เมื่อวาน “บิ๊กป้อม” พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และคณะ ได้ลงพื้นที่ติดตามความพร้อมของการบริหารจัดการน้ำหลากในพื้นที่ลุ่มต่ำของลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง ณ โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาบางบาล อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา
รองนายกฯ ได้เน้นย้ำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตาม 10 มาตรการรับมือฤดูฝนของรัฐบาล พร้อมเตรียมแผนปฏิบัติการรับมืออย่างเคร่งครัด
อย่างไรช่วงนี้ในพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยาตอนล่างโดยเฉพาะในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล รวมทั้งจังหวัดใกล้เคียง ฝนตกอย่างต่อเนืื่อง หลายคนมีความกังวลว่า เหตุการณ์จะซ้ำรอยมหาอุทกภัยปี 2554 หรือไม่?
ฟันธงได้เลยว่า...ลุ่มเจ้าพระยาตอนล่างไม่เกิดมหาอุทกภัยอย่างแน่นอน!!
เพราะสถานการณ์น้ำเหนือที่จะไหลหลากลงมานั้นสามารถควบคุมได้ 4 เขื่อนหลักที่มีผลต่อลุ่มเจ้าพระยาคือ เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ปริมาณน้ำยังน้อย ล่าสุดมีปริมาณรวมกันอยู่ที่ 10,572 ล้านลูกบาศก์เมตร(ลบ.ม.) คิดเป็น 43% ของปริมาณความจุ ยังไม่ถึงครึ่งความจุของเขื่อนเลย ยังสามารถรองรับปริมาณน้ำได้อีกมากกว่า 14,000 ล้านลบ.ม. ในขณะที่ปริมาณน้ำที่ไหลเข้าเขื่อนทั้ง 4 แห่งรวมอยู่ที่ประมาณวันละ 100 ล้านลบ.ม.เท่านั้น และมีแนวโน้มที่ลดลง ต่างจากปี 2554 ที่มีปริมาณน้ำรวมกันมากกว่า 22,000 ล้าน ลบ.ม. เกือบเต็มเขื่อนทั้ง 4 แห่ง
มวลน้ำเหนือที่น่ากังวล จะมีเฉพาะที่ไหลมาจากลุ่มน้ำยมเนื่องจากไม่มีแหล่งกักเก็บน้ำขนาดใหญ่ และฝนที่ตกท้ายเขื่อนเท่่านั้น แต่เชื่อว่าวางแผนบริหารจัดการน้ำแบบบูรณาการภายใต้ “กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ” ที่วางแผนระบายน้ำผ่านคลองต่างๆ และโครงข่ายน้ำที่มีอยู่ ผนวกกับการใช้พื้นที่ลุ่มต่ำทั้ง 11 แห่งเป็นแก้มลิงเก็บกักตัดยอดน้ำได้ถึง 1,500 ล้านลบ.แล้วน่าจะ “เอาอยู่”
สำหรับปริมาณน้ำที่ไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาล่าสุดไหลผ่านในอัตรา 1,481 ลบ.ม./วินาที ยังต่ำกว่าปี 2554 เยอะครับ ในปีนั้นจำได้ว่า ไหลผ่านมากกว่า 3,500 ลบ.ม./วินาที เกินความจุของแม่น้ำเจ้าพระยา
อัตราการไหลผ่านเขื่อน 1,481 ลบ.ม./วินาทีดังกล่าวอาจจะทำให้พื้นที่ลุ่มต่ำบริเวณ คลองโผงเผง คลองบางบาล และแม่น้ำน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งมีประมาณ 602 ครัวเรือน ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมบ้าง แต่เหตุการณ์เช่่นนี้เป็นเรื่องปกติที่ชาวบ้านในพื้นที่ ที่รับรู้ว่าจะเกิดขึ้นเป็นประจำในช่วงฤดูน้ำหลากอยู่แล้ว
สำหรับการแก้ไขปัญหาอุทกภัยในลุ่มเจ้าพระยาตอนล่างอย่างยั่งยืนนั้น คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ(กนช.) ได้เห็นชอบแผนหลักการบรรเทาอุทกภัยในลุ่มเจ้าพระยาตอนล่าง จำนวน 9 แผนหลัก ระยะเวลาดำเนินการ 13 ปี(2560-72) กรอบวงเงินประมาณ 329,151 ล้านบาท
ขณะนี้ดำเนินการเสร็จแล้วมีเพียงแผนงานเดียวคือ แผนพื้นที่ีรับน้ำนอง ซึ่งใช้พื้นที่ลุ่มต่ำ 11 แห่งดังกล่าว ส่วนที่อยู่ระหว่างการดำเนินมี 6 แผนงาน คือ แผนการปรับปรุงระบบชลประทานเจ้าพระยาฝั่งตะวันออกตอนล่าง แผนการปรับปรุงโครงข่ายระบบชลประทานฝั่งตะวันตก แผนการเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำแม่น้ำเจ้าพระยา แผนการบริหารจัดการพื้นที่นอกคันกั้นน้ำ แผนขุดคลองระบายน้ำหลากบางบาล-บางไทร และแผนการเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำแม่น้ำท่าจีน
ที่เหลืออีก 2 แผนงานที่อยู่ระหว่างเตรียมความพร้อม คือ แผนขุดคลองระบายน้ำหลากชัยนาท-ป่าสัก-อ่าวไทย และ แผนขุดคลองระบายน้ำควบคู่ถนนวงแหวนรอบที่ 3
เมื่อดำเนินการแล้วเสร็จทั้ง 9 แผน จะทำให้การแก้ปัญหาอุทกภัยในพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยาตอนล่างเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ปัญหาน้ำท่วมหนักอย่างเช่นปี 2554 จะไม่เกิดขึ้นอย่างถาวรแน่นอน
อย่างไรก็ตามสิ่งที่รัฐบาลกังวลในปีนี้ไม่น่าจะเป็นสถานการณ์น้ำท่วม แต่น่าจะเป็นสถานการณ์ภัยแล้งที่อาจจะเกิดขึ้นในปี 2565 มากกว่า โดยเฉพาะลุ่มเจ้าพระยา
“อู่ข้าวอู่น้ำ” ของประเทศนี่แหละ ปัจจุบัน 4 เขื่อนหลักมีปริมาณน้ำที่ใช้งานได้เพียง 3,876 ล้านลบ.ม. หรือ 21% ของปริมาณน้ำที่ใช้การได้เท่านั้น
“บิ๊กป้อม” น่าจะมองข้ามช็อตสถานการณ์น้ำท่วมไปถึงฤดูแล้งปีหน้าแล้ว จะเห็นได้จากการสั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับลดการระบายน้ำจากเขื่อนและอ่างเก็บน้ำในทุกภูมิภาค พร้อมทั้งวางแผนเก็บน้ําสํารองจากทุกแหล่ง ทั้งผิวดินและใต้ดิน ไว้รองรับในช่วงฤดูแล้งหน้า
รัฐศักดิ์ พลสิงห์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี