วันพฤหัสบดี ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ในประเทศ
‘เพลงลูกทุ่ง’เรื่องเล่าชีวิต แรงงานชนบทดิ้นรนในต่างถิ่น

‘เพลงลูกทุ่ง’เรื่องเล่าชีวิต แรงงานชนบทดิ้นรนในต่างถิ่น

วันพุธ ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2564, 06.00 น.
Tag : เพลงลูกทุ่ง
  •  

“จากแดนอีสานบ้านเกิดเมืองนอน มาเล่นละคร บทชีวิตหนัก จากพ่อแม่มา พบพาคนไม่รู้จัก จากคนที่รัก จำลามาหางานทำ” (ละครชีวิต-ไมค์ ภิรมย์พร)

“อ้ายทิดเคน เข้ามาเป็น คนขับแท็กซี่ จากร้อยเอ็ด เฮ็ดนาได้เอาไปใช้แต่หนี้ ตัดสินใจหิ้วกระเป๋าเดินทาง มาสู้กลางเมืองใหญ่เมืองนี้ได้เจอกันอยู่ร้านลาบหลายที เป็นจั๋งใด๋พี่โชคหมานบ่น้อ” (คนบ้านเดียวกัน-ไผ่ พงศธร)


ส่วนหนึ่งจากอีกมากมายของ “เพลงลูกทุ่ง” บทเพลงของชนชั้นรากหญ้า ที่ตัดสินใจทิ้งถิ่นฐานบ้านเกิดเข้ามาแสวงโอกาสในกรุงเทพฯ เมืองหลวงและศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นภาพที่ชินตาสังคมไทยแม้เวลาจะผ่านมานานกว่ากึ่งศตวรรษ นับตั้งแต่ประเทศไทยเริ่มพัฒนาเศรษฐกิจสมัยใหม่ภายใต้แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับแรกเมื่อปี 2504 หมุดหมายแรกของการเปลี่ยนผ่านจากสังคมเกษตรสู่สังคมอุตสาหกรรมและบริการ

เมื่อเร็วๆ นี้ ภาควิชาประวัติศาสตร์คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ร่วมกับ แผนงานคนไทย 4.0 มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จัดการบรรยายหัวข้อ “ลูกทุ่งอีสาน แรงงาน และการเคลื่อนที่ระหว่างเมืองกับชนบท” โดยมีสมพงศ์ อาษากิจ นักวิชาการอิสระ และศิษย์เก่าภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็นวิทยากร

สมพงศ์ เริ่มต้นด้วยการกล่าวถึงวิทยานิพนธ์ที่ตนเองคยทำคือ “วิถีแบบเมืองในพื้นที่ชนบท : การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างความรู้สึกของคนชนบทในโลกสมัยใหม่” ซึ่งส่วนหนึ่งของวิทยานิพนธ์ได้ศึกษาเพลงลูกทุ่งที่เกี่ยวข้องกับคนอีสาน (หรือชาวไทยจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือ)เริ่มต้นดำเนินการในปี 2558 ที่ขณะนั้นเพลงลูกทุ่งแบบอินดี้ (Indy-ศิลปินอิสระ หรือไม่ได้อยู่ในค่ายเพลงใหญ่ๆ ที่เป็นกระแสหลัก) ยังมีไม่มากนัก

“เพลงลูกทุ่งถูกชี้ว่าเป็นลักษณะบทเพลงที่สะท้อนอารมณ์ของคนชนบท จากภาคอีสานที่คิดถึงบ้าน เมื่อเผชิญกับปัญหาต่างๆ เมื่อเข้าไปใช้ชีวิตในเมือง แต่ในแง่ของรูปแบบของเพลงจะมีลักษณะผสมผสานลักษณะของดนตรีลาตินผสมกับเพลงพื้นบ้านภาคกลาง และเล่าถึงชีวิตชนบท ซึ่งถ้าจะดู Period (คาบเวลา) กระแสพวกดนตรีนิยม กระแสเพลงต่างๆ หรือว่าพัฒนาของเพลงของไทยก็มาตั้งแต่เพลงไทยเดิม ทศวรรษ 2470 แต่เพลงลูกทุ่งก็จะมาหลังปี 2505 แต่บูมขึ้นมาจริงๆ คือปี 2515 แต่จะมีช่วงที่ Drop (ลด) ลงคือปี 2520 ที่เพลงเพื่อชีวิตขึ้นมา” สมพงศ์ กล่าว

ส่วนคำว่า “เพลงลูกทุ่งอีสาน” น่าจะปรากฏครั้งแรกในปี 2515 โดย สุรินทร์ ภาคสิริ นักจัดรายการวิทยุที่ใช้ชื่อในวงการว่า “ทิตโส สุดสะแนน อัจฉริยะบนที่ราบสูง” ได้ให้นิยามไว้ว่า “เพลงลูกทุ่งอีสานคือเพลงที่มีส่วนผสมของเนื้อร้องและทำนองของหมอลำ” อันเป็นดนตรีพื้นถิ่นในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย ทั้งนี้เพลงลูกทุ่งเริ่มเป็นกระแสในสังคมไทยตั้งแต่ปี 2510 เป็นต้นมา เมื่อคนอีสานออกจากบ้านเกิดไปทำงานในเมืองหลวงอย่างกรุงเทพฯ อันเป็นผลของการก่อสร้าง “ถนนมิตรภาพ” เชื่อมภาคตะวันออกเฉียงเหนือกับภาคกลาง

รวมถึงการไปทำงานในกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออก ตาม “โครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Seaboard)” ในพื้นที่จังหวัดชลบุรี ระยองและฉะเชิงเทรา ช่วงทศวรรษ 2520 ซึ่งแม้การโยกย้ายถิ่นไปทำงานจะเริ่มเห็นมาตั้งแต่ปี 2506 แต่การใช้คำว่าอพยพอันหมายถึงเคลื่อนย้ายกันเป็นจำนวนมากจะเกิดขึ้นหลังปี 2510 ไปแล้ว “เพลงลูกทุ่งอีสานเปรียบเสมือนเครื่องเติมเต็มความรู้สึกของคนอีสานที่ต้องอยู่ห่างไกลจากบ้านเกิด”แต่อีกด้านหนึ่ง “เพลงลูกทุ่งอีสานก็เป็นเหมือนบันทึกการเดินทางของคนอีสานที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายการพัฒนาประเทศ” เพลงลูกทุ่งอีสานจึงไม่อาจแยกขาดจากการเคลื่อนที่ของแรงงาน

สมพงศ์ กล่าวต่อไปถึง “ลักษณะเรื่องเล่าที่พบในเพลงลูกทุ่งอีสาน”ประกอบด้วย 1.บรรยากาศของบ้านเกิด เช่น ท้องทุ่ง ธรรมชาติ ศิลปวัฒนธรรม2.ความคิดก่อนเข้ากรุง สะท้อนความฝันของคนในชนบทที่อยากไปสัมผัสความศิวิไลซ์ทันสมัยในเมือง 3.การดำรงชีวิตในกรุง สะท้อนอารมณ์ความรู้สึกของตนเองเมื่ออยู่ในเมือง เช่น การปรับตัวเมื่อต้องเผชิญอุปสรรคต่างๆ ไปจนถึงการพบรักในเมืองที่บทสรุปก็มีทั้งสมหวังและผิดหวัง

4.ความรู้สึกคิดถึงบ้าน จะปรากฏขึ้นในคนอีสานที่ทำงานในเมืองมาสักระยะหนึ่ง มีการคิดถึงท้องไร่ท้องนาอาหารการกิน ดนตรีท้องถิ่น (เช่นเสียงพิณ-เสียงแคน) ตลอดจนคนรักหรือสมาชิกในครอบครัวที่อยู่ ณ บ้านเกิด5.กลับบ้าน คนอีสานที่ไม่รู้สึกว่าอยากอยู่ในเมืองแล้วก็จะตัดสินใจขอกลับภูมิลำเนาเดิม และ 6.เสียงจากผู้อยู่กับถิ่น มีบางบทเพลงที่เล่าเรื่องราวของคนในท้องถิ่น ที่รอคอยคนรักหรือสมาชิกในครอบครัวที่ออกจากบ้านไป เช่น คร่ำครวญว่าเมื่อไรจะกลับมา หรือกังวลว่าจะไปมีคนรักใหม่หรือไม่

“น่าสนใจเหมือนกันว่า ในกระแสการก่อตัวของลูกทุ่งอีสานยุคใหม่ อีสานอินดี้ที่มัน Hybrid (ผสมผสาน) มากขึ้นหลังทศวรรษ 2560 พวกนี้มันหายไป ภาพมันเปลี่ยนไปแบบพลิกเลย ก็คือเป็นความทันสมัยของคนรุ่นใหม่ มันเป็นอีก Gen (รุ่น) หนึ่งไปแล้ว แล้วดนตรีหรือว่า Story (เรื่องราว) ที่มันปรากฏ คนสามารถทำค่ายเพลงของตัวเองได้ อะไรมันเปลี่ยนไปมาก ก็เลยกลับมาตั้งคำถามว่า กระแสเพลงลูกทุ่งอีสานในลักษณะความหมายเดิมมันอาจจะมีข้อจำกัดในการใช้อธิบายปรากฏการณ์เพลงอีสานในบริบทปัจจุบัน” สมพงศ์ ตั้งข้อสังเกต

นอกจากบทเพลงที่กล่าวถึงชีวิตแรงงานอีสานในเมืองใหญ่ของไทยแล้ว “ยังมีบางบทเพลงที่กล่าวถึงชีวิตแรงงานอีสานที่ข้ามน้ำข้ามทะเลไปทำงานในต่างแดน” สมพงศ์ยกตัวอย่างบทเพลงแนว “กลอนลำ” ในทศวรรษ 2520 ว่าด้วยแรงงานที่ไปทำงานในประเทศซาอุดีอาระเบีย ด้วยความฝันว่าจะไป “ขุดทอง” เก็บเงินสร้างเนื้อสร้างตัว ยกระดับคุณภาพชีวิต ของตนเองและครอบครัวในชนบทให้ดีขึ้น ในทางกลับกัน ก็มีบทเพลงว่าด้วยคนที่รอคอยการกลับมาของผู้ที่ไปทำงานต่างแดน (เช่น ภรรยารอสามี) อาทิ

“..พวกพี่น้องจากถิ่นไทยแลนด์ไปต่างแดนขุดทองเพื่อหาเงินก้อน หาทุนฮอนเก็บไว้ ในใจนั้นคิดว่าเสี่ยงเบิ่งโชคชะตา วาสนาเครือให้รวยได้ดั่งเขา เพื่อพ้นความโศกเศร้าอาภัพอับจน..” (คุยเครื่องเมืองซาอุ-ทองเจริญดาเหลา, บุญช่วง เด่นดวง)

“วันนี้พี่ขอสั่งเสีย ทั้งลูกทั้งเมียที่รักล้นเหลือ ไปทำงานซาอุดีอาระเบีย น้ำตาไหลคลอเคลียมันแสนเศร้า ได้นั่งกอดเข่านั่งเช็ดน้ำตา ชีวิตที่ร่วมกันมา ชีวิตที่ร่วมกันมา ไม่เคยจากแก้วตาแม่เนื้อนิ่มไปไหน ถึงไปพี่ก็ไปไม่ไกล ถึงไปพี่ก็ไปไม่ไกล ครั้งนี้หัวใจมันแสนหดหู่..” (เต้ยสั่งเมียไปซาอุ-สมาน หงษา,เทียมจันทร์ ดารารัตน์)

“..เห็นรูปพี่ เมียมองมองเบิ่งเทิงคิดว่า แม่นพี่มายืนใกล้คู่กัน ทุกมื้อนั้นเมียเปล่าปาวรณาหมดสัญญาเร็วๆให้ฟ่าวคืนมาบ้าน ป่านไฟทุ่งสุมฟืนลามไฮ่ ป่านไฟทุ่งสุมฟืนลามไฮ่ ฮอตป่านไฟลูกทุ่งสุมฮ้อนอยู่ใจ ยามเมื่อได้จดหมาย ข่าวคราวถึงใจคะนึง นอนคิดฮ่ำฮอนแต่นั้นเจ้า..” (ลำเดินน้ำตาเมียซาอุ-บานเย็น รากแก่น)

จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญครั้งหนึ่งในวงการเพลงลูกทุ่งเกิดขึ้นในทศวรรษ 2540 โดย สมพงศ์ เล่าว่า ยุคนี้เกิดปรากฏการณ์ “ลูกทุ่งร่วมสมัย” อันมาจากปัจจัยหลาย ประการ ได้แก่ 1.วิกฤตเศรษฐกิจ ในปี 2540 ประเทศไทยเผชิญมรสุมเศรษฐกิจครั้งใหญ่ที่เรียกกันว่า “วิกฤตต้มยำกุ้ง”ทำให้เกิดกระแส “รื้อฟื้นความเป็นชนบท” ขึ้นมาใช้ตอบโต้กระแสทุนนิยม “เพลงลูกทุ่งคือหนึ่งในเครื่องมือรณรงค์ให้คนไทยนิยมความเป็นไทย” เช่นเดียวกับการ “กินของไทย-ใช้ของไทย”อันเป็นกระแสสังคมในเวลานั้น

2.การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทั้งสื่อดั้งเดิมอย่าง “วิทยุ” ที่ก่อนหน้านี้มีการแยกกันระหว่างการออกอากาศในระบบ FM กับ AM โดย FM จะเน้นออกอากาศในเขตเมือง ส่วน AM จะเป็นพื้นที่ชนบท ทำให้รูปแบบการฟังเพลงของคนเมืองกับคนชนบทแตกต่างกัน แต่หลังปี 2540 การออกอากาศระบบ FM สามารถทำได้มากขึ้น หรือ “โทรทัศน์” ที่ในอดีตมีเพียง 5-6 ช่องหลัก แต่หลังปี 2540 ระบบดาวเทียมเริ่มแพร่หลายมากขึ้น ทำให้เกิด “วิทยุชุมชน-เคเบิลทีวี” เป็นสื่อทางเลือก เพลงลูกทุ่งจึงอยู่ในความรับรู้ของสังคมมากยิ่งขึ้นด้วย

หรือแม้แต่สื่อใหม่ในยุคนั้นอย่าง “โทรศัพท์มือถือ” ซึ่งในทศวรรษ 2540 มือถือเริ่มทำ “เสียงเรียกเข้า-เสียงรอสาย” ตามใจผู้ใช้แต่ละคนได้แล้ว เพลงลูกทุ่งจึงได้ช่องทางเพิ่มเติมในการเผยแพร่ ในช่วงนี้ นักแต่งเพลงเริ่มนำเรื่องราวของเทคโนโลยีใหม่อย่างโทรศัพท์มือถือ สอดแทรกเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในบทเพลงด้วย เช่น มีการบอกว่าจะโทร.หาหลังเลิกงาน เป็นต้น

3.ค่ายเพลงยักษ์ใหญ่สนใจทำตลาดเพลงลูกทุ่งอย่างจริงจัง วงการเพลงไทยนั้นมี 2 ค่ายใหญ่แข่งขันกันมานานคือ “อาร์เอส-แกรมมี่” ก่อนหน้าปี 2540 ทั้งคู่เน้นทำเพลงสตริง (เพลงไทยสากล) แต่หลังปี 2540 ได้หันมาทางเพลงลูกทุ่งด้วย ในขณะที่ค่ายเพลงขนาดเล็กค่อยๆ หายไป อย่างไรก็ตาม “ทั้ง 2 ค่ายค่อนข้างแยกตลาดกันชัดเจน” อาร์เอสวางเป้าหมายกลุ่มคนฟังที่เป็นคนใต้ ส่วนแกรมมี่เน้นเจาะตลาดคนอีสาน และ 4.โฆษณาเครื่องดื่มชูกำลัง เนื่องด้วยกลุ่มลูกค้าหลักของเครื่องดื่มชูกำลังคือผู้ใช้แรงงานผู้ผลิตจึงหันมาทำการตลาดกับเพลงลูกทุ่ง

เนื่องด้วยหัวข้อนี้เน้นไปที่เพลงลูกทุ่งอีสาน สมพงศ์ จึงเลือกศึกษา “แกรมมี่โกลด์” ค่ายเพลงลูกทุ่งในเครือแกรมมี่ ซึ่งมีนักร้องคนแรกในสังกัดคือ “ไมค์ ภิรมย์พร” ตั้งแต่ปี 2538 เมื่อการทำเพลงเข้าสู่ระบบธุรกิจก็มีการวิจัยเพื่อทำความเข้าใจกลุ่มคนฟัง เช่น ไปตามร้านอาหารหรือสถานบันเทิงในภาคตะวันออกเฉียงเหนือเก็บข้อมูลว่านักดนตรีแถบนั้นนิยมเล่นเพลงใด และนักเที่ยวชอบฟังเพลงใด ซึ่งหลังการเก็บข้อมูล สามารถสรุปได้ด้วยคำว่า “ขำขื่น” หมายถึง “สนุกปนเศร้า” คำคำนี้บ่งบอกถึงวิถีของคนอีสานได้ชัดเจน

แกรมมี่โกลด์ ยังมีนักแต่งเพลงมือทองอย่าง สลา คุณวุฒิ ผู้เป็นทั้งคนอีสานและเป็นครูมาก่อน จึงเข้าใจสังคมอีสานเป็นอย่างดี ทั้งนี้ ทีมงานของค่ายได้วางลักษณะของเพลงลูกทุ่งที่จะผลิตเป็นผลงานออกมาไว้ให้เกี่ยวกับ“ทัศนะของคนชนบทหรือแรงงานจากชนบทอีสานที่เข้าไปใช้ชีวิตและทำงานในเมือง” และเมื่อได้ผลงานเพลงออกมาแล้ว จึงค่อยเลือกนักร้องที่เหมาะสมในการถ่ายทอดบทเพลงนั้นในภายหลัง

สมพงศ์ ยังให้ความสนใจประวัติของ ไมค์ ภิรมย์พร หรือชื่อจริงคือ พรภิรมย์ พินทะปะกัง ซึ่งมีบ้านเกิดในพื้นที่ชนบทของ จ.อุดรธานี มีความฝันอยากเป็นนักร้องมาตั้งแต่เด็ก ผ่านประสบการณ์เป็นแรงงานย้ายถิ่นในช่วงกลางทศวรรษ 2520 ถึงต้นทศวรรษ 2530 ก่อนเซ็นสัญญากับแกรมมี่โกลด์ในปี 2538 นอกจากนี้ ด้วยความที่มีรูปร่างกำยำบึกบึน บวกกับสไตล์การร้องเพลงบนเวทีที่มีท่าทางดูดุดันเหมือนนักมวยชื่อดังอย่าง“ไมค์ ไทสัน” จึงเหมาะสมที่จะปลุกปั้นในฐานะ “นักร้องขวัญใจผู้ใช้แรงงาน” และไมค์ก็กลายเป็นชื่อในวงการของศิลปินผู้นี้มาจนถึงปัจจุบัน

“ชีวประวัติและเรื่องราวความเป็นมาของ ไมค์ ภิรมย์พร มันน่าจะสอดรับกับ Plot (โครงเรื่อง)ของแกรมมี่โกลด์ ที่เขาวางยุทธศาสตร์ในการทำเพลงเกี่ยวกับลูกทุ่งแรงงานหรือลูกทุ่งอีสานร่วมสมัย ตัวไมค์นั้นชีวิตจริงของเขาที่เกิดขึ้นระหว่างเคลื่อนที่แรงงานของเขา ก็เริ่มจากการเป็นคนทำงานรับจ้างรายวัน กรรมกรก่อสร้าง พนักงานรักษาความปลอดภัยพ่อค้าหาบเร่แผงลอย ซึ่งปรากฏว่าสิ่งพวกนี้ที่เขาเป็นมา มันไปสอดรับกับเพลงที่แต่งขึ้นมาในชุดต่างๆ ของเขา อย่างเพลงที่เขาสะท้อนชีวิตหาเช้ากินค่ำ ก็คือชีวิตรายวัน

เพลงที่พูดถึงการเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัย คือเพลงนายร้อยหน้าลิฟต์ คือเพลงที่สะท้อนประสบการณ์ของไมค์ ภิรมย์พร ในการไปเป็นยามในยุคนั้น แล้วเพลงส่วนหนึ่งของไมค์ฉากก็คือการไปเป็นแรงงานในไซต์งานก่อสร้าง อย่างเช่น เพลงละครชีวิต เพลงผู้อยู่เบื้องหลัง ชีวประวัติหรือประสบการณ์การประกอบอาชีพของเขา มันสอดรับอย่างลงตัวกับแนวเพลงของแกรมมี่ ที่ทำมาใช้ช่วงปี 2538 ถึงปี 2544 เลย” สมพงศ์ เล่าตอนหนึ่งของประวัติศิลปินลูกทุ่งคนดัง

บทสรุปของการศึกษาประเด็นเพลงลูกทุ่งกับแรงงานอีสาน สมพงศ์ กล่าวว่า เพลงลูกทุ่งร่วมสมัยในทศวรรษ2540 (เช่น กรณีของไมค์ ภิรมย์พร และค่ายแกรมมี่โกลด์) ยังไม่ได้ตัดขาดจากเพลงลูกทุ่งยุคก่อนหน้านั้นเท่าใดนัก เช่น มีการบอกเล่าเรื่องราวอารมณ์ความรู้สึกของคนชนบท จึงยังเห็นภาพการปะทะและการประสานกันระหว่างพื้นที่ชนบทกับเมืองในพื้นที่ของบทเพลง และทิ้งท้ายไว้ว่า

“ปลายทศวรรษ 2540 พบเพลงลูกทุ่งที่พูดถึงแรงงานอีสานน้อยลง” และเมื่อถึงปลายทศวรรษ 2550 จะพบเพลงที่กล่าวถึงชีวิตสมัยใหม่ของชนบทมากขึ้น (อีสานป๊อป อีสานอินดี้) และการรับความเป็นสมัยใหม่ของคนรุ่นใหม่ก็ไม่ได้ทำโดยผ่านการเคลื่อนที่ของแรงงานเหมือนคนรุ่นก่อน ดังนั้นจึงน่าเป็นเรื่องที่น่าทำการศึกษาต่อไป!!!

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  

Breaking News

'ภูมิธรรม'ขออย่าโยง'ภูเก็ต'พบวัตถุต้องสงสัยซุกรถมอไซต์จอดสนามบิน กับเหตุ3จชต.

จับมือปืนวางแผนสังหารผู้สมัครนายกอบต.เมืองชาละวัน

ทภ.1ผ่อนผันให้ชาวกัมพูชา เดินทางผ่านด่านคลองลึก วันละไม่เกิน 1 พันคน

กรมการค้าภายในผนึกซีพีออลล์ช่วยชาวสวนรับซื้อมังคุดจันท์วางขายเซเว่นฯ 8,220 สาขาเริ่ม 28 มิ.ย.

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved