พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 พระราชทานพระราชดำริดำเนินโครงการ “โครงข่ายอ่างเก็บน้ำ” หรือ “อ่างพวง”ในพื้นที่อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี และอ.หัวหินจ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อปี 2532 และแล้วเสร็จสมบูรณ์ในปี 2549 ทำให้สามารถผันน้ำจาก อ่างเก็บน้ำที่มีปริมาณน้ำมากมาช่วยเหลืออ่างเก็บน้ำที่มีปริมาณน้ำน้อยกว่าได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นการใช้น้ำอย่างคุ้มค่า เกิดประโยชน์สูงสุด และก่อให้เกิดความมั่นคงในเรื่องน้ำในพื้นที่
กรมชลประทานได้น้อมนำแนวพระราชดำริ “อ่างพวง” ดังกล่าว และพระราชปณิธานของ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่จะ “สืบสาน รักษา และต่อยอด” โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ให้เกิดสัมฤทธิผลสู่พสกนิกรทั่วทั้งแผ่นดิน มาขับเคลื่อนมาใช้แก้ปัญหาน้ำในพื้นที่ต่างๆ อาทิ
พื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก(EEC) 3 จังหวัดคือ ชลบุรี ระยอง และฉะเชิงเทรา ซึ่งมีปัญหาขาดแคลนน้ำ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้บูรณาการน้อมนำแนวพระราชดำริ “อ่างพวง” มาต่อยอด ขยายผลสร้างความมั่นคงด้านน้ำด้วย “โครงข่ายน้ำภาคตะวันออก”โดยสร้างระบบผันน้ำด้วยท่อส่งน้ำ คลองส่งน้ำและลำน้ำธรรมชาติ เชื่อมโยงระหว่างอ่างเก็บน้ำที่สำคัญๆ เข้าด้วยกันเป็นโครงข่ายในลักษณะอ่างพวง ประกอบด้วย อ่างเก็บน้ำคลองใหญ่ อ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล อ่างเก็บน้ำดอกกราย อ่างเก็บน้ำหนองค้อ และอ่างเก็บน้ำบางพระโดยมีอ่างเก็บน้ำประแสร์ จ.ระยอง เป็นศูนย์กลาง พร้อมทั้งยังสร้างระบบโครงข่ายผันน้ำจากลุ่มน้ำคลองวังโตนด จ.จันทบุรี มายังอ่างเก็บน้ำประแสร์ โครงข่ายผันน้ำคลองโพล้-อ่างเก็บน้ำประแสร์ และระบบสูบน้ำกลับคลองสะพาน-อ่างประแสร์
นอกจากนี้ยังสร้างระบบโครงข่ายผันน้ำจากคลองพระองค์ไชยยานุชิต และจากแม่น้ำบางปะกงมาเติมอ่างเก็บน้ำบางพระ ซึ่งล่าสุดโครงข่ายผันน้ำนี้ ยังช่วยสูบผันน้ำบรรเทาภาวะน้ำท่วมที่เกิดขึ้นในจ.สมุทรปราการอีกด้วย ทั้งนี้เพื่อสร้างความมั่นคงในเรื่องน้ำให้พื้นที่ EEC และภาคการเกษตรมีน้ำสมบูรณ์เพียงพอตลอดทั้งปี
นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า กรมชลประทานยังได้น้อมนำแนวพระราชดำริ “อ่างพวง” และพระราชปณิธาน “สืบสาน รักษา และต่อยอด”
ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาใช้วางแผนดำเนินโครงการอ่างพ่วงในลุ่มน้ำชีตอนบน
“กรมชลประทานได้น้อมนำแนวพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 9 เรื่องอ่างพวงมาวางโครงการเพื่อเพิ่มน้ำต้นทุนให้กับประชาชนและเกษตรกรในพื้นที่ลุ่มน้ำชีตอนบนและเป็นการดำเนินการตามพระราชปณิธาน สืบสาน รักษา ต่อยอด ของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่ ที่ต้องการให้ช่วยเหลือราษฎรให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ผ่านการใช้ประโยชน์ในทุกมิติอย่างแท้จริง ซึ่งการทำอ่างพวงถือเป็นแนวทางในการบริหารน้ำที่แต่ละอ่างจะสามารถเติมเต็มปริมาณน้ำระหว่างกัน เพื่อช่วยเหลือประชาชนให้เต็มประสิทธิภาพ”นายประพิศกล่าว
สำหรับ “อ่่างพวง” ในพื้นที่ลุ่มน้ำชีตอนบนนั้น จะเป็นการสร้างโครงข่ายอ่างเก็บน้ำจำนวน 5 แห่งด้วยกัน ประกอบด้วย
อ่างเก็บน้ำลำน้ำชีอันเนื่องมาจากพระราชดำริ อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ มีความจุ 70.21 ล้านลูกบาศก์เมตร(ลบ.ม.) ขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้าง เมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จจะเป็นแหล่งน้ำต้นทุนสนับสนุนสถานีสูบน้ำตามลำน้ำชีมีพื้นที่ทั้ง 2 ฝั่งได้รับประโยชน์ฤดูฝน 75,000 ไร่และในฤดูแล้ง 30,000 ไร่ ราษฎรได้รับประโยชน์27 หมู่บ้าน กว่า 22,000 คนในพื้นที่ อ.หนองบัวระเหวอ.บ้านเขว้า และ อ.เมืองชัยภูมิ อีกทั้งสนับสนุนการใช้น้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภคอย่างเพียงพอตลอดทั้งปี และสนับสนุนแหล่งน้ำเพื่อการทำประมง รวมทั้งช่วยชะลอน้ำ บรรเทาอุทกภัยบริเวณพื้นที่ท้ายอ่างเก็บน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2567
อ่างเก็บน้ำลำสะพุงอันเนื่องมาจากพระราชดำริ อ.หนองบัวแดง จ.ชัยภูมิ มีความจุ46.90 ล้านลบ.ม. เมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จจะสามารถส่งน้ำช่วยเหลือพื้นที่เพาะปลูกในฤดูฝน 40,000 ไร่ ฤดูแล้ง 28,000 ไร่ และน้ำสำหรับการอุปโภค-บริโภคของชาวบ้านในเขตเทศบาลหนองบัวแดง อ.หนองบัวแดง จ.ชัยภูมิ และพื้นที่ใกล้เคียงพร้อมกับไม่น้อยกว่า 2.16 ล้านลบ.ม.ต่อปี นอกจากนี้ยังสามารถส่งน้ำเพื่อรักษาระบบนิเวศและเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของประชาชนได้อีกด้วย คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2567
อ่างเก็บน้ำลำเจียงอันเนื่องมาจากพระราชดำริ อ.ภักดีชุมพล และ อ.หนองบัวแดง จ.ชัยภูมิ มีความจุ 45.17 ล้านลบ.ม. ขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้างเช่นกัน เมื่อแล้วเสร็จจะมีพื้นที่รับประโยชน์ 30,000 ไร่ มีน้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภคในพื้นที่อย่างพอเพียง เป็นแหล่งน้ำประมงน้ำจืดในพื้นที่และแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหญ่ของทั้ง 2 อำเภอดังกล่าวคาดว่าจะแล้งเสร็จในปี 2567
อ่างเก็บน้ำพระอาจารย์จื่อ(ลำกระจวน) อ.ซับใหญ่ จ.ชัยภูมิ มีความจุ 33.44 ล้านลบ.ม. ขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้าง เมื่อเสร็จแล้วจะมีพื้นที่รับประโยชน์ 15,000 ไร่ มีน้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภคในพื้นที่อย่างพอเพียงและเป็นแหล่งท่องเที่ยวของอ.ซับใหญ่ คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2566
และอ่างเก็บน้ำโปร่งขุนเพชร เป็นโครงการเดียวที่ขณะนี้ดำเนินการก่อสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยสร้างปิดกั้นลำเชียงทาสาขาของแม่น้ำชี ที่ อ.หนองบัวระเหว จ.ชัยภูมิมีความจุ 43.70 ล้านลบ.ม. พื้นที่รับประโยชน์12,000 ไร่ แบ่งเป็นพื้นที่ด้านเหนืออ่างเก็บน้ำ2,500 ไร่ ในเขตต.โป่งนก อ.เทพสถิต พื้นที่ด้านท้ายอ่างเก็บน้ำ 5,400 ไร่ ในเขตต.โคกสะอาด อ.หนองบัวระเหว และพื้นที่รับประโยชน์จากฝายพระอาจารย์จื่อ 4,100 ไร่ในเขต ต.โคกสะอาด และต.หนองบัวระเหว อ.หนองบัวระเหว สามารถส่งน้ำสนับสนุนช่วยเหลือพื้นที่โครงการสูบน้ำด้วยไฟฟ้า ในฤดูฝนให้สามารถทำการเพาะปลูกได้อย่างเต็มพื้นที่ประมาณ 100,000 ไร่ และในฤดูแล้ง 2,500 ไร่ นอกจากนี้ยังจะเป็นแหล่งทำการประมง แหล่งน้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภคของราษฎรในพื้นที่ ช่วยบรรเทาอุทกภัยทางด้านท้ายน้ำ และเป็นสถานที่ท่องเที่ยว พักผ่อนหย่อนใจอีกด้วย
อธิบดีกรมชลประทานกล่าวด้วยว่า ปัจจุบันราษฎรเห็นคุณค่าของแหล่งน้ำ ให้ความสำคัญเรื่องการพัฒนาและการบริหารจัดการน้ำมากยิ่งขึ้น การพัฒนาแหล่งน้ำต้นในลุ่มน้ำชีตอนบน และการเชื่อมโยงโครงการอ่างเก็บน้ำอันเนื่องมาจากพระราชดำริ 3 แห่ง ร่วมกับอ่างเก็บน้ำที่กรมชลประทานดำเนินก่อสร้างอีก 2 แห่งดังกล่าว จะทำให้ลุ่มน้ำชีตอนบนมีแหล่งเก็บกักน้ำต้นทุนขนาดใหญ่มีปริมาณรวมกันถึง 239.43 ล้านลบ.ม. และมีพื้นที่รับประโยชน์มากกว่า 223,000 ไร่ ซึ่งจะสร้างมั่นคงเรื่องน้ำให้กับลุ่มน้ำชี และเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยเติมเต็ม ต่อยอดคุณภาพชีวิตของราษฎรในพื้นที่ได้เป็นอย่างดี และยังเป็นการพัฒนาและบริหารจัดการน้ำตลอดทั้งลำน้ำชีเกิดผลประโยชน์คุ้มค่าสูงสุดอีกด้วย
อีกปัญหาหนึ่งที่พื้นที่ลุ่มชีตอนบนประสบก็คือ ปัญหาน้ำท่วม โดยเฉพาะตัวเมืองชัยภูมิ ฤดูน้ำหลากจะประสบปัญหาน้ำท่วมเป็นประจำ กรมชลประทานจึงได้ดำเนินโครงการบรรเทาอุทกภัยเมืองชัยภูมิ (ระยะที่ 1) ประกอบด้วยงานสำคัญๆคือ การขุดคลองผันน้ำจากลำปะทาวทางฝั่งตะวันออก ตั้งแต่บริเวณหน้าประตูระบายน้ำ(ปตร.)โนนทันให้มาลงที่สระเทวดาด้านท้ายเมือง (ก่อนลงลำน้ำชี) ความยาว 8.4 กิโลเมตร ผันน้ำได้ปริมาณ 150 ลบ.ม.ต่อวินาที การขุดคลองห้วยดินแดงซึ่งเป็นคลองธรรมชาติที่มีอยู่แล้วให้เชื่อมกับลำปะทาว ความยาว 1.33 กิโลเมตร จากสภาพคลองเดิมที่ยังไม่ได้เชื่อมต่อกัน พร้อมทั้งสร้าง ปตร.กุดสวง กับ ปตร.ห้วยเสียว เพื่อใช้เป็นอาคารบังคับน้ำทำหน้าที่ผันน้ำเข้าในคลองห้วยดินแดงไปเชื่อมต่อกับลำปะทาว ซึ่งจะสามารถผันน้ำได้ประมาณ 50 ลบ.ม.ต่อวินาที
นอกจากนี้ยังจะดำเนินการการก่อสร้างอาคารบังคับน้ำอีก 7 แห่ง พร้อมพัฒนาแหล่งเก็บน้ำบริเวณสระเทวดาเพื่อชะลอน้ำไว้ใช้ส่งให้พื้นที่เพาะปลูกในอีก 5 ตำบล 17 หมู่บ้าน 18,610 ไร่มีราษฎรได้รับประโยชน์ 11,824 ครัวเรือน หากโครงการนี้แล้วเสร็จ จะสามารถแก้ปัญหาน้ำท่วมในเขตเทศบาลเมืองชัยภูมิที่ได้เกิดขึ้นเป็นระยะเวลาตลอด 25 ปีที่ผ่านมาได้อย่างมีประสิทธิภาพ คาดว่า โครงการบรรเทาอุทกภัยเมืองชัยภูมิ (ระยะที่ 1) จะแล้วเสร็จภายในปี 2567
เมื่อทุกโครงการแล้วเสร็จสมบูรณ์ ลุ่มน้ำชีตอนบนเป็นลุ่มน้ำที่มีความมั่นคงในเรื่องน้ำ ทั้งน้ำเพื่อการอุปโภค-บริภาคน้ำเพื่อการเกษตร น้ำเพื่อรักษาระบบนิเวศ และการป้องกันน้ำท่วมอย่างยั่งยืนแน่นอน....
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี