การเปิดให้บริการเส้นทางรถไฟสายลาว-จีนอย่างเต็มรูปแบบในระยะยาว ปลายปี 2564 นี้ จะเป็นโอกาสที่ดีของไทย ทำให้มีทางเลือกในการขนส่งสินค้าไปยังจีนได้มากขึ้น และคาดว่าจะทำให้การส่งออก-นำเข้าของทั้งลาวและจีน ขยายตัวเพิ่มขึ้นได้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จึงเตรียมพร้อมเพื่อผลักดันในช่องทางการค้าดังกล่าว
ประเด็นดังกล่าว นายทองเปลว กองจันทร์ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่าได้ขับเคลื่อนโลจิสติกส์เกษตรของประเทศมาโดยตลอด เพื่อรองรับโครงการนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการอำนวยความสะดวกด้านการส่งออก-นำเข้าสินค้าเกษตรไปยังต่างประเทศหรือประเทศที่สาม เช่น การพัฒนาระบบ National Single Window (NSW) ร่วมกับกรมศุลกากร และการปรับลดขั้นตอนในการนำเข้าส่งออกของหน่วยงานในสังกัด ทั้งกรมประมง กรมปศุสัตว์ กรมวิชาการเกษตรสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) และการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) ที่ยุ่งยากออกไป โดยปัจจุบัน กษ.สามารถเชื่อมโยงข้อมูลและพัฒนาธุรกรรมที่ให้บริการผ่านระบบ NSW ได้ 117 ธุรกรรมจากทั้งหมด 143 ธุรกรรม คิดเป็น 81.82% และสามารถปรับลดขั้นตอนการทำงานสำหรับสินค้ายุทธศาสตร์น้ำตาล ข้าว ยางพารา สินค้าแช่แข็งและวัตถุอันตรายได้ 66 รายการ จากทั้งหมด 74 รายการ คิดเป็น 89.19% ส่วนที่ยังดำเนินการไม่แล้วเสร็จ ได้กำชับให้หน่วยงานเร่งดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายในปี 2564 เพื่อสามารถให้บริการแก่ผู้ประกอบการได้ทันทีเมื่อมีการเปิดให้บริการรถไฟสายลาว-จีน
การขับเคลื่อนงานโลจิสติกส์ของกระทรวงเกษตร สอดคล้องกับแนวทางการเตรียมความพร้อมรองรับการเปิดให้บริการเส้นทางรถไฟสายลาว-จีน ซึ่งเป็นความตั้งใจของรัฐบาลภายใต้การดำเนินงานของคณะกรรมการพัฒนาระบบการบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศ (กบส.) ซึ่งมี นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์
รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานกรรมการ และนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ เป็นกรรมการในชุดนี้
โดยล่าสุดการประชุมคณะกรรมการ กบส.เมื่อวันที่ 14 พ.ค. 2564 ได้เห็นชอบกรอบแนวทางการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการเปิดให้บริการเส้นทางรถไฟสายจีน-ลาว และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดทำแผนปฏิบัติการ (Action Plan) และแนวทางการพัฒนาระยะเร่งด่วนให้พร้อมเปิดให้บริการภายในเดือน ธ.ค. 2564 รวมทั้งระยะปานกลางและระยะยาวในช่วงที่การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระยะยาวยังดำเนินการไม่แล้วเสร็จ
“ในฐานะที่ผมเป็นประธานคณะอนุกรรมการพัฒนาระบบโลจิสติกส์การเกษตร ในการประชุมเมื่อวันที่ 14 มิ.ย. ได้มอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการใน 3 เรื่อง เพื่อลดปัญหาอุปสรรคในการขนส่งสินค้าเกษตร ที่อาจยุ่งยากกว่าเมื่อเทียบกับสินค้าประเภทอื่น ได้แก่
1.เร่งพัฒนาระบบ NSW และปรับลดขั้นตอนในการนำเข้าส่งออกของหน่วยงานในกระทรวงเกษตรฯ ให้แล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้
2.จัดตั้งคณะทำงานจัดทำแผนการเตรียมความพร้อมรองรับการให้บริการเส้นทางรถไฟสายไทย-ลาว-จีน ระยะเร่งด่วน-ปานกลาง-ยาว เพื่อรองรับการเปิดให้บริการในสิ้นปี 2564 และเตรียมความพร้อมไว้ระหว่างรอการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานให้แล้วเสร็จในระยะยาว และ
3.เร่งเจรจาเพื่อลงนามในพิธีสารว่าด้วยข้อกำหนดในการกักกันโรคและตรวจสอบสำหรับการส่งออกและนำเข้าผลไม้ไทยผ่านประเทศที่สาม เพื่อสามารถให้บริการได้ภายในสิ้นปี 2564”
และเนื่องจากสินค้าเกษตรมีความหลากหลายแตกต่างกันในแต่ละชนิดสินค้า ซึ่งมีเงื่อนไขหรือข้อจำกัด แบ่งออกเป็น 2 มิติ คือ 1.มิติต้นทุน กรณีส่งออกผลไม้สดจะมีเรื่องของการสูญเสียระหว่างขนส่งมากกว่าสินค้าแปรรูป ซึ่งความสดใหม่และการเน่าเสียจะง่ายกว่า จำเป็นต้องใช้เทคนิคในการบรรจุภัณฑ์เพื่อป้องกันการกระแทก และรักษาคุณภาพของผลผลิตมากกว่าสินค้าแปรรูป และ 2. มิติเวลา กรณีส่งออกสินค้าเกษตรแปรรูปแช่แข็ง จำเป็นต้องใช้การขนส่งที่เหมาะสมด้วยระบบ cold chain เข้ามาช่วยรักษาคุณภาพของสินค้า ให้ไม่เกิดการเน่าเสีย
นอกจากนี้ จากปัญหาสำคัญของการส่งออกสินค้าเกษตรผ่านเส้นทางรถไฟลาว-จีน ยังมีข้อจำกัด เนื่องจากสินค้าที่ส่งออกทางรางจากด่านหนองคายจะไปสุดปลายทางที่ท่านาแล้ง สปป.ลาว ซึ่งยังไม่เชื่อมต่อจุดที่ขนส่งทางรางไปยังจีน ดังนั้น สินค้าจะต้องถูกเปลี่ยนถ่ายจากรถไฟไปสู่รถบรรทุกขนส่ง ณ ท่านาแล้ง
สู่สถานีคำสว่างของลาว ระยะทาง 15-20 กม.ถึงจะเปลี่ยนถ่ายจากรถบรรทุกขนส่งไปยังรถไฟก่อนส่งต่อไปยังจีนได้ ซึ่งการเปลี่ยนถ่ายสินค้าจากรถไฟ-รถบรรทุก-รถไฟ จะต้องใช้ระยะเวลาในการขนถ่ายซึ่งหากบริหารจัดการไม่ดี จะเป็นปัญหาของการขนส่งสินค้าเกษตรที่เน่าเสียง่าย เรื่องนี้จึงเป็นประเด็นสำคัญที่รัฐบาลไทย-ลาว-จีน ต้องหารือเพื่อแก้ไขปัญหาร่วมกันต่อไป ทั้งนี้ เกษตรกรผู้ผลิตและผู้ประกอบการส่งออกสินค้าเกษตร ต้องเตรียมความพร้อมรองรับการเปิด
เส้นทางรถไฟสายลาว-จีน
ในส่วนของเกษตรกรผู้ผลิต ควรเน้นในเรื่องการผลิตสินค้าเกษตรที่มีคุณภาพได้ มาตรฐานการส่งออก ซึ่งกระทรวงเกษตรฯ ให้ความสำคัญและส่งเสริมเรื่องนี้มาโดยตลอด ส่วนการเตรียมความพร้อมของผู้ประกอบการส่งออกสินค้าเกษตร ในระยะแรกที่เปิดให้บริการเส้นทางรถไฟ ผู้ประกอบการจำเป็นต้องศึกษาความคุ้มค่าในการส่งออกสินค้าเกษตรผ่านเส้นทางดังกล่าวให้รอบคอบ เนื่องจากมีจุดที่ขาดการเชื่อมโยง Missing link ระยะทาง 15-20 กม. ซึ่งจะต้องมีการเปลี่ยนถ่ายสินค้าตามที่กล่าว
สรุปคือการเปิดเส้นทางรถไฟสายลาว-จีนเป็นโอกาสที่ดีสำหรับการค้าสินค้าเกษตรไทยไปยังจีน ให้ได้มากกว่าเดิม
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี