ที่ประชุม ก.อ.เห็นชอบตั้ง 7 อัยการมือดี เป็น กก.สอบวินัยร้ายแรง เนตร นาคสุข อดีตรอง อสส.สั่งไม่ฟ้อง บอส วรยุทธ ขับรถชนตำรวจ เน้นสอบสาวไปถึงอัยการ ช.ช้างเรื่องเปลี่ยนแปลงความเร็วรถ ส่วนการแต่งตั้งปรเมศวร์ เป็นผู้ตรวจการอัยการ ยังไม่โปรดเกล้าฯลงมา อสส.ยังไม่เซ็นให้ เนตร , อัยการ ช.ช้าง ลาออก ปธ.ก.อ.ระบุคดีฟ้องผู้ต้องหาค้ายาเสพติดรายใหญที่น่าน เกี่ยวพันหลายหน่วยงาน อสส.สั่งสอบสวนให้รู้ผลว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร
เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 18 ตุลาคม 2564 ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ศูนย์ราชการฯ ถ.แจ้งวัฒนะ นายพชร ยุติธรรมดำรง ประธานคณะกรรมการอัยการ (ก.อ.) เป็นประธาน การประชุม ก.อ.โดยมีวาระสำคัญ การแต่งตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรง นายเนตร นาคสุข อดีต รอง อสส.กรณีสั่งไม่ฟ้อง นายวรยุทธ หรือบอส อยู่วิทยา ทายาทเครื่องดื่มชูกำลัง ผู้ต้องหาคดีขับรถชนตำรวจสน.ทองหล่อเสียชีวิตเมื่อวันที่ 3 ก.ย.2555
ภายหลังการประชุม นายพชร เปิดเผยว่า หลังจากที่การประชุม ก.อ.ครั้งที่แล้ว มีมติตั้ง นายธนพิชญ์ มูลพฤกษ์ ก.อ.บำนาญ และอดีตอธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ เป็นประธานคณะกรรมการสอบ วันนี้ที่ประชุม ก.อ.มีมติตั้งคณะกรรมการสอบเพิ่มเติมขึ้นอีก 6 คน รวมเป็น 7 คน และย้ำให้ดำเนินกาาสอบสวนให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว เพราะเป็นการสอบสวนเพิ่มเติมจากคราวที่แล้ว ที่เคยตั้งเรื่องความผิดวินัยไม่ร้ายแรง ซึ่ง ก.อ.มีความเห็นว่า ควรจะเป็นความผิดวินัยร้ายแรงจึงตั้งกรรมการสอบสวนขึ้นมา เพราะฉะนั้น ข้อเท็จจริงของเป็นไปตามเดิม คงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เพียงแต่ว่าสอบให้รัดกุมมากขึ้นว่า การผิดวินัยร้ายแรงเป็นอย่างไร เพื่อให้สอดคล้องตามกฎหมายที่กำหนด แต่ตอนคิดว่าคงใช้เวลาไม่นาน
สำหรับคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรงประกอบด้วย นายธนพิชญ์ มูลพฤกษ์ (ก.อ.สายบำนาญ) ประธานกรรมการสอบฯ
กรรมการสอบวินัยฯ ประกอบด้วย นายชาติพงษ์ จีระพันธุ รองอัยการสูงสุด (ก.อ.โดยตำเเหน่ง) , นายเชาวลิต วงศานรเศรษฐ์ อธิบดีอัยการภาค 4 รักษาการผู้ตรวจการอัยการ , นายสุวิช ชูตระกูล อธิบดีอัยการสำนักงานปกครองเพชรบุรี รักษาการอธิบดีอัยการภาค 7 (ก.อ.) , นายอนุชา วัฒนวิภา อัยการพิเศษฝ่ายสำนักงานคณะกรรมการอัยการ รักษาการรองอธิบดีอัยการสำนักงานคณะกรรมการอัยการ , นายมั่นเกียรติ ธนวิจิตรพันธ์ ผู้ตรวจกรอัยการ และ พ.ต.ต.สันติ มุริจันทร์ อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุดสำนักงานอัยการคดีเยาวชนและครอบครัวจังหวัดขอนแก่นเป็นผู้ช่วยเลขานุการ
ซึ่งอัยการทุกคนผ่านงานราชการมามาก มีทั้งผู้ที่เคยผ่านสำนักงานคดีพิเศษและบางคนเป็นคณะกรรมการร่างกฎหมายหลายฉบับ เพราะฉะนั้นจึงไม่น่าเป็นห่วงเรื่องการสอบสวน เชื่อว่าคณะการการสอบวินัยร้ายแรง นายเนตร นาคสุข จะสอบสวนเสร็จสิ้นภายในระยะเวลา 60 วัน ซึ่งสามารถขอขยายเวลาสอบเพิ่มได้อีก 2 ครั้ง รวมแล้วไม่เกิน 180 วัน
"เราต้องการสอบสวนให้รัดกุมเพื่อจะขยายไปถึงอัยการชื่อย่อ ช.ช้าง ที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงความเร็วรถยนต์ของนายวรยุทธ และถ้าหากรู้ว่าเป็นใครก็จะต้องกรรมการสอบสวนชั้นต้น อัยการคนนั้นอีกครั้ง เพื่อแยกกันดำเนินการให้รวดเร็ว โดยการทำงานของคณะกรรมการสอบสวนชุดนี้มีความอิสระ ให้อำนาจพิจารณาอย่างเต็มที่" ประธาน ก.อ.กล่าว
สำหรับกระแสข่าวเรื่องการลาออกของ นายเนตร นาคสุข และอัยการชื่อย่อ ช.ช้างนั้น ตนทราบว่า อัยการสูงสุดยังไม่เซ็นอนุมัติให้ลาออก แต่ถึงลาออกไป ก็ไม่น่ามีปัญหาเรื่องการสอบสวน เพราะกฎหมายให้อำนาจสอบสวนได้ภายใน 180 วัน
นายพชร ยังกล่าวถึงความคืบหน้าคดีที่อัยการจังหวัดน่านยื่นฟ้องผู้ต้องหาคดียาเสพติดรายใหญ่ เรื่องนี้ นายสิงห์ชัย ทนินซ้อน อัยการสูงสุด กำลังดำเนินการสอบสวนอยู่ โดยให้อัยการภาค 5 รายงานข้อเท็จจริงว่าเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นอย่างไร เรื่องนี้มีหน่วยงานเกี่ยวพันกันหลายหน่วยงาน อัยการสูงสุดจะต้องนำเหตุผลจากอัยการภาค 5 มาสรุปว่าเหตุที่เกิดขึ้นตามข่าว เกิดขึ้นได้อย่างไร กรณีเป็นเรื่องที่น่าสนใจ แต่ขณะนี้เราไม่สามารถที่จะก้าวล่วงได้
ส่วนกรณีการแต่งตั้ง นายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม ขึ้นเป็นผู้ตรวจการอัยการนั้นขณะนี้ยังไม่โปรดเกล้าฯ ลงมา ซึ่งจะทรงโปรดเกล้าฯ หรือไม่ก็เป็นเรื่องของพระราชอำนาจ
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี