โชเฟอร์รถบรรทุกสิบล้อเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับตำรวจที่ขับรถเก๋งปาดหน้าและชักบัตรตำรวจและอาวุธปืนข่มขู่ ยืนยันดำเนินคดีให้ถึงที่สุด แม้ตำรวจนายนี้จะนัดเคลียร์ขอจบเรื่องแล้ว แต่จะไม่ยอมและเตรียมเข้าร้องเรียนกับทางผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 เพื่อเอาผิดทางวินัยให้พักราชการ
ด้านตำรวจคู่กรณียศนายดาบ สังกัดผู้บังคับหมู่กองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธร จ.ยะลา เข้าชี้แจงเหตุการณ์กับตำรวจ สภ.รัตภูมิ ยอมรับโมโหที่รถบรรทุกคันนี้ขับแช่ขวากว่า 5 กิโลเมตร แต่แค่ต้องการเรียกให้หยุดเพื่อตักเตือนและไม่ได้ชักปืนขู่และไม่ได้เมาด้วยเพราะมีป่วยเส้นเลือดสมองตีบลิ้นแข็งจึงมองว่าพูดไม่ชัด
จากกรณีคลิปฉาวที่มีชายอ้างตัวเป็นตำรวจขับรถเก๋งขวางหน้ารถบรรทุกและชักบัตรออกมาแสดงตัวว่าเป็นตำรวจและชักปืนออกมาข่มขู่เพื่อเรียกให้จอดเนื่องจากไม่พอใจที่ถูกรถบรรทุกขับแช่ขวาและบางช่วงได้จอดรถเก๋งแล้วลงมาทุบประตูรถบรรทุกซึ่งท่าทางของชายคนนี้คล้ายมีอาการมึนเมาด้วย เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นบนถนนสายเอเชียช่วงหาดใหญ่-รัตภูมิ พื้นที่ อ.รัตภูมิ จ.สงขลา เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 18 กันยายนที่ผ่านมา จนกลายเป็นที่วิจารณ์ในโลกโซเชียล
ล่าสุด นายอนุพงษ์ หมื่นระย้า อายุ 33 ปี หรือ ว่าบังต๊ะ โชว์เฟอร์รถบรรทุกได้เดินทางมากับว่าที่ร้อยตรีชัชวาลย์ บำรุงวงศ์ ทนายความซึ่งเป็นกลุ่มทนายใจดี เพื่อเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับชายที่ขับรถเก๋งคันนี้แล้ว ซึ่งทราบว่าเป็นตำรวจจริง ชื่อ ด.ต.กฤษดา สุขใส ตำแหน่งผู้บังคับหมู่กองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธร จ.ยะลา
โดยแจ้งความกับ ร.ต.อ.เชาวลิต แก้วห่อทอง รองสารวัตรสอบสวน สภ.รัตภูมิ ให้ดำเนินคดีใน 3 ข้อหาคือ พกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต , ข่มขู่คุกคามผู้อื่นให้ได้รับความหวาดกลัว , และ พรบ.ขับรถเป็นที่น่าหวาดเสียว
จากนั้น ทางพนักงานสอบสวนได้พาตัว นายอนุพงษ์ หรือ บังต๊ะ ไปชี้จุดเกิดเหตุเพื่อประกอบสำนวนการสอบสวนรวม 4 จุด เริ่มจากจุดที่ตำรวจขับรถปาดหน้าและชักบัตรและชักอาวุธปืนออกมาข่มขู่ จุดที่สองขับรถปาดหน้าและขวางทาง จุดที่สามลงจากรถเดินลงมาทุบประตูรถ และจุดสุดท้ายอยู่ที่บริเวณป้อมตำรวจทางหลวงพรุพ้อที่ทั้งสองฝ่ายลงมาพูดคุยกัน ซึ่งทีแรกเคลียร์กันได้และมีการจับมือขอโทษและแยกย้ายกันไป ซึ่งระยะทางที่มีการขับรถปาดกันไปมาประมาณ 10 กิโลเมตร
จากเสร็จจากการชี้จุดทางพนักงานสอบสวนได้เชิญตัว นายอนุพงษ์ เข้าให้ปากคำเพิ่มเติมที่ สภ.รัตภูมิ เพื่อดำเนินการทางคดีและหลังจากนี้จะเข้าสู่กระบวนการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อออกหมายเรียกตำรวจคู่กรณีมาให้ปากคำอีกครั้ง
นายอนุพงษ์ เปิดเผยว่า เหตุการณ์นี้ตนจะดำเนินคดีกับตำรวจคู่กรณีให้ถึงที่สุดแม้ว่าในวันนี้ทางตำรวจนายนี้จะนัดขอเคลียร์เพื่อจบปัญหาเรื่องนี้ โดยได้ไปพบกันที่ปั้มน้ำมันแห่งหนึ่งพร้อมกับขอโทษแต่ตนก็ไม่ยอมเนื่องจากในวันเกิดเหตุตนพยายามร้องขอชีวิตแต่ตำรวจนายนี้ก็ไม่ยอมแต่สุดท้ายเมื่อกลายเป็นเรื่องขึ้นมาก็พยายามมาขอเคลียร์ ซึ่งตนก็จะไม่ยอมเช่นกันและให้ดำเนินคดีจนถึงที่สุดและอาจจะเข้าร้องเรียนกับทางผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ด้วยเพื่อให้ดำเนินการเอาผิดทางวินัยขอให้พักราชการตำรวจนายนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันเดียวกันนี้ทาง ด.ต.กฤษดา คู่กรณีได้เดินทางมาที่ สภ.รัตภูมิ ด้วยโดยมากับทางผู้บังคับบัญชาเพื่อชี้แจงรายละเอียดของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับทางรองผู้กำกับการสอบสวน สภ.รัตภูมิ
จากการสอบถาม ด.ต.กฤษดา บอกว่ายอมรับเหตุการณ์นี้โมโหที่ถูกรถบรรทุกคันนี้ขับแช่ขวาระยะทางเกือบ 5 กิโลเมตร และที่ขับรถปาดหน้าและขวางทางก็เพื่อต้องการให้คนขับรถบรรทุกคันนี้ลงมาคุยเพื่อตักเตือนไม่ให้ขับรถแบบนี้เพราะขวางทางรถคันอื่น แต่ปฏิเสธว่าไม่ได้ชักอาวุธปืนออกมาข่มขู่ รวมทั้งไม่ได้เมาที่ดูว่าพูดเหมือนคนเมาเพราะตนเองป่วยจากอาการเส้นเลือดในสมองตีบลิ้นแข็งพูดไม่ค่อยถนัดคนที่ฟังจึงมองว่าพูดเหมือนคนเมา
ซึ่งเหตุการณ์นี้ในวันเกิดเหตุ ได้มีการเคลียร์กับคนขับรถบรรทุกและปรับความเข้าใจกันเรียบร้อยที่ป้อมตำรวจทางหลวงพรุพ้อ ซึ่งคนขับรถบรรทุกก็ขอโทษที่ขับรถขวางทางและตนก็ขอโทษที่ทำให้ตกใจกลัวและมีการจับมือจบเรื่องกันด้วยดีและแยกย้ายกันไป ไม่คิดว่าจะมีการปล่อยคลิปและเข้าแจ้งความดำเนินคดีภายหลัง
สำหรับเหตุการณ์นี้มีรายงานว่า ทาง พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.ยะลา ได้มีคำสั่งเร่งด่วนให้ทางผู้กำกับการสืบสวน จ.ยะลา เร่งสอบสวนข้อเท็จจริงเรื่องนี้และให้รายงานผลกลับมาภายในเวลา 11.00 น. ของวันที่ 21 กันยายนนี้ . -009
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี