อธิบดี DSI ลงพื้นที่ให้กำลังใจ"มึนอ"ผู้เสียหายในคดีการหายตัวไปของ"กะเหรี่ยง พอละจี"ปิดท้ายเกษียณ รับปากช่วยเหลือเอกสารยื่นมรณบัตรแจ้งสามีเสียชีวิต
เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2564 พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เดินทางลงพื้นที่แก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี พบ นางพิณนภา พฤกษาพรรณ หรือ มึนอ ภรรยาของ "บิลลี่" พอละจี รักจงเจริญ แกนนำประชาชนชาวกระเหรี่ยง บ้านโป่งลึก บางกลอย เพื่อแจ้งความคืบหน้าการดำเนินการในคดีพิเศษที่ 13/2562 กรณี การหายตัวไปของ นายพอละจี หรือ บิลลี่ รักจงเจริญ โดยเป็นการลงพื้นที่แจ้งผลการดำเนินงาน ซึ่งเป็นหลักประกันสิทธิและเสรีภาพขั้นพื้นฐานให้กับผู้เสียหายหรือเหยื่ออาชญากรรมตามมาตรฐานสากล (ปฏิญญาว่าด้วยหลักความยุติธรรมขั้นพื้นฐานสำหรับผู้เสียหายจากอาชญากรรมและการใช้อำนาจโดยมิชอบ ค.ศ.1985)
พ.ต.ท.กรวัชร์ กล่าวว่า ผมคิดว่าเรื่องนี้ มึนอ ควรจะต้องทราบและพอดีผมเองก็ใกล้เกษียณก็เลยต้องมาพบมึนอก่อนเกษียณ โดยวันนี้ผมได้บอกมึนอไปแล้วทั้งหมด อย่างไรก็ตาม ผมได้กำชับพนักงานสอบสวนให้สอบสวนอย่างละเอียดรอบคอบ ทั้งนี้ ยืนยันว่าเราทำคดีบิลลี่ อย่างเต็มที่มากและตรงไปตรงมา ซึ่งเชื่อว่าอธิบดีดีเอสไอคนใหม่จะกำชับสั่งการ และหลังจากวันนี้ท่านจะมาพบผมอยู่แล้ว และผมก็จะได้เรียนท่านเกี่ยวกับคดีรวมทั้งเรื่องที่พูดคุยกับนางมึนอ ตลอดจนมาสอบถามความเป็นอยู่"
ด้าน นางมึนอ กล่าวว่า ความเป็นอยู่ช่วงนี้ลำบากจากสถานการณ์โควิค-19 ทำให้ไม่สามารถเดินทางไปไหนได้ รวมทั้งต้องระวังเพราะมีลูกหลายคนที่ต้องดูแล พร้อมกันนี้ นางมึนอ ยังได้ขอความช่วยเหลือเรื่องเอกสารจากดีเอสไอ ใช้ยื่นสำนักงานอำเภอเพื่อให้ออกใบมรณบัตรว่านายบิลลี่เสียชีวิตแล้ว รวมทั้งยังมีความกังวลความปลอดภัย รวมทั้งฝากข้อห่วงใยดำเนินการคดีให้เสร็จสิ้น
ทั้งนี้ อธิบดีดีเอสไอ ได้รับปากว่าจะช่วยเหลือตามที่นางมึนอ ร้องขอ ทั้งเอกสารใช้ยื่นขอออกใบมรณบัตร รวมทั้งดูแลความปลอดภัย ตลอดจนข้อความฝากถึงอธิบดีฯคนใหม่ให้
ภายหลังการพูดคุยกับนางมึนอ แล้ว พ.ต.ท.กรวัชร์ ได้ให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้ตนมาพบนางมึนอ ตั้งใจมาบอกความคืบหน้าคดีว่าอัยการสูงสุด ได้สั่งให้พนักงานสอบสวนเพิ่มเติมในบางประเด็น โดยก่อนหน้านี้ดีเอสไอได้ทำความเห็นแย้งคดีกรณีที่อัยการฯสั่งไม่ฟ้อง ทางอัยการสูงสุดจึงได้สั่งให้เราสอบสวนเพิ่มเติม เกี่ยวกับบางประเด็น เช่น โลหิตสายสารพันธุกรรมของมารดากับบิลลี่ , เครื่องมือพิเศษที่ใช้ค้นหาจนพบกระดูกบิลลี่ , ผลทางนิติวิทยาศาสตร์เพิ่มเติมประเด็นเกี่ยวกับกระดูก
อธิบดีดีเอสไอ กล่าวอีกว่า การที่สำนักงานอัยการสูงสุดสั่งพนักงานสอบสวนเพิ่มนั้น เป็นการกำหนดให้สอบสวนรายละเอียดของพยานหลักฐานเพิ่ม ก็ต้องดูว่าการสอบสวนตรงนี้จะไปสนับสนุนสำนวนการสอบสวนอย่างไร ซึ่งก็ต้องสอบสวนในเรื่องที่ผู้เชี่ยวชาญต้องตอบ โดยเราจะไปบอกว่าทำให้สำนวนคดีดีขึ้นหรืออย่างไรคงบอกไม่ได้ ทั้งนี้ ต้องเป็นเรื่องกระบวนการสอบสวน
เมื่อถามว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นระยะเวลานานแล้วการดำเนินคดีจะใช้เวลายาวนานแค่ไหน อธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า เวลาเรากำหนดไม่ได้ ซึ่งจะเห็นได้ว่าตั้วแต่ครั้งแรกที่มีเรื่องนี้เกิดขึ้นมาเมื่อปี 58 ว่าผมจะดำเนินคดี กว่าจะหากระดูกพบต้องใช้เวลานานถึง 5 ปี จึงเริ่มมีกระบวนการดำเนินคดีกับกลุ่มผู้กระทำความผิดแต่หลังจากนี้ก็เป็นการขมวดปมแล้วว่าสอบสวนเพิ่มเติมในเรื่องที่ยังค้างอยู่บางประเด็น ส่วนกระบวนการพิจารณาก็ต้องไปดูอีกทีว่าอัยการจะมีความเห็นอย่างไร แต่ส่วนจะนานมั้ยผมคงตอบเองไม่ได้แต่เราจะทำคดีให้เสร็จโดยเร็วที่สุด ทั้งนี้ ที่ผ่านมาเราแจ้งข้อกล่าวหาไปหมดแล้ว เพียงแต่สอบพยานเพิ่มเติมตามคำสั่งอัยการเท่านั้นเอง
ส่วนกรณีนางมึนอ เป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยนั้น อธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า เราต้องคุ้มครองคุณมึนอ ต่อไป เพราะถ้ายังเป็นกังวลเรื่องความปลอดภัย เราเองก็ค่อนข้างกังวล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายบิลลี่ เป็นนักเคลื่อนไหวสิทธิกลุ่มชาติพันธุ์ที่เข้าไปให้ความช่วยเหลือทางคดีแก่ นายคออี้ มีมิ ปู่ของเขาที่อายุกว่าร้อยปี และพี่น้องชาวกะเหรี่ยงที่ได้รับความเดือดร้อนจากการที่เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน บุกรื้อและเผาบ้านเรือนใน "บ้านบางกลอย" หรือที่รู้จักกันในอีกชื่อว่า "ใจแผ่นดิน" ก่อนจะหายตัวไปนาน 5 ปี และต่อมาดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษ และดำเนินการสอบสวนจนพบว่าถูกฆาตกรรมอำพรางศพด้วยการเผาในถังน้ำมัน 200 ลิตร ที่พบบริเวณสะพานแขวนในอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เมื่อเดือน เม.ย.2562 ซึ่งอีเอสไอ ได้สอบสวนเสร็จสิ้นและสรุปสำนวนเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหารวม 4 คน ส่งพนักงานอัยการ ต่อมาพนักงานอัยการมีคำสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาบางคนในบางข้อหา ซึ่งอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษได้มีความเห็นแย้งคำสั่งไม่ฟ้องดังกล่าวไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินการตามกฎหมายแล้ว ล่าสุดเมื่อวันที่ 9 กันยายน 2564 อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้รับหนังสือจากสำนักงานอัยการสูงสุด ให้พนักงานสอบ สวนดำเนินการสอบสวนเพิ่มเติมบางประเด็นก่อนชี้ขาดความเห็น - 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี