ปภ.เตือนอีสาน-ตะวันออก-ใต้
รับพายุ‘ไลออนร็อก’
ระวัง10-11ต.ค./ฝนถล่มหนัก
ปภ.ชี้น้ำยังท่วม17จังหวัด
ระนองจม/ชุมพรดินสไลด์
ระทึก!อ่างมูลบนโคราชล้น
นํ้าป่าสัก-เจ้าพระยาลดระดับ
ปภ.ชี้น้ำท่วมกระทบ 33 จังหวัด เสียหาย 303,855 ครัวเรือนตาย 9 ศพ ยังคงมีน้ำท่วม 17 จังหวัด ด้านกรมอุตุฯประกาศเตือนพายุ “ไลออนร็อก” ทวีกำลัง เป็นพายุโซนร้อนส่งผลให้เกิดฝนตกหนักหลายแห่ง 10-11 ตุลาคม กรมชลฯเผยน้ำป่าสัก-เจ้าพระยา ลดระดับลงผู้ว่าฯ โคราช สั่ง 8 อำเภอรับมือน้ำอ่างมูลบนจ่อล้น ส่วนระนอง-ชุมพร เกิดดินสไลด์ปิดถนน
เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ในฐานะกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) รายงานถึงอิทธิพลพายุ ‘เตี้ยนหมู่’ ซึ่งเคลื่อนตามแนวร่องมรสุมปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง ทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบนมีฝนเพิ่มมากขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งตั้งแต่วันที่ 23 กันยายนถึงปัจจุบันส่งผลให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากใน33 จังหวัด 213 อำเภอ 1,147 ตำบล 7,706 หมู่บ้าน 1 เขตเทศบาล ประชาชนได้รับผลกระทบ 303,855ครัวเรือน
ปภ.เผยน้ำท่วมอยู่อีก17จังหวัด
สถานการณ์คลี่คลายแล้ว 16 จังหวัด (เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง พิจิตร เพชรบูรณ์ ตาก กำแพงเพชร บุรีรัมย์ นครปฐม ยโสธร สุรินทร์ เลย ศรีสะเกษ สระแก้ว จันทบุรี ปราจีนบุรี) มีผู้เสียชีวิต 9 ราย (ลพบุรี ชาย 6 ราย เพชรบูรณ์ ชาย 2 ราย ชัยนาท ชาย 1 ราย) ยังคงมีสถานการณ์น้ำท่วม 17 จังหวัด รวม 74 อำเภอ421 ตำบล 2,106 หมู่ 93,576 ครัวเรือน ได้แก่สุโขทัย พิษณุโลก ขอนแก่น มหาสารคาม ชัยภูมิ นครราชสีมา อุบลราชธานี นครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท ลพบุรี สระบุรี สุพรรณบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา และปทุมธานี ภาพรวมสถานการณ์ปัจจุบันหลายพื้นที่คลี่คลายแล้ว แต่ยังมีน้ำท่วมในพื้นที่ลุ่มต่ำ อยู่ระหว่างเร่งระบายน้ำ โดย ปภ.ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ว
อุตุฯเตือน‘ไลออนร็อก’ส่อรุนแรง
นายณัฐพล ณัฏฐสมบูรณ์ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยาออกประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา เรื่อง ‘พายุโซนร้อนไลออนร็อก’ ฉบับที่ 8 ว่าพายุโซนร้อนไลออนร็อก บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน มีศูนย์กลางประมาณ 150 กิโลเมตร จากตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะไหหลำ ประเทศจีน มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 65 กิโลเมตร/ชั่วโมง เคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือค่อนทางเหนือเล็กน้อยอย่างช้าๆคาดว่าเคลื่อนขึ้นฝั่งประเทศเวียดนามตอนบน ในวันที่ 10-11 ตุลาคมนี้
อนึ่ง มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ กำลังแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้และอ่าวไทยลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังแรงขึ้น โดยทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนคลื่นสูง 2-3 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนล่างคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร และบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 3 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง และขอให้ประชาชนติดตามประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา
รับมือฝนตกหนักในหลายพื้นที่
ทั้งนี้ สำหรับพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออก และภาคใต้ มีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากในระยะนี้ขณะที่พายุดีเปรสชั่นบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบนทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน‘ไลออนร็อก’แล้ว คาดว่าจะเคลื่อนขึ้นฝั่งประเทศเวียดนามตอนบนในช่วงวันที่ 10-11 ตุลาคมนี้
กรมชลฯชี้น้ำป่าสัก-เจ้าพระยาลด
ด้านกรมชลประทาน แจ้งสถานการณ์น้ำลุ่มน้ำป่าสัก และลุ่มน้ำเจ้าพระยา ว่าเริ่มลดระดับลงอย่างต่อเนื่อง หลังจากฝนตกในพื้นที่ลดน้อยลง ประกอบกับใช้อ่างเก็บน้ำมวกเหล็กหน่วงน้ำ ลดปริมาณน้ำที่จะไหลลงแม่น้ำป่าสักขณะที่เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ทยอยลดการระบายน้ำลงสู่ด้านท้ายอ่างฯ เหลือ 750ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.)/วินาที ก่อนจะรับน้ำส่วนหนึ่งเข้าคลองระพีพัฒน์ประมาณ 190 ลบ.ม./วินาที และควบคุมน้ำไหลผ่านเขื่อนพระรามหก ในเกณฑ์ 790 ลบ.ม./วินาที
ส่วนลุ่มน้ำเจ้าพระยา ปริมาณน้ำสถานีวัดน้ำท่า C.2 อ.เมือง จ.นครสวรรค์ วัดได้ 2,505ลบ.ม.มีแนวโน้มลดลง ก่อนจะไหลลงสู่เขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท โดยใช้คลองชลประทานทั้งสองฝั่งรับน้ำเข้า 407 ลบ.ม./วินาที และได้ลดการระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยาเหลือ 2,602 ลบ.ม./นาที แนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะทำให้ระดับน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยาลดลง
ผู้ว่าฯกทม.จับตาสถานการณ์น้ำ
อีกด้านหนึ่งพล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม.เปิดเผยว่า สถานการณ์น้ำเหนือที่ไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยา ทางกรมชลประทาน ตรวจวัดปริมาณน้ำที่ผ่าน กทม.เฉลี่ย 3,014ลบ.ม./วินาที ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาที่ปากคลองตลาดกทม.อยู่ที่ระดับ1.80 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง ยังต่ำกว่าระดับคันกั้นน้ำของ กทม.ประมาณ 1.20 เมตร จึงยังไม่ส่งผลกระทบ ส่วนฐานน้ำแม่น้ำเจ้าพระยา จะขึ้นสูงสุดในเวลา 19.00 น.ที่ระดับ +1.05 ม.รทก.สำหรับระดับน้ำแนวคันกั้นน้ำด้านตะวันออก ที่ประตูระบายน้ำคลองสอง (สายใต้) อยู่ในระดับปกติ+1.00 (ระดับวิกฤติ +1.80) ประตูระบายน้ำแสนแสบ มีนบุรี อยู่ในระดับปกติ +0.62 (ระดับวิกฤติ +0.90)ประตูระบายน้ำลาดกระบัง อยู่ในระดับปกติ +0.12 (ระดับวิกฤติ +0.60)
อย่างไรก็ดี วันที่ 7-10 ตุลาคมนี้ คาดว่าระดับน้ำแม่น้ำเจ้าพระยาจะเพิ่มสูงขึ้น 30-50เซนติเมตร จึงขอให้ชุมชนนอกคันกั้นน้ำ11 ชุมชน 239 ครัวเรือน ใน 7 เขต ติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด
8อำเภอโคราชรับมือน้ำอ่างมูลบน
นายวิเชียร จันทรโณทัย ผวจ.นครราชสีมา ออกประกาศแจ้งเตือนพื้นที่อ่างเก็บน้ำมูลบน ฉบับที่ 1 ว่าจากการติดตามสถานการณ์น้ำอ่างเก็บน้ำมูลบน พบว่าปริมาณน้ำ135.80 ล้าน ลบ.ม.คิดเป็นร้อยละ 96.31ของความจุ มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น คาดว่าจะล้นระดับเก็บกักประมาณกลางเดือนตุลาคมนี้ ประกอบกับกรมอุตุนิยมวิทยา ระบุว่าช่วงวันที่ 4-10 ตุลาคม อาจมีฝนตกหนักถึงหนักมาก อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่งในพื้นที่ลุ่มต่ำ จึงขอแจ้งเตือนพื้นที่เส้นทางน้ำไหลผ่าน 8 อำเภอ ได้แก่ อ.ครบุรี อ.ปักธงชัย อ.โชคชัย อ.จักราช อ.เฉลิมพระเกียรติ อ.เมือง อ.โนนสูง และ อ.พิมาย เตรียมรับมือสถานการณ์น้ำอ่างเก็บน้ำมูลบน อยู่ในภาวะเฝ้าระวัง ระดับสีน้ำเงิน
ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนเก็บข้าวของขึ้นที่สูง ระวังมวลน้ำไหลเชี่ยวอย่างใกล้ชิด โดยจะให้เจ้าหน้าที่เฝ้าระวังตามจุดเสี่ยงต่างๆ เพื่อประเมินสถานการณ์ หากพบว่าจะก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิต ก็จะสั่งอพยพประชาชนไปยังจุดที่จัดเตรียมไว้ทันที
อ่างทองท่วมหนักกว่า5พันหลัง
ผู้สื่อข่าวรายงานถึงสถานการณ์น้ำท่วมใน จ.อ่างทอง ว่าน้ำเริ่มลดลง โดยที่หน้าศาลากลางจังหวัด ปริมาณน้ำแม่น้ำเจ้าพระยา สูง 9.08 เมตร จากระดับตลิ่ง 10 เมตร กระแสน้ำไหลผ่าน 2,484ลบ.ม/วินาที ขณะนี้มีพื้นที่ได้รับผลกระทบ 5 อำเภอ บ้านเรือนชาวบ้านถูกน้ำท่วมกว่า 5,054 หลังคาเรือน 37 ตำบล 167 หมู่บ้าน ใน อ.ป่าโมก อ.วิเศษชัยชาญ อ.ไชโย อ.เมือง และ อ.สามโก้ พื้นที่การเกษตรเสียหายกว่า 20,973 ไร่ ส่วนทางหลวงชนบท หมายเลข 2034 อ่างทอง-ไชโย ต.จระเข้ร้อง อ.ไชโย เจ้าหน้าที่ได้เสริมพนังที่เสียหายจากน้ำกัดเซาะ เพื่อเพิ่มความแข็งแรงแล้ว
นอกจากนี้บางจุดพบความเสียหายของถนนซึ่งถูกน้ำไหลแรงกัดเซาะจนพังและยุบตัวลงครึ่งช่องทางจราจรและยังพบความเสียหายของป้ายจราจรบางส่วนที่ถูกกระน้ำพัดจนชำรุด เจ้าหน้าที่จึงแจ้งเตือนให้ผู้ขับขี่ใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ หากไม่จำเป็นขอให้หลีกเลี่ยงเส้นทางดังกล่าว ไปใช้เส้นทางถนนสายเอเชียแทนเป็นการชั่วคราว
เร่งเปิดทางน้ำหวิดวิวาทชาวบ้าน
ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดกรณีพิพาทระหว่างเจ้าหน้าที่กับชาวบ้านที่ประสบอุทกภัยน้ำท่วมบ้านเรือนในพื้นที่หมู่1ต.ชัยฤทธิ์ อ.ไชโย ที่มีการขอให้เปิดจุดระบายน้ำลงคลองเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนบริเวณหลังแนวกั้นน้ำ เพื่อให้น้ำลดระดับลงบ้าง แต่เจ้าหน้าที่สรุปว่าจะต้องวางแบริเออร์คอนกรีตตลอดแนว ตั้งแต่วัดนางเล่วถึงคลองบางศาลา โดยมีช่องให้น้ำสามารถไหลผ่านลงคลองชัยนาท-อยุธยาได้และยังเป็นการช่วยรักษาระดับน้ำให้ไหล่ผ่านไม่ทำให้ถนนทรุดตัว และรถสามารถสัญจรไปมาได้ ซึ่งต้องมีการเจรจากันจนชาวบ้านรับทราบข้อมูลจนเป็นที่พอใจ จึงยอมสลายตัวกันกลับไป
ระนองน้ำทะลักท่วมแล้ว5อำเภอ
ที่ จ.ระนอง ได้เกิดฝนตกหนักต่อเนื่อง ส่งผลให้ 5 อำเภอ ได้แก่ อ.กระบุรี อ.ละอุ่น อ.เมือง อ.กะเปอร์ และ อ.สุขสำรวย เกิดน้ำล้นตลิ่ง เอ่อท่วมบ้านเรือนชาวบ้าน โดยเฉพาะที่ อ.กระบุรี และ อ.เมือง ซึ่งส่วนใหญ่ชาวบ้านเก็บข้าวของขึ้นที่สูงไม่ทัน เนื่องจากน้ำมาเร็วประกอบกับน้ำทะเลหนุน ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายกำลังเร่งเข้าช่วยเหลือชาวบ้านที่ประสบภัย
นอกจากนี้ฝนที่ตกหนักจนดินบนภูเขาชุ่มน้ำ จึงเกิดดินสไลด์ไหลลงมาปิดเส้นทางถนนเพชรเกษม ช่วงทางเข้าเมืองระนอง พื้นที่หมู่ 1 ต.บางนอน อ.เมือง และเส้นทางราชกรูด-พะโต๊ะ จ.ชุมพร ทำให้รถทุกชนิดไม่สามารถผ่านเส้นทางได้ ทำให้การจราจรติดขัดเป็นทางยาวหลายกิโลเมตร อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องได้เข้าตักดินที่สไลด์ออกจากผิวถนนแล้ว แต่ยังมีดินบางส่วนที่ยังไหลลงมาบนถนนอีก
ชุมพรเร่งแก้ไขดินสไลด์ปิดถนน
ส่วนที่ จ.ชุมพร ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ฝนที่ตกอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงเช้าวันเดียวกันนี้ ส่งผลให้เกิดดินสไลด์จากภูเขาเข้าปิดถนนทางหลวงสาย 4006 เส้นทาง อ.หลังสวน มุ่งหน้า จ.ระนอง ทำให้ไม่สามารถใช้เส้นทางจราจรได้ และมีเสาไฟฟ้าหลายต้นหักโค่นลง ทางเจ้าหน้าที่ได้เร่งแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นแล้ว รวมทั้งได้นำอุปกรณ์และสัญญาณไฟแจ้งเตือนประชาชนให้เลี่ยงไปใช้เส้นทางอื่นแทน
ขณะที่เจ้าหน้าที่หมวดการทางพะโต๊ะ แขวงการทางระนองได้ระดมเครื่องจักรและกำลังเจ้าหน้าที่เข้าพื้นที่ขุดดินออกจากพื้นผิวจราจรเพื่อกลับมาเปิดการจราจรได้ตามปกติ แต่คาดว่าน่าจะใช้เวลาหลายชั่วโมงถึงจะดำเนินการเสร็จสิ้น
ทัพเรือแก้ปัญหาเครื่องผลักดันน้ำ
วันเดียวกัน พล.ร.ท.ปกครอง มนธาตุผลิน เจ้ากรมกิจการพลเรือนทหารเรือ กล่าวถึงกรณีเครื่องผลักดันน้ำในเรือของกองทัพเรือ จมที่คลองสำโรง ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ในขณะผลักดันน้ำออกสู่ทะเล เมื่อวันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา ว่าเหตุดังกล่าวเกิดจากเครื่องพ่นน้ำรั่วระหว่างเดินเครื่องผลักดันน้ำ น้ำจึงไหลเข้าเรือเร็วแล้วระบายไม่ทันแต่ทันทีที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ซึ่งดูแลอยู่ได้เร่งแก้ไขปัญหาแล้ว ส่วนสาเหตุที่ทำให้เรือจมเป็นเพราะมีเศษไม้ที่เป็นขยะแข็งเข้าไปจนวอเตอร์เจ็ทชำรุดเสียหาย
พล.ร.ท.ปกครอง กล่าวต่อว่า ในส่วนของการกู้เครื่องผลักดันน้ำ ทางชุดเฉพาะกิจผลักดันน้ำ ได้เข้าดำเนินการแล้วหากไม่มีอุปสรรคขัดข้องใดๆ เนื่องจากน้ำในคลองลึกไม่เกิน 3 เมตร กระแสน้ำไม่เชี่ยว เมื่อใช้เครนยกขึ้นมาได้ก็จะนำไปซ่อมที่กรมอู่ทหารเรือ ต่อไป
เผยส่งเรือใช้ผลักดันน้ำรวม58ลำ
พล.ร.ท.ปกครอง กล่าวอีกว่า ปัจจุบันกองทัพเรือได้ส่งเรือผลักดันน้ำ เร่งผลักดันน้ำในพื้นที่ต่างๆ รวม 58 ลำ โดยเดินเครื่องตั้งแต่วันที่ 25 กันยายนเป็นต้นมา ตั้งแต่เวลา 08.00 น.ถึง 18.00 น.ของทุกวัน จึงอาจทำให้มีการสึกหรอ หรือเกิดการชำรุดของอุปกรณ์ อย่างไรก็ดี ทางชุดเฉพาะกิจผลักดันน้ำได้มีการเตรียมอุปกรณ์และกำลังพลในการซ่อมแซมให้พร้อมใช้งานอยู่ตลอดเวลา หรือนำเรือผลักดันน้ำไปทดแทน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี