คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมช.ศธ.) เปิดเผยภายหลังเป็นประธานมอบนโยบายเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานของสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 ที่สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) โดยมี นายอรรถพล สังขวาสี เลขาธิการ สกศ. และผู้บริหารระดับสูงเข้าร่วม ว่าตนอยากให้ สกศ. เป็นเข็มทิศ เป็นทิศทางของการศึกษาไทยที่ทุกคนสามารถพึ่งพา และคาดหวังได้ ฉะนั้น เมื่อโลกเปลี่ยนไป การศึกษาก็ควรเปลี่ยนตามไปด้วย ซึ่ง สกศ.นั้นมีภารกิจที่หนักคือ การขับเคลื่อน ร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ... ที่จะเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมรัฐสภาในเร็วๆ นี้ และการเปลี่ยนหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน ที่ใช้มาตั้งแต่ปี 2551 ที่เน้นสาระความรู้ มาเป็นหลักสูตรฐานสมรรถนะ ให้คนเรียนแล้วสามารถไปประกอบอาชีพได้ และที่สำคัญคือ สกศ.ต้องเชื่อมโยงทุกภาคส่วนของสังคมให้การศึกษาในเรื่องศาสนา วัฒนธรรม และการกีฬา ให้เป็นรูปธรรม มองว่าเด็กมีความรู้อย่างเดียวไม่พอ ต้องนำเอาวัฒนธรรมมาผนวกเข้ากับการศึกษา เมื่อผู้เรียนได้เรียนแล้ว ต้องสามารถแก้ไขปัญหาในชีวิตประจำวันได้ มีความเอื้อเฟื้อเกื้อกูล มีความเมตตากรุณา จึงฝาก สกศ. นำเรื่องโค้ดดิ้งและการเรียนวิทยาศาสตร์ ผสานศาสตร์และศิลป์ โดยเปลี่ยนจาก STEM เป็น STEAM ที่ตนเองได้วางรากฐานไว้มาผลักดันพัฒนานักเรียนต่อไป เพื่อให้เด็กมีภูมิต้านทานต่อการเปลี่ยนแปลงในยุคดิสรัปชั่นได้
“สกศ.วางแผนที่จะยกระดับคุณภาพการศึกษาไทยให้เท่าเทียมต่างประเทศ ควรรู้ว่าการศึกษาของไทยต่อจากนี้ไปจะเดินหน้าต่อไปอย่างไร โดยสกศ.จะเข้าไปให้ข้อมูลด้านการศึกษาที่ถูกต้องกับสถาบันเพื่อการพัฒนาด้านการบริหารระหว่างประเทศ (IMD : Institute forManagement Development) เพื่อให้ต่างชาติรู้ว่าคุณภาพการศึกษาของไทยอยู่ตรงไหน พร้อมกับผลักดันให้ได้รับคะแนนการสอบ PISA ดีขึ้น เพื่อให้ต่างชาติรู้ว่าทิศทางของการศึกษาในประเทศจะเป็นอย่างไร และแก้ไขปัญหาการใช้ดิจิทัลในการเรียนการสอน เช่น หากพบประเด็นปัญหาอะไรให้เร่งแก้ไข เพื่อทำให้เราสามารถใช้ดิจิทัลในการเรียนการสอนได้อย่างสมบูรณ์และมีประสิทธิภาพ” คุณหญิงกัลยา กล่าว
ด้านนายอรรถพลกล่าวว่า หนึ่งในพันธกิจของ สกศ. คือการบูรณาการให้นักเรียน นักศึกษา มีความรู้ในเรื่อง ศาสนา วัฒนธรรม กีฬา และศิลปะ โดยทุกคนต้องมีความรู้เรื่องเหล่านี้เหมือนกัน ไม่ใช่ต่างคนต่างทำ ต่างคนต่างรู้เหมือนที่ผ่านมา ดังนั้น สกศ.จะหลอมความรู้เรื่องวัฒนธรรมโดยสอนให้ผู้เรียนได้รู้รากเหง้าของตน มีศาสนาที่ตนนับถือ มีคุณธรรมจริยธรรม มีศิลปะคือ มีความคิดสร้างสรรค์ที่จะสามารถเลือกเส้นทางของตนในอนาคตได้ และด้านกีฬาคือ ผู้เรียนจะต้องมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์ ต้องมีเป้าหมายและทิศทางที่จะต้องเดินไปในอนาคต ซึ่งทาง WorldEconomic Forum จัดทำรายงาน The Future of Jobsว่าด้วยเรื่องแนวโน้มและทิศทางของอาชีพในอนาคต ตลอดจนทักษะการทำงานที่จำเป็นภายในอนาคตอันใกล้ ค.ศ.2025 ซึ่งจะมี 10 อาชีพที่เกิดใหม่ โดยคุณหญิงกัลยา มีแนวคิดว่าสกศ.ควรสัญจรไปหาเสาหลักของเศรษฐกิจไทย เช่น สมาคมธนาคารไทย สมาคมการท่องเที่ยว อุตสาหกรรมทั้งในและต่างประเทศ หอการค้าในและต่างประเทศโดยหารือกับผู้ประกอบวิชาชีพว่าในปี ค.ศ.2025 ผู้ประกอบการต้องการคนแบบไหน เพื่อให้ทุกหน่วยงานเข้ามาร่วมวางแผนการศึกษาของประเทศได้ จากนั้นสกศ.จะรวบรวมข้อมูลที่ได้มาเพื่อดำเนินการขับเคลื่อนในการสร้างคนให้ตอบรับกับความต้องการของประเทศในปี ค.ศ.2025
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี