“เวหา”ผู้ต้องหาคดี 112 ร้องผู้ตรวจฯ อ้างกรมราชทัณฑ์จำกัดสิทธิขั้นพื้นฐานและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษยชน โวยรพ.ราชทัณฑ์ฯปล่อยผู้ต้องขังแออัด แฉไข้สูงในเรือนจำให้แค่ยาพารา บี้ให้ประเมินศักยภาพของกรมราชทัณฑ์ สามารถรับมือวิกฤตโควิดฯในเรือนจำได้หรือไม่
วันที่ 7 ตุลาคม 2564 เวลา 10.50 น. ที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ถนนแจ้งวัฒนะ กทม. นายเวหา แสนชนชนะศึก เจ้าของทวิตเตอร์ “ฟ้าฝนver.เกี้ยวกราด ซึ่งเป็นผู้ต้องหาคดีความผิดอาญา มาตรา 112 ที่ติดเชื้อโควิด -19 ในเรือนจำ ได้เข้าร้องเรียนต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ว่าขอให้เข้าไปตรวจสอบและแก้ไขปัญหาภายในเรือนจำโดยมีนายปิยะ ลือเดชกุล ผู้อำนวยการสำนักตรวจสอบเรื่องร้องเรียน สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน มารับเรื่องร้องเรียน
นายเวหา กล่าวว่า ตนได้ถูกเจ้าหน้าที่กองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจสันติบาล จังหวัดพิษณุโลก เข้าจับกุมตัวและขออำนาจศาลอาญาฝากขัง หลังจากนั้นได้ถูกนำตัวส่งเข้าทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง ซึ่งรวมระยะเวลาที่ถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำรวมทั้งสิ้น 51 วัน แต่การเข้าเรือนจำครั้งนี้ของตนเนื่องด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 ซึ่งปัญหาหนึ่งของราชทัณฑ์คือเรือนจำต่างๆงดรับผู้ต้องขังใหม่ โดยอ้างเหตุว่าแต่ละเรือนจำไม่สามารถรับมือการแพร่ระบาดโควิดได้ ทั้งนี้ ช่วงที่ตนเข้าไปนั้นมีเพียงทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลางเท่านั้นที่รองรับผู้ต้องขังใหม่ในทุกคดี ทุกเขตอำนาจศาลในกรุงเทพฯ ดังนั้น ทัณฑสถานฯจึงเป็นแดนแรกรับ และเกิดปัญหาในจัดการทั้งเรื่องจำนวนผู้ต้องขังใหม่ที่มีจำวนมาก อีกทั้งปัญหาที่ว่าผู้ต้องขังที่มาในวันเดียวกัน ตรวจไม่พบเชื้อจะต้องถูกกักตัวรวมกันบนเรือนนอนเป็นเวลา 21 วัน ทำให้เสื้อผ้า รวมถึงของใช้ส่วนตัวไม่เพียงพอ หรือแม้กระทั่งการตรวจหาเชื้อที่มีทุกๆ 7 วัน หากใครพบเชื้อจะส่งตัวไปทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ แต่ถ้าใครป่วยขึ้นมาในระหว่างนี้ก็จะได้รับแค่ยาพาราเซตามอล 1 เม็ดต่อวันเท่านั้น แม้ว่าจะมีไข้สูง ก็ต้องรอตรวจในอีก 7 วันข้างหน้า และไม่ให้ติดต่อญาติด้วย
นายเวหา กล่าวอีกว่า ที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่จะถูกนำไปนอนรวมกันกับผู้ติดเชื้อรายเก่าในห้องค่อนข้างแออัดรวมกันถึง 60 คน ไม่มีการเว้นระยะห่าง แต่ทางกรมราชทัณฑ์โดยโฆษกกรมราชทัณฑ์ ได้ออกมาแถลงอาการป่วยโควิดฯของตน นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ และนายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ ดาวดิน ว่ามีอาการดีขึ้นแล้ว ซึ่งในความเป็นจริงแล้วตนรักษาตัวอยู่ในห้องที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ไม่มีคุณหมอหรือใครเข้ามาดูเลย
“กรมราชทัณฑ์พยายามสื่อสารเฉพาะที่ดีเท่านั้นแต่ที่จริงภายในมีปัญหา เช่น เสื้อผ้าเราได้คนละชุดตั้งแต่เข้าไปจนออกมา อาหารการกินไม่มีสิทธิอะไรเลยหรือแม้กระทั่งที่เราติดโควิด เราไม่มีสิทธิติดต่อญาติเพื่อบอกกล่าวให้ได้รับรู้เลย โดยอ้างถึงสถานการณ์โควิดและการจำกัดสิทธิขั้นพื้นฐาน ตรงนี้ผมมองว่ามันเกินไปในสถานการณ์การแพร่ระบาด ซึ่งเราเองก็เข้าใจในมาตรการทุกอย่าง แต่สิทธิขั้นพื้นฐานและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษยชนไม่ควรจำกัดขนาดนั้น จึงขอให้ผู้ตรวจฯเข้าไปตรวจสอบและประเมินศักยภาพของกรมราชทัณฑ์ว่ามีเพียงพอที่จะรับมือวิกฤตโควิดฯในเรือนจำหรือไม่ และให้พิจารณาวางแนวทางในกระบวนการยุติธรรมใหม่ พร้อมให้กรมราชทัณฑ์เปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณชนด้วยความจริง”นายเวหา กล่าว
ด้านนายปิยะ กล่าวว่า งานในส่วนของเรือนจำและกรมราชทัณฑ์ขึ้นอยู่ในกรอบหน้าที่ของทางผู้ตรวจฯ ทางเราจะรับเรื่องไว้และเร่งดำเนินการส่งเรื่องให้กรรมการผู้ตรวจฯโดยเร็ว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี