จังหวัดพิจิตรน้ำที่ยังคงท่วมในพื้นที่โดยเฉพาะสถานที่กักตัว สร้างความเดือดร้อนให้กับเจ้าหน้าที่อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน ที่ต้องทำหน้าที่เฝ้าเวรยาม กู้ภัยปอเต็กตึ๊ง ประกอบอาหารกว่า 500 ชุด ลุยน้ำเขาไปมอบให้ชาวบ้านที่กำลังเดือดร้อนสถานการณ์น้ำท่วมที่รับน้ำจากเทือกเขาเพชรบูรณ์เริ่มลดลงหลังไม่มีฝนตก
1 ตุลาคม 2564 สถานการณ์น้ำท่วมที่จังหวัดพิจิตร โดยเฉพาะที่อำเภอบางมูลนาก ยังคงสร้างความเดือดร้อนให้เจ้าหน้าอาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน สองนาย ที่ต้องทำหน้าที่เฝ้าเวรยามหน้าอาคารเรียนชุมชนภูมิวิทยา ตำบลภูมิ อำเภอบางมูลนาก จังหวัดพิจิตร ใช้เป็นสถานที่ในการกักตัวผู้ที่มีความเสี่ยงสูงใกล้ชิดผู้ป่วยโควิด19 ซึ่งต้องมีการเฝ้าเวรยามห้ามผู้กักตัวออกไปด้านนอก แต่ด้วยสถานการน้ำท่วมเกือบ 50 เซนติเมตร ทำให้การปฎิบัติภารกิจเป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากต้องมีการลุยน้ำที่สูงกว่าหัวเข่า เพื่อส่งอาหารและน้ำให้ผู้ที่กักตัววันละ 3 มื้อ และจุดที่พักก็มีน้ำท่วมขังทำให้ต้องยืนแช่น้ำตลอดเวลาที่ต้องเข้าเวรทั้ง 24 ชั่วโมง
โดยนายระเบียบ วงศ์ษาบุตร เจ้าหน้าที่ทำหน้าที่เฝ้าเวรยาม กล่าวว่า ตนเองและเจ้าหน้าที่อีกคน ต้องเข้าเวรยาม 1 วันกับอีก 1 คืน หลังจากนั้นจึงจะมีคนมาเปลี่ยนในผลัดต่อไป ซึ่งในการปฎิบัติงานก็เกิดความยากลำบากจากน้ำที่ท่วม
ขณะที่หลังจากที่เกิดคันคลองบุษบง คลองที่รับน้ำจากเทือกเขาเพชรบูรณ์ ได้พังลง ทำให้เกิดน้ำท่วมในหลายพื้นที่โดยเฉพาะที่หนักสุดที่หมู่ 1 ตำบลภูมิ อำเภอบางมูลนาก จังหวัดพิจิตร บ้านเรือนราษฎรจำนวนหนึ่งที่อยู่ริมคลองถูกน้ำท่วม ประชาชนก็ยังได้รับความเดือดร้อน เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยปอเต๊กตึ้ง จังหวัดพิจิตร ก็ได้ประกอบอาหารเป็นข้าวกล่อง จำนวน 500 ชุด พร้อมน้ำดื่มไปแจกจ่ายให้ประชนชนที่เดือดร้อน
ซึ่งการนำข้าวกล่องนำไปแจกจ่ายก็เกิดความยากลำบาก เนื่องจากบาวงพื้นที่ เกิดน้ำท่วมขังประมาณ 60 เซนติเมตร ซึ่งรถไม่สามารถเข้าไปได้ เนื่องจากน้ำลึกเกินสำหรับรถยนต์ หน่วยกู้ภัยปอเต็กตึ๊ง พร้อมด้วยผู้นำหมู่บ้าน ก็ต้องใช้การเดินเท้าลุยน้ำเข้าไปซึ่งก็สร้างความยากลำบาก ในขณะที่บางจุดที่พอจะน้ำเรือข้าไปได้ เนื่องจากน้ำลึกกว่า 1 เมตร แต่เส้นทาง ก็มีตาข่ายชาวบ้าน ที่วางหาปลาขวางไว้ซึ่งก็ยากลำบากต่อการเดินเรือเพื่อไม่ให้ตาข่ายของชาวบ้านเสียหาย เนื่องจากในขณะนี้ ชาวบ้านเองก็อยู่ในสภาวะที่กำลังได้รับความเดือดร้อน จากน้ำท่วมขัง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งครอบครัวของนางศรีวรรณ มีรัตน์ วัย 67 ปี ที่อาศัยอยู่กับแม่นางลิ้นจี่ ทองนามอญ วัย 82 ปี ทั้ง 2 คนอาศัยอยู่ที่บ้านเลขที่ 8 หมู่ 1 ตำบลภูมิ ใกล้กับจุดที่คันคลองพัง และทั้ง2 รายก็พิการไม่สามารถเดินไปไหนมาไหนได้ ยิ่งช่วงน้ำท่วม ยิ่งไม่สามารถออกไปหาอาหารมารับประทานได้ ด้วยความยากลำบาก
โดยนางศรีวรรณ มีรัตน์ เปิดเผยว่า ตนเองและแม่ พิการไม่สามารถเดินไปไหนมาไหนได้ ยิ่งเกิดน้ำท่วม ยิ่งทำให้สถานการณ์เลวงร้ายลงเพราะไม่สามารถลงจากบ้านได้เลย ทำให้การประกอบอาหารรับประทานเป็นไปด้วยความยากลบาก แต่โชคดีที่วันนี้ทางหน่วยกู้ภัย ปอเต็กติ๊งนำอาหารมาให้จึงได้มีอาหารรับประทาน และอยากขอบคุณทุกฝ่ายที่ช่วยเหลือ
ขณะที่สถานการณ์ล่าสุดระดับน้ำที่ไหลมาจาดเมือกเขาเพชรบูรณ์ได้เริ่มลดลงแล้ว หลังจากที่ฝนหยุดตกมาเป็นเวลา 3 วัน สถานการณ์น้ำท่วมขัง เริ่มคลี่คลาย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี