เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2564 เจ้าหน้าที่ตำรวจรถไฟ ได้นำหมายค้นเข้าตรวจค้นห้องพักในอพาร์ทเม้นท์แห่งหนึ่ง ย่านดินแดง พร้อมจับกุมชายหญิง 2 คน มาสอบสวนดำเนินคดี หลังสืบสวนพบทั้งสองคนเป็นหัวโจกทุจริต การลงทะเบียนวัคซีนโควิด – 19 ที่ ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งขณะนั้นพบการทุจริตลงทะเบียนประมาณ 600 คน จากกว่า 2,000 คน ซึ่ง พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และตำรวจรถไฟ พร้อมคณะทำงาน ใช้เวลาสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเกือบ 2 เดือน ก่อนยื่นขอหมายจับต่อศาลอาญาจับกุมแก๊งดังกล่าวจำนวน 7 ราย
จากนั้น ตำรวจได้นำผู้ต้องหาที่เป็นสามี-ภรรยาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่ศูนย์ฉีดฯ บางซื่อ โดยผู้ต้องหารับสารภาพว่า กระทำผิดจริง โดยอ้างว่า ต้องการช่วยญาติและเพื่อนให้ได้รับวัคซีนเท่านั้น และไม่มีการตัดโควต้าใคร ส่วนมูลค่าความเสียหายนั้นไม่ใช่ 7 ล้านบาท แต่เป็น 4 ล้านบาท
ด้าน พล.ต.ต.อำนาจ ไตรพจน์ ผบก.รฟ. กล่าวว่า ขณะนี้สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 7 ราย อยู่ในระหว่างการสอบสวน โดยเบื้องต้นได้ทำการแจ้งข้อหา ร่วมกันเข้าถึงข้อมูลโดยมิชอบด้วยระบบคอมพิวเตอร์ และฉ้อโกง ซึ่งการกระทำความผิดนี้เป็นการกระทำความผิดด้วยตนเอง ไม่มีหน่วยงานใดมาเกี่ยวข้อง
สำหรับคดีนี้สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคมที่ผ่านมา นางศิริลักษณ์ อุบลเหนือ นักจัดการงานทั่วไปชำนาญการพิเศษ ปฏิบัติหน้าที่รองผู้อำนวยการด้านอำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง ได้รับมอบหมายจากจากผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง ให้มาแจ้งความกล่าวโทษเพื่อดำเนินคดีกับคนร้ายที่เข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์เข้าถึงข้อมูลคอมพิวเตอร์ และทำการแก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มเติมรายชื่อผู้มีสิทธิที่จะได้รับการฉีดวัคซีน เข้าไปในระบบคอมพิวเตอร์ของศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ ซึ่งผู้มีรายชื่อดังกล่าวไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายของกระทรวงสาธารณสุข ที่จะทำการฉีดวัคซีนให้
ต่อมา เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม เจ้าหน้าที่ฝ่ายไอทีของศูนย์ฉีดวัคซีนบางซื่อได้ตรวจสอบ พบรายชื่อบุคคลที่มีการลงทะเบียนนอกเวลาทำการ หลังเวลา 20.00 น.จำนวนมากผิดปกติ ต่อมาวันที่ 27 กรกฎาคม ตรวจสอบพบว่ามีการนำข้อมูลรายชื่อบุคคลเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ นอกเวลาทำการประมาณวันละ 1,000 คน ตั้งแต่เวลาประมาณ 21.00 น.ถึง 24.00 น. โดยประมาณจึงได้สั่งการให้ยกเลิกและนำรายชื่อที่ลงทะเบียน นอกเวลาทำการทั้งหมดออกจากระบบคอมพิวเตอร์
วันที่ 28 กรกฎาคม เวลาประมาณ 09.00 น. ได้มีประชาชนซึ่งที่มีรายชื่อนัดหมายในวันดังกล่าว และมีชื่อลงทะเบียนนอกเวลาทำการ เดินทางมาตามกำหนดนัดเพื่อรับวัคซีนที่จุดลงทะเบียน เจ้าหน้าที่ตรวจสอบไม่พบข้อมูลเนื่องจากยกเลิกรายชื่อไปแล้วทำให้ประชาชนกลุ่มดังกล่าวแสดงความไม่พอใจและพูดทำนองว่า “เสียเงินแล้วแต่ทำไมไม่ได้ฉีด” โดยทราบว่า คนร้ายได้เรียกเก็บเงินในการเพิ่มชื่อเพื่อเข้ารับการฉีดวัคซีนเป็นเงินรายละ 200 ถึง 1,000 บาท ซึ่งการฉีดวัคซีนป้องกันโรคให้กับประชาชนทั่วไป กรมการแพทย์ไม่ได้มีนโยบายเรียกเก็บเงินแต่อย่างใด จึงมีการสอบถามประชาชนกลุ่มดังกล่าว โดยให้กรอกข้อมูลเป็นเอกสารไว้ ต่อมาจึงได้รวบรวมหลักฐานเข้าแจ้งความกล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน ส.รฟ.นพวงศ์ กก.1 บก.รฟ. เพื่อให้ทำการสืบสวนสอบสวนหาตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
ต่อมาพล.ต.ท.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบช.ก. , พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช รอง ผบช.ก. ได้แต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน โดยมี พล.ต.ต.ไพบูลย์ น้อยหุ่น รอง ผบช.ก. , พล.ต.ต.อำนาจ ไตรพจน์ ผบก.รฟ. , พ.ต.อ.วริศร์สิริภ์ สีละสิริ รอง ผบก.อก.บช.ก. ปฏิบัติราชการ บก.รฟ. เป็นหัวหน้าคณะ/รองหัวหน้าฯ ทำการสืบสวนสอบสวนในคดีนี้ โดยมีการสอบพยานที่เกี่ยวข้องจำนวนประมาณ 200 ปาก ตรวจสอบข้อมูลจราจรคอมพิวเตอร์ ตรวจสอบเส้นทางการเงินของผู้ที่เกี่ยวข้อง และได้รวบรวมพยานหลักฐานในคดีนี้ และยื่นคำร้องขออนุมัติหมายจับต่อศาลอาญา ศาลอาญาอนุมัติหมายจับบุคคลทั้ง 7 รายดังกล่าว
ในความผิดฐาน “ร่วมกันเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งระบบคอมพิวเตอร์ ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะและมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตน ,ร่วมกันเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะและมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตน โดยร่วมกันกระทำต่อระบบคอมพิวเตอร์หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่เกี่ยวกับการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ หรือความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ ,ร่วมกันทำให้เสียหาย ทำลาย แก้ไข เปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มเติมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางสวน ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดยมิชอบ โดยร่วมกันกระทำต่อข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือระบบคอมพิวเตอร์ที่เกี่ยวกับการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะหรือความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ ,ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันฉ้อโกง” อันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2560 มาตรา 5,7,9,12 และตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 ,343 ประกอบมาตรา 83
-001
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี