ตั้งเป้าสิ้นปีคนไทยทั้งประเทศ
ได้ฉีดวัคซีน85%
‘เสี่ยหนู’นำทีมแพทย์การันตี
ซิโนแวค-แอสตราฯ-ไฟเซอร์
ทยอยเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
ยอดป่วยใหม่11,975ดับ127
นายกฯสั่งแก้ไขขยะติดเชื้อ
“เสี่ยหนู”ควงทีมแพทย์แถลงข่าวโปรแกรมการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19เป็นไปตามเป้า การันตีสิ้นปีนี้คนไทยทั่วประเทศได้รับวัคซีน 85 เปอร์เซ็นต์ยัน “ซิโนแวค-แอสตราฯ” มีครบไม่ขาดแคลน และทยอยมาต่อเนื่องในขณะที่โฆษกรัฐบาลบอกทุกอย่างเป็นไปตามวาระแห่งชาติ ขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ในประเทศลดลงมาเหลือ 11,975 ราย เสียชีวิต 127 ศพ
เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2564 ที่กระทรวงสาธารณสุข นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข แถลงข่าวประเด็นผลการฉีดวัคซีนทั่วไทย และแผนการฉีดวัคซีนระยะต่อไปตามเป้าหมาย ว่า เมื่อวันที่ 24 กันยายน เราได้มีการรณรงค์ให้มีการฉีดวัคซีนเนื่องในวันมหิดลให้ได้ครบ 1 ล้านโดสให้กับประชาชน จากความร่วมมือของคนไทย ทำให้ในวันเดียวสามารถฉีดวัคซีนได้มากกว่า 1.3 ล้านโดส แบ่งเป็น เข็มแรก 8.4 แสนโดส เข็มสอง 3 แสนโดส และ เข็มที่สาม 1.4 แสนโดส ทำให้พิสูจน์ให้เห็นถึงประสิทธิภาพของระบบสาธารณสุขไทย สร้างความมั่นใจให้กับประชาชน สำหรับข้อมูลความครอบคลุมการฉีดวัคซีนโควิด-19 สะสมทั้งประเทศเกิน 50 ล้านโดส ความครอบคลุมในเข็มที่แรก 44.45% และครอบคลุมเข็มแรกในกลุ่ม 607 ร้อยละ 57.44%
ขอให้ปชช.ลงทะเบียนรับวัคซีนเข็ม3
นายอนุทินกล่าวว่า เมื่อวานเป็นการเริ่มการให้บริการวัคซีนเข็มที่ 3 แก่ประชาชนที่ได้รับการฉีดวัคซีนซินโนแวค 2 เข็มแรกก่อนหน้านี้ เพื่อเสริมความมั่นใจว่าผู้ที่ได้รับวัคซีนซิโนแวค 2 เข็ม จะมีภูมิต้านทานที่อยู่ในระดับที่ปลอดภัยสำหรับการรองรับสายพันธุ์เดลต้า (อินเดีย) ได้ โดยเมื่อวานฉีดวัคซีนเข็ม 3 ให้กับประชาชนทั้งหมด 1.5 แสนคน จากนี้เป็นต้นไปตนขอเรียนเชิญประชาชนที่ได้รับวัคซีนซิโนแวค 2 เข็ม ตั้งแต่ช่วงเดือน มี.ค.-มิ.ย. ขอให้ลงทะเบียนเพื่อรับการฉีดวัคซีนเข็มที่สามเพื่อความปลอดภัย
“สำหรับสถานการณ์วัคซีนจากนี้เป็นต้นไปจนถึงสิ้นปี ขอให้ท่านมีความมั่นใจว่ากระทรวงสาธารณสุข โดยกรมควบคุมโรค ได้ทำการจัดหาวัคซีนได้ตามเป้าหมายที่เราได้วางแผนไว้ทุกประการ เราจะมีวัคซีนทั้งสิ้นจนถึงเดือน ธ.ค. ประมาณ 125 ล้านโดส และตั้งแต่เดือนต.ค. เป็นต้นไป เราจะเร่งทำการฉีดให้ครอบคลุมทุกกลุ่มประชากร เพื่อให้เราจะได้กลับมาใช้ชีวิตอย่างปกติสุข” นายอนุทิน กล่าว
ขอให้มั่นใจวัคซีนมีมากเพียงพอ
นายอนุทิน กล่าวอีกว่า ตอนนี้วัคซีนจะทยอยเข้ามามีจำนวนมากเพียงพอที่เราจะเร่งฉีดให้ครอบคลุมประชาชนทุกกลุ่มได้ โดยเฉพาะวัคซีน mRNA ของไฟเซอร์ที่รัฐบาลได้จัดซื้อทั้งหมด 30 ล้านโดสก็จะทยอยเข้ามาตั้งแต่สิ้นเดือนนี้เป็นต้นไปจนถึงสิ้นปี สามารถฉีดให้กับเด็กตั้งแต่ 12 ปีขึ้นไป เพื่อให้เด็กสามารถไปเรียนได้ และโรงเรียนสามารถเปิดการเรียนการสอนได้อย่างปกติให้เร็วที่สุด
นายอนุทิน กล่าวเพิ่มเติมว่า กระทรวงสาธารณสุขได้ยืนยันการจัดหาวัคซีนสำหรับปีหน้า จึงขอให้ความมั่นใจว่าวัคซีนที่เราเตรียมจัดหามาจะมีความเพียงพออย่างแน่นอน และเป็นวัคซีนที่นำมาใช้ในการฉีดกระตุ้นภูมิ เราไม่จำเป็นต้องฉีดสองเข็มแบบปีนี้อีกต่อไป จากนี้วัคซีนที่นำมากระทรวงสาธารณสุขจะฉีดเพื่อกระตุ้นภูมิของประชาชนไปเรื่อยๆ จนกว่า สถานการณ์จะดีขึ้น
“หมอโอภาส”ชี้สถานการณ์ดีขึ้น
ด้าน นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า วันนี้เรามีผู้ป่วยที่กลับบ้าน 1.4 หมื่นคน ทำให้ยอดสะสมคนที่รักษาหายแล้วอยู่ที่ 1.4 ล้านคน มีการรายงานผู้ติดเชื้อรายใหม่ 1.1 หมื่นคน เป็นผู้ที่มาจากต่างประเทศ 19 คน ซึ่งแนวโน้มลดลงเรื่อยๆ ทำให้ขณะนี้เรามีผู้ที่มีอาการหนักเหลือเพียง 3.3 พันคน และคนที่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจอยู่ในห้องไอซียู เหลือ 729 คน ลดลงตามลำดับเมื่อเทียบกับต้นเดือน ก.ย. สำหรับผู้เสียชีวิตวันนี้มีรายงาน 127 คน
ในส่วนของการฉีดวัคซีนที่เราใช้ในประเทศไทยผ่านการรับรองโดยองค์การอนามัยโดสและอย. มีประสิทธิภาพป้องกันการป่วยหนักและเสียชีวิตที่ดีมาก ถ้าประชาชนมีความสนใจฉีดวัคซีนมากยิ่งขึ้นก็จะทำให้เราควบคุมสถานการณ์ลดการสูญเสียให้ได้มากที่สุด
ช่วงต.ค.มีวัคซีนเข้าไทยเพียบ
สำหรับแผนการฉีดวัคซีนถ้าสังเกตดูในช่วงตนวัคซีนที่เข้ามาสู่ประเทศไทยค่อนข้างน้อย แต่ในช่วงมิ.ย.ตามแผนที่จะจัดหาวัคซีนมากยิ่งขึ้นทำให้เราสามารถฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะเดือน ก.ย.-ต.ค. จะเป็นช่วงที่มีการฉีดที่สูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด ทั้งนี้ในเดือน ก.ย.เรามีวัคซีนที่ฉีดโดยรัฐบาลจัดหาไม่ว่าจะเป็นซิโนแวค แอสตร้าเซนเนก้า และไฟเซอร์ ทั้งหมด 16 ล้านโดส และจะมีวัคซีนทางเลือกไม่ว่าจะเป็นซิโนฟาร์ม 10 ล้านโดส ทำให้ยอดผู้ฉีดวัคซีนมีค่อนข้างมาก ส่วนเดือนต.ค.มีวัคซีนเข้ามาเป็นจำนวนมากไม่ว่าจะเป็นซิโนแวคอย่างน้อย 6 ล้านโดส แอสตร้าเซนเนก้า 10 ล้านโดส ไฟเซอร์ 8 ล้านโดส ทำให้ยอดรวมที่ทางรัฐบาลจัดหามีอย่างน้อย 24 ล้านโดส และซิโนฟาร์ม 6 ล้านโดส
ตั้งเป้าสิ้นปีฉีดได้85%ของทั้งปท.
นพ.โอภาส กล่าวว่า หลังจากการปรับนโยบายการฉีดวัคซีนเป็นสูตรไขว้ เป็นซินโนแวคเข็มแรก และ แอสตร้าเซนเนก้า ทำให้เราครอบคลุมการฉีดวัคซีนเข็มสองได้มากขึ้น สังเกตได้ว่าสิ้นเดือน ก.ย.ตามแผนเราจะฉีดวัคซีนสะสมทั้งหมดเข็มแรก 32 ล้านคน หรือ 45% และเข็มสอง 18 ล้านคน หรือ 25% แต่หลังจากเดือนต.ค.-ธ.ค. การฉีดเข็ม1-2 จะเพิ่มขึ้น โดยในสิ้นเดือน ต.ค. ความครอบคลุมในการฉีดเข็มแรกอย่างน้อย 41 ล้านคน หรือ 58% ของประชากรคนไทย และในเดือนพ.ย.ฉีดสะสมให้กับคนที่อยู่ในแผ่นดินไทยไม่ว่าจะชาวไทย หรือต่างชาติ 71 ล้านคน และในสิ้นเดือนธ.ค.มีคนไทย 60 ล้านคน ที่ได้รับวัคซีนคิดเป็น 85% ส่วนตัวเลขเข็มสองเดือนต.ค. 30 ล้านคน หรือ45% เดือนพ.ย 42 ล้านคน หรือ 60% และสิ้นเดือนธ.ค. 52 ล้านคน หรือ 74% ถ้าดูจากตัวเกินแผนที่เราวางไว้แต่ต้น
เน้นฉีดเข็มสามเป็นเรื่องสำคัญ
นพ.โอภาส กล่าวอีกว่า สำหรับเข็มกระตุ้น วัคซีนที่ฉีดเป็นวัคซีนใหม่ สิ่งที่เราไม่ค่อยทราบคือ เมื่อฉีดแล้วภูมิคุ้มกันจะลดลงเมื่อไหร่ เพราะฉะนั้นเป็นมาตรการที่สำคัญที่กระทรวงสาธารณสุขให้ความสนใจและเรียนว่า คนที่ฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มไปแล้วก็จะมีการแจ้งนัดหมายมาฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นเพื่อให้ภูมิคุ้มกันสูงขึ้น ลดโอกาสเสี่ยงการติดเชื้อ
ด้าน นายเกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า การฉีดวัคซีนเมื่อวานจังหวัดที่ฉีดมากที่สุด 5 จังหวัดแรก คือ กรุงเทพฯ 6.4 หมื่นโดส ชลบุรี 4.8 หมื่นโดส อุดรธานี 4.7 หมื่นโดส นครราชสีมา 4.4 หมื่นโดส เชียงใหม่ 3.9 หมื่นโดส และขอนแก่น 3.9 หมื่นโดส
นายกฯมั่นใจสิ้นปีฉีดวัคซีนได้ถึง70%
ด้านนายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ขอบคุณประชาชน บุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่ทุกคน ที่ร่วมมือร่วมใจกันเข้ารับและให้บริการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทำให้วานนี้ สร้างสถิติยอดฉีดวัคซีนรายวันสูงสุดที่ 1,443,582 โดส (24 กันยายน 2564 เวลา 22.01 น.) เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลเนื่องในวันมหิดล
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า การให้บริการฉีดวัคซีนทั่วประเทศเกินกว่า 1.4 ล้านโดส ซึ่งเป็นตัวเลขการฉีดรายวันสูงสุด โดยแบ่งเป็นเข็มที่ 1 จำนวน 947,290 โดส เข็มที่ 2 จำนวน 320,864 โดส รวมถึงการฉีดเข็มที่ 3 และ 4 กระตุ้นภูมิคุ้มกัน ทำให้ไทยมียอดการฉีดวัคซีนสะสมแล้วกว่า 50 ล้านโดส นายกรัฐมนตรียังเชื่อมั่นในศักยภาพสาธารณสุขไทย จะสามารถบรรลุเป้าหมายการฉีดวัคซีน 100 ล้านโดส คิดเป็น 50 ล้านคน หรือร้อยละ 70 ของประชากรกลุ่มเป้าหมาย ภายในปี 2564 นี้ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้ประกาศให้การฉีดวัคซีนเป็น “วาระแห่งชาติ”
ขอบคุณปชช./ชื่นชมทีมแพทย์
“นายกรัฐมนตรีฝากขอบคุณประชาชนทุกคนที่เข้ารับการฉีดวัคซีน และชื่นชมบุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขในทุกพื้นที่ ที่ทำงานแม้จะเป็นวันหยุดราชการ ให้บริการประชาชนที่เข้ามารับการฉีดวัคซีนตามจุดบริการต่างๆ นายกรัฐมนตรียังให้ความมั่นใจว่า รัฐบาลเดินหน้าตามแผนการจัดหาและกระจายวัคซีน เพื่อลดความรุนแรงในการเจ็บป่วยและเสียชีวิตในประชากรกลุ่มเสี่ยง ที่สำคัญยิ่ง คือ หนุนการกลับมาการประกอบกิจการ/กิจกรรม เตรียมพร้อมขับเคลื่อนเศรษฐกิจ รองรับการฟื้นตัวของภาคธุรกิจ อุตสาหกรรมและการท่องเที่ยวในช่วงปลายปีนี้ด้วย” นายธนกรกล่าว
พบปัญหากำจัดขยะติดเชื้อ
น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้รับรายงานว่าขณะนี้ได้เกิดปัญหาขยะติดเชื้อตกค้างจำนวนมากในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ เนื่องจากสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2563 จนถึงปัจจุบัน ได้ทำให้ให้มีขยะติดเชื้อเพิ่มขึ้นทั้งที่มาจากโรงพยาบาล โรงพยาบาลสนาม ศูนย์พักคอย และการรักษาตัวที่บ้าน (Home Isolation) ซึ่งจำนวนขยะติดเชื้อดังกล่าวเกินศักยภาพของเตาเผาขยะทั้งประเทศที่มีอยู่ นอกจากนี้ ยังพบว่าเกณฑ์ภาครัฐที่เกี่ยวข้องกับการจัดการขยะติดเชื้อที่มีอยู่ยังไม่เอื้ออำนวยให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถดำเนินการกำจัดขยะติดเชื้อได้อย่างเหมาะสมเท่าทันสถานการณ์ จึงทำให้มีขยะติดเชื้อตกค้างอยู่ในพื้นที่ต่างๆ จำนวนมาก
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างเร่งด่วน นายกรัฐมนตรีจึงมีข้อสั่งการให้หน่วยงานเกี่ยวข้องดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยให้กระทรวงอุตสาหกรรมเร่งดำเนินการแก้ไขปรับปรุงประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การกำจัดสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว พ.ศ. 2548 ให้แล้วเสร็จและมีผลบังคับใช้โดยด่วนเพื่อให้โรงงานอุตสาหกรรมและโรงงานผลิตไฟฟ้าสามารถขออนุญาตใช้ขยะติดเชื้อเป็นเชื้อเพลิงได้ ซึ่งทำให้ขยะติดเชื้อที่ตกค้างหน้าเตาเผาถูนำไปเฝาทำลายให้หมดไป
ให้ปรับปรุงหลักเกณฑ์ ข้อ กม.ต่างๆ
รวมถึงให้กระทรวงพลังงาน กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.)และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งดำเนินการออกกฎกระทรวง ประกาศ ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องเช่นพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 พ.ร.บ.การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2522 และ พ.ร.บ.การสาธารณสุข พ.ศ.2535 เพื่อให้สามารถหาแหล่งรับกำจัดขยะติดเชื้อและจัดทำยานพาหนะขนส่งขยะติดเชื้อเพิ่มมากขึ้นได้
“นายกรัฐมนตรีมีข้อกังวลว่า หากไม่เร่งแก้ไขปัญหาขยะติดเชื้อตกค้าง จะส่งผลกระทบต่อทั้งสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชนในระยะยาว เพราะแม้เวลานี้สถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่จะคลี่คลายลงบ้างแล้ว แต่ก็ทั่วประเทศยังจำเป็นต้องดำเนินมาตรการป้องกันโรคต่อไปซึ่งจะยังทำให้มีขยะติดเชื้อจำนวนมาก จึงมีข้อสั่งการให้หน่วยงานเกี่ยวข้องเร่งปรับปรุงหลักเกณฑ์ ข้อกฎหมายต่างๆ เพื่อเอื้อต่อการแก้ไขปัญหาให้เร็วที่สุด” น.ส.ไตรศุลี กล่าว
ไทยพบผู้ติดเชื้อรายใหม่11,975ดับ127
ศูนย์ข้อมูล COVID-19 สรุปรายงานรายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ประจำวันที่ 25 กันยายน 2564 ว่า มีผู้ติดเชื้อรายใหม่รวม 11,975 ราย จำแนกเป็น ผู้ป่วยจากระบบเฝ้าระวังฯ 10,651 ราย ผู้ป่วยจากการค้นหาเชิงรุก 1,213 ราย ผู้ป่วยภายในเรือนจำ ที่ต้องขัง 92 ราย ผู้ป่วยมาจากต่างประเทศ 19 ราย ผู้ป่วยสะสม 1,520,422 ราย (ตั้งแต่ 1 เมษายน) หายป่วยกลับบ้าน 14,700 ราย หายป่วยสะสม 1,381,176 ราย (ตั้งแต่ 1 เมษายน) ผู้ป่วยกำลังรักษา 124,540 ราย แบ่งเป็นในโรงพยาบาล 37,807 ราย โรงพยาบาลสนามและอื่นๆ 86,733 ราย ในจำนวนนี้มีอาการหนัก (ปอดอักเสบ) 3,323 ราย ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ 729 ราย ส่วนผู้เสียชีวิตมีจำนวน 127 ราย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี