15 ตุลาคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายณรงค์ รักร้อย ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร เป็นประธานเปิดโครงการตลาดอาหารทะเลต้นแบบ สร้างภูมิต้านโควิด เพื่อเศรษฐกิจสมุทรสาคร ที่ตลาดทะเลไทย ต.ท่าจีน อ.เมือง จ.สมุทรสาคร โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้บริหารตลาดทะเลไทย/ตลาดกลางกุ้ง ผู้ประกอบการ และผู้เกี่ยวข้องเข้าร่วม
ที่ผ่านมาจังหวัดสมุทรสาคร เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ช่วงปลายปี พ.ศ. 2563 โดยเฉพาะการแพร่ระบาดระลอกที่ 2 ที่ตลาดกลางกุ้งและตลาดทะเลไทย ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของจังหวัด ซึ่งถือเป็นศูนย์กลางผลิตอาหารทะเล อาหารทะเลแปรรูป และอุตสาหกรรมต่อเนื่องจากการประมง เนื่องจากไม่สามารถประกอบอาชีพ และจำหน่ายผลผลิตได้ตามปกติ
เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับภาคธุรกิจ ผู้ซื้อ และประชาชนที่มาใช้จ่ายในตลาดตลาดทะเลไทย/ตลาดกลางกุ้ง ภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย โรงพยาบาลสมุทรสาคร สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด เทศบาลนครสมุทรสาคร เทศบาลตำบลท่าจีน ผู้ประกอบการตลาดทะเลไทยและตลาดกลางกุ้ง ได้ร่วมกันจัดทำ โครงการตลาดอาหารทะเลต้นแบบ สร้างภูมิต้านโควิดเพื่อเศรษฐกิจสมุทรสาคร (ตลาดทะเลไทย/ตลาดกลางกุ้ง)
โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันโรคติดเชื้อโควิด - 19 ซึ่งจะใช้วิธีป้องกันควบคู่กับการควบคุมการแพร่ระบาดผ่านการตรวจคัดกรองเชิงรุก Antigen Test kits (ATK) และการฉีดวัคซีน ให้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายซึ่งเป็นประชาชนและกลุ่มแรงงานต่างด้าวภายในตลาดทะเลไทย/ตลาดกลางกุ้ง โดยแบ่งแรงงานต่างด้าวเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่เคยติดเชื้อโควิด-19 มาแล้ว จะได้รับวัคซีนแอสตร้าเซเนก้า 1 เข็ม ส่วนแรงงานต่างด้าวที่ไม่เคยติดเชื้อ จะได้รับวัคซีน 2 เข็ม ตามปกติ
นายณรงค์ รักร้อย ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร เปิดเผยว่า ปัจจุบันสถานการณ์โควิด-19 ในจังหวัดสมุทรสาครเริ่มดีขึ้น แต่ยังคงต้องยึดมาตรการ DMHTT อย่างเข้มงวด และเชื่อว่าตลาดอาหารทะเลทั้ง 2 แห่ง ที่เข้าร่วมโครงเข้าใจเป็นอย่างดี เห็นจากการขึ้นป้ายบังคับให้สวมแมส หากไม่ปฏิบัติจะมีโทษปรับ เพื่อให้ทุกคนตระหนักถึงความสำคัญของการสวมแมส ซึ่งเป็นการป้องกันที่สำคัญ
สำหรับโครงการตลาดอาหารทะเลต้นแบบ สร้างภูมิต้านโควิด เพื่อเศรษฐกิจสมุทรสาคร มุ่งเน้นสร้างความเชื่อมั่นในเกิดขึ้น โดยยังคงมาตรการต่างๆ ที่จังหวัดกำหนดไว้ และประชาชนต้องปฏิบัติตามอย่างเข้มข้น แม้จำนวนผู้ติดเชื้อจะลดลง แต่ยังไม่สามารถวางใจได้ เพราะการติดเชื้อก็ยังสามารถเกิดขึ้นได้อีก การฉีดวัคซีนจึงสิ่งสำคัญและจำเป็นต้องฉีดให้ทั่วถึงครอบคลุมมากที่สุด ควบคู่ไปกับการปฏิบัติตัวภายใต้มาตรการ DMHTT หรือการ์ดอย่าตก
ในส่วนของปัญหาเศรษฐกิจและปากท้องของประชาชน เป็นปัญหาที่สำคัญ แต่ภายใต้สถานการณ์ที่เกิดขึ้น การแก้ปัญหาต้องทำไปแบบคู่ขนาน จึงจะมีประสิทธิภาพ ส่วนการเปิดเมืองต้องยึดตามนโยบายของรัฐบาล ที่คำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชน เพื่อไม่ให้สถานการณ์กลับมาเกิดความรุนแรงได้อีก แต่ถึงอย่างไรก็ตามเศรษฐกิจต้องได้รับการกระตุ้น เพื่อให้ประเทศสามารถเดินหน้าต่อไปได้อย่างปลอดภัยและยั่งยืน
ด้านนายแพทย์ สุริยะ คูหะรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันจังหวัดสมุทรสาครมีวัคซีนอยู่ประมาณ 100,000 โดส และพยายามที่จะฉีดวัคซีนให้กับกลุ่มแรงงานต่างด้าว โดยที่ผ่านมามีแรงงานต่างด้าวได้รับวัคซีนแล้วประมาณ 70,000 คน จากแรงงานต่างด้าวทั้งหมดประมาณ 270,000 คน หากสามารถฉีดวัคซีนให้กลุ่มแรงงานต่างด้าวได้อย่างต่อเนื่อง หรือครึ่งหนึ่งของแรงงานต่างด้าวที่มี จะทำให้ภาพรวมการฉีดวัคซีนในจังหวัดสมุทรสาคร เพิ่มสูงมากกว่า 70 เปอร์เซ็นต์
นอกเหนือจากการฉีดวัคซีนกลุ่มแรงงานต่างด้าว ที่ตลาดกลางกุ้งและตลาดทะเลไทย ยังได้ขยายการฉีดวัคซีนให้แรงงานต่างด้าวในกลุ่มอื่นๆ อาทิ กลุ่มไซด์งานก่อสร้าง ฯลฯ รวมทั้งเปิดให้แรงงานต่างด้าว walk in เข้ารับวัคซีนได้ ภายใต้เงื่อนไขเพื่อลดการแออัด
ส่วนสถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิด19 ในจังหวัดสมุทรสาคร มีแนวโน้มที่ดีขึ้น และได้มีการหารือกับทางผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ในการเพิ่มมาตรการป้องกันที่มากขึ้น ในโรงงาน สถานประกอบการ และตลาดต่างๆ ควบคู่ไปกับการใช้ชุดตรวจ ATK เพื่อประเมินคุณภาพของมาตรการการป้องกันโควิด-19 หากพบผู้ติดเชื้อลดลงก็จะมีโอกาสเปิดเมืองในส่วนต่างๆได้มากยิ่งขึ้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี