เตือนพายุ‘เตี้ยนหมู่’

ถล่ม40จว.ทั่วไทย

ระวังท่วมฉับพลัน

ปภ.สั่งพร้อมรับมือ

กรมอุตุฯเตือนพายุ“เตี้ยนหมู่” เกิดฝนตกหนักถล่ม 40 จังหวัดทั่วไทย คาดเข้าพื้นที่มุกดาหาร อำนาจเจริญ อุบลฯ ด้าน ปภ.ชี้มี 5 จังหวัด ยังประสบภัยน้ำท่วม สั่งพร้อมรับมือ 24ชม.ส่วนเขื่อนเจ้าพระยาระบายน้ำเพิ่ม ขณะอ่างลำเชียงไกร จนท.เร่งเสริมพนังรับมวลน้ำทะลักสูงสุดในรอบ 50 ปี ท่วมบ้านเรือนแล้ว 3 อำเภอ

เมื่อวันที่ 24 กันยายน นายณัฐพล ณัฏฐสมบูรณ์ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา ฉบับที่ 5 เรื่อง พายุโซนร้อน‘เตี้ยนหมู่’ว่า พายุโซนร้อนเตี้ยนหมู่ บริเวณเมืองสะหวันนะเขต ประเทศลาว มีศูนย์กลางประมาณ 60 กิโลเมตร ทางตะวันออกของ จ.อุบลราชธานี มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 65 กิโลเมตรต่อชั่วโมง กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกค่อนไปทางเหนือเล็กน้อยด้วยความเร็วประมาณ 25 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่าจะอ่อนกำลังเป็นพายุดีเปรสชั่น เข้าปกคลุม จ.มุกดาหาร อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี ส่งผลให้บริเวณประเทศไทยตอนบนมีฝนเพิ่มมากขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งกับมีลมแรงในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก รวมทั้งกทม.และปริมณฑล ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังผลกระทบจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก

ทั้งนี้ จังหวัดที่คาดว่าจะมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ได้แก่ ภาคเหนือ จ.แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง แพร่ อุตรดิตถ์ สุโขทัย พิษณุโลก กำแพงเพชร พิจิตร ตาก และเพชรบูรณ์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.เลย หนองบัวลำภู หนองคาย อุดรธานี ขอนแก่น ชัยภูมิ และนครราชสีมา ภาคกลาง จ.นครสวรรค์ ลพบุรี อุทัยธานี ชัยนาท สระบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา สุพรรณบุรี กาญจนบุรี ราชบุรี และนครปฐม รวมทั้งกทม.และปริมณฑล ภาคตะวันออก จ.นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนติดตามประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา หรือติดตามข้อมูลได้ที่เว็บไซต์ http://www.tmd.go.th หรือโทรศัพท์หมายเลข 0-2399-4012-13 ตลอด 24 ชั่วโมง

ด้านกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.) ในฐานะกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) รายงานว่าช่วงวันที่ 16-24 กันยายน เกิดอุทกภัย 19 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ ลำปาง ตาก สุโขทัย พิษณุโลก เพชรบูรณ์ พิจิตร กำแพงเพชร ชัยภูมิ เลย นครราชสีมา ศรีสะเกษ ปราจีนบุรี สระแก้ว จันทบุรี พระนครศรีอยุธยา ราชบุรี และนครศรีธรรมราช รวม 65 อำเภอ 189 ตำบล 807 หมู่บ้าน 5 เขตเทศบาล ประชาชนได้รับผลกระทบ 18,436 ครัวเรือน สถานการณ์คลี่คลายแล้ว 14 จังหวัด ยังคงมีสถานการณ์ใน 5 จังหวัด ได้แก่ พิจิตร ชัยภูมิ นครราชสีมา พระนครศรีอยุธยา และสุโขทัยทั้งนี้ ปภ.ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่สำรวจความเสียหายและให้การช่วยเหลือแล้ว

ส่วนการติดตามสภาพอากาศกับกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่าพายุโซนร้อน‘เตี้ยนหมู่’จะอ่อนกำลังเป็นพายุดีเปรสชั่นปกคลุมบริเวณ จ.อำนาจเจริญและอุบลราชธานี ทำให้ประเทศไทยตอนบน บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง มีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ปภ.จึงประสาน 57 จังหวัดทั้ง 3 ภาคดังกล่าว รวมถึงศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตพื้นที่เสี่ยงภัย เตรียมพร้อมรับมือฝนตกหนักและเฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ในช่วงวันที่ 24–25 กันยายนนี้

ขณะที่สำนักงานชลประทานที่ 12 จ.ชัยนาท ได้เปลี่ยนธงแสดงสถานการณ์น้ำ บนสันเขื่อนเจ้าพระยา อ.สรรพยา จ.ชัยนาท จากสีเขียวสถานการณ์น้ำปกติ เป็นสีเหลืองสถานการณ์น้ำเฝ้าระวัง เพื่อเตือนให้ประชาชนเฝ้าระวังระดับแม่น้ำเจ้าพระยาที่จะสูงขึ้น และทางเขื่อนจะระบายน้ำเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังเร่งพร่องน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยา ให้ลดต่ำกว่าระดับเก็บกัก 16.50 เมตร(รทก) เพื่อรองรับน้ำหลากจากพื้นที่ภาคเหนือ และน้ำฝนจากพายุเตี้ยนหมู่ ที่จะพัดเข้าพื้นที่ภาคเหนือและภาคกลาง ทำให้แม่น้ำเจ้าพระยามีปริมาณเพิ่มสูงขึ้น และไหลเข้าเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มมากขึ้น

สำหรับสถานการณ์น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาที่ไหลผ่านสถานีวัดน้ำ C 2 จ.นครสวรรค์ มีปริมาณ 2,122 ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.)/วินาที เพิ่มขึ้น 160 ลบ.ม./วินาที เขื่อนเจ้าพระยา ลดระดับน้ำเหนือเขื่อนที่ อ.เมือง จ.ชัยนาท ลงอีก 21 เซนติเมตร อยู่ที่ระดับ 16.29 เมตร(รทก)และเพิ่มการระบายน้ำท้ายเขื่อนเป็น 1,951 ลบ.ม./วินาที เพิ่มขึ้นจากวันที่ 23 กันยายนที่ผ่านมา 202 ลบ.ม./วินาที ทำให้ระดับน้ำท้ายเขื่อนที่ อ.สรรพยา น้ำเพิ่มสูงขึ้น 60 เซนติเมตร อยู่ที่ระดับ 14.07 เมตร(รทก) ต่ำกว่าตลิ่ง 2.27 เมตร

ผู้สื่อข่าวรายงานถึงสถานการณ์อ่างเก็บน้ำลำเชียงไกร ตอนล่าง ต.บัลลังก์ อ.โนนไทย จ.นครราชสีมา ว่ามีมวลน้ำมหาศาลเหนือสันอ่างเต็มพื้นที่กว่า 6,000 ไร่ วัดปริมาณได้ 35 ล้าน ลบ.ม.คิดเป็น 126% เกินความจุกักเก็บ 27 ล้าน ลบ.ม.ตลอด 2 สัปดาห์มีฝนตกหนัก ทำให้มีน้ำไหลลงอ่างวันละ 4.4-4.7 ล้าน ลบ.ม.แต่ระบายได้แค่วันละ 3.5 ล้าน ลบ.ม.ปริมาณน้ำสูงสุดในรอบ 50 ปี ตั้งแต่ก่อสร้างอ่างเมื่อปี 2514

ร.ต.ฐนนท์ธรณ์ กวีกิจรัตนา นายกเทศมนตรี ต.บัลลังก์ นำเจ้าหน้าที่ช่างร่วมกับทหาร เร่งเสริมพนังกั้นน้ำเป็นแผงเหล็กปิดทับด้วยถุงทรายบิ๊กแบ็ก ที่สะพานเชื่อมคลองระบายน้ำท้ายอ่าง หลังจากถูกกระแสน้ำซํดจนแตก 3 รอบ เพื่อเสริมความแข็งแรงให้รองรับมวลน้ำที่ต้องเร่งระบายเพราะจะมีพายุฝนตกซ้ำอีก

นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ชลประทานนครราชสีมา ได้นำรถแบ๊กโฮขุดเจาะถนนเพื่อเปิดทางระบายน้ำฉุกเฉินด้านทิศใต้ของอ่างฯ เพื่อเร่งระบายน้ำ เนื่องจากมีมวลน้ำมหาศาลจาก อ.ด่านขุนทด ไหลลงอ่าง วันละ 4 ล้าน ลบ.ม.แต่ระบายได้เพียง 3.5 ล้าน ลบ.ม.จึงต้องเพิ่มช่องทางระบายน้ำ อีกทั้งต้องรอรับฝนที่ตกเพิ่ม

มีรายงานว่ามวลน้ำจากลำเชียงไกร ได้หลากท่วมพื้นที่ด้านล่างอย่างน้อย 5 ตำบล 3 อำเภอแล้ว ประกอบด้วย ต.บัลลังก์ ต.กำปัง อ.โนนไทย , ต.ธารปราสาท ต.จันอัด อ.โนนสูง และต.โคกสูง อ.เมือง ชาวบ้านได้รับผลกระทบกว่า 200 หลังคาเรือน ซึ่งสถานการณ์มีแนวโน้มรุนแรงขึ้นอีก