วันที่ 10 กันยายน 2564 เวลา 16.30 น. ที่หน้ากระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มนักเรียนเลว ประมาณ 10 คน เดินทางมาหน้ากระทรวง พร้อมพานใส่พวงมาลัยเพื่อขอบคุณที่กระทรวงศึกษาธิการ ได้จ่ายเงินเยียวยาให้กับผู้ปกครองและนักเรียนคนละ 2,000 บาท พร้อมยื่นหนังสือร้องเรียน ต่อ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว. ศธ.) 5 ข้อ
โดยในหนังสือร้องเรียน ระบุว่า เนื่องด้วยการบริหารจัดการเรียนการสอนออนไลน์มีผระสิทธิภาพต่ำและไม่สามารถใช้การได้ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-29 พบว่า เด็กไทยจำนวน 2.8 ล้านคนกำลังทยอยหลุดออกจากระบบการศึกษาและนักเรียนไทยกำลังตกอยู่ในความทุกข์ยากอย่างแสนสาหัสจึงได้มีการนัดประทั่วงหยุดเรียนของนักเรียนกว่า 9,000 คน ในช่วงวันที่ 6- 10 กันยายน พ.ศ.2564โดยมีข้อเรียกร้องต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการและรัฐบาลดังนี้
1. รัฐบาลต้องนำวัดซีนที่มีประสิทธิภาพสูงมาฉีดให้นักเรียน นักศึกษา บุคลากรทางการศึกษา และประชาชนทั่วไป โดยต้องมีการเปิดเผยข้มูล สัญญา และรายละเอียดเกี่ยวกับการจัดซื้อวัคซีนอย่างโปร่งใส และดำเนินการฉีดวัคซีนให้เร็วที่สุด เพื่อให้ระบบการศึกษา สังคม และเศรษฐกิจสามารถเดินหน้าต่อไปใด้
2.กระทรวงศึกษาธิการต้องออกคำสั่งปรับลดตัวชี้วัดชั่วโมงการเรียน ภาระงานของครูและนักเรียนให้ชัดเจน รวมไปถึงปรับหลักสูตรการศึกษาให้เหมาะสม กับสถานการณ์การเรียนออนไลนในปัจจุบันโดยทันที
3. กระทรวงศึกษาธิการต้องจัดให้มีผู้เชี่ยวชาญในการช่วยเหลือและเยียวยาสภาพจิตใจนักเรียน จากการเรียนออนไลน์ที่มีความเคร่งเครียดมากกว่าปกติ รวมทั้งจัดให้มีช่องทางการรายงานปัญหาต่าง ๆ เพื่อตรวจสอบ และหาทางแก้ใซปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพและใช้งานได้จริง
4.ในกรณีที่สถานศึกษายังไม่สามารถเปิดทำการเรียนการสอนได้ เนื่องจากรัฐบาลไม่สามารถจัดหาวัคซีนที่มีประสิทธิภาพให้กับประชาชนได้อย่างทั่วถึงกระทรวงศึกษาธิการต้องจัดหาอุปกรณ์การเรียนออนไลน์ กระจายสัญญาณอินเทอร์เน็ต และเยียวยาค่าใช้จ่ายตามความเป็นจริงอย่างเร่งด่วนและทั่วถึง
5. กระทรวงศึกษาธิการต้องเร่งทำให้การศึกษาไม่มีคำใช้จ่ายใด ๆ แอบแฝงทั้งทางตรงและทางอ้อม และจัดการศึกษาที่มีอย่างทั่วถึงตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด โดยอาจมีการลดหย่อนค่าธรรมเนียมการศึกษา พักชำระหนี้การศึกษา และจัดหาสวัสดิการการศึกษาที่จำเป็นในเบื้องต้น ให้กับนักเรียนและผู้ปกครอง เพื่อป้องกันไม่ให้มีนักเรียนหลุดออกจากระบบการศึกษาไปมากกว่านี้
ดังนั้น ขอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการรับฟังความคิดเห็นรวมถึงความเดือดร้อนของนักเรียน และเร่งดำเนินการตามข้อเรียกร้องเพื่อแก้ใขปัญหาโดยเร็วที่สุด เพื่อไม่ให้การศึกษาไทยเกิดความวิบัติฉิบหายไปมากกว่ที่เป็นอยู่ตอนนี้
จึงเรียนมาเพื่อดำเนินการตามข้อเรียกร้องกลุ่มปฏิวัติการศึกษาไทย -007
ด้านนายวีระ กล่าวว่า ตนจะนำข้อเรียกร้องของนักเรียน เสนอต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และปลัด ศธ. ต่อไป ส่วนการฉีดวัคซีนให้นักเรียนนั้น ในวันนี้ รมว.ศธ. ได้สั่งการให้ศึกษาธิการจังหวัด (ศธจ.) ไปรวบรวมข้อมูลจำนวนนักเรียนที่มีอายุ 12-18 ปี เพื่อส่งต่อข้อมูลให้ทางกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เพื่อให้ สธ.จัดสรรวัคซีนให้กับนักเรียนต่อไป เพราะจะเริ่มฉีดวัคซีนเข็มแรกให้กับนักเรียนที่อายุตั้งแต่ 12-18 ปี ตั้งแต่วันที่ 4-25 ตุลาคม นี้ ซึ่งขณะนี้ได้ให้ ศธจ. ใน 77 จังหวัดทั่วประเทศ ได้เตรียมข้อมูลนักเรียนทั้งในและนอกระบบส่งให้กับทาง สธ.เพื่อกระจายวังซีนลงไป ซึ่งในวันนี้ รมว.ศธ.ก็เตรียมการทั้งวันเกี่ยวกับเรื่องการฉีกวัคซีนให้กับนักเรียน
ส่วนการเรียนการสอนออนไลน์ ที่น้อง ๆรู้สึกมีความเครียดนั้นมตนในฐานะครูเข้าใจดี ซึ่งศธ.ก็ได้พยายามผลักดันให้มีการจัดการเรียนการสอนได้ที่โรงเรียน 100% เพื่อต้องการลดความเครียดของเด็กและครู แต่อำนาจการให้เปิดสอนอยู่ที่คณะกรรมการควบคุมโรคระบาดจังหวัด ที่จะต้องพิจารณาเพราะห่วงหากมีเด็กติดโรค จึงได้ชลอการเรียนที่โรงเรียนไว้ก่อน ดังนั้นหากมีการฉีดวัคซีดมากขึ้นก็อาจจะจัดการเรียนการสอนที่โรงเรียนได้ จึงขอขอบคุณนักเรียนที่มาแสดงออกด้วยมิตรภาพต่อ ศธ.และแสดงออกด้วยไมตรีจิต แสดงความต้องการอยากให้กระทรวงศึกษาธิการดูแลช่วยเหลือนักเรียนทั่วประเทศ
จากนั้นกลุ่มนักเรียนเลว ก็ได้กล่าวแสดงความขอบคุณ ที่ศธ.ได้รับข้อเรียกร้องไปพิจารณา และหวัว่าทางศธ.จะเรีงแก้ไขปัญหาให้นักเรียนโดยเร็วที่สุด และจะเร่งช่วยเหลือนักเรียนสดความสามารถ แล้วแสดงสัญลักษณ์โดยการกราบพร้อมกัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี