อมโยงให้วิสาหกิจชุมชน 3 แห่ง ที่มีวัตถุดิบในการผลิตสินค้าหัตถกรรมจากผักตบชวา และประสบปัญหาผลกระทบจากยอดขายในช่วงโควิด-19 สามารถส่งต่อวัตถุดิบต่าง ๆ ป้อนเข้าสู่ภาคอุตสาหกรรมได้ ทำให้สามารถเพิ่มการใช้ประโยชน์จากผักตบชวาจากเดิมใช้ส่วนของก้านได้เพียง 15% ของทั้งกอเพื่องานหัตถกรรม ไปสู่การใช้ประโยชน์ทั้ง 100% ในระดับอุตสาหกรรม ทั้งการผลิตเส้นใยผักตบชวาเพื่องานสิ่งทอ ผักตบชวากันกระแทกเพื่อสิ่งแวดล้อม และปุ๋ยจากเศษเหลือทิ้งของผักตบชวาเพื่อการเกษตรปลอดภัย ซึ่งการพัฒนารูปแบบนี้เป็นการตอบสนองนโยบาย BCG ของรัฐบาล และการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากของประเทศอย่างเป็นรูปธรรม คาดว่าเมื่อสิ้นสุดโครงการ ผู้ประกอบการในโครงการจะมียอดขายเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 410 ล้านบาท มีการลงทุนเพิ่มไม่น้อยกว่า 109 ล้านบาท ส่งผลต่ออัตราการจ้างงานที่จะเพิ่มขึ้น 368 อัตรา และจะเกิดความคุ้มค่าของงบประมาณในรูปของภาษีที่ภาครัฐจะได้รับจากกำไรของธุรกิจ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี